ผศ.ดร.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า มาตรการรับมือการระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ สิ่งที่รัฐควรทำเพื่อควบคุมโรค คือต้องล็อกเป้าหมายให้ชัดในแต่ละพื้นที่ อย่าโยนปัญหาให้ประชาชนเป็นคนจัดการ ก่อนประชาชนจะถูกลงโทษจนทำมาหากินไม่ได้ อย่าลืมลงโทษเจ้าหน้าที่รัฐที่เป็นต้นเหตุใช้กฎหมายหากินกับพวกผิดกฎหมายด้วย พร้อมเสนอให้รัฐบาลเตรียมความพร้อม 5 ด้าน เพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นในทุกมิติ
- การล็อกดาวน์หรือใช้มาตรการใดๆ ที่กระทบการทำมาหากินของประชาชน รัฐบาลต้องชดเชยรายได้ โดยงบประมาณที่ใช้มาจากการกู้ผ่านการออกตราสารหนี้ ขายให้สถาบันทางการเงินของรัฐและเอกชน เป็นการกู้ที่ไม่เกิดประโยชน์กับคนที่เดือดร้อนจริง
- รัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทยนำมาตรการพักชำระหนี้กลับมาใช้อีกครั้งเพื่อบรรเทาปัญหาในะระยะสั้น
- รัฐบาลควรปรับแผนสั่งซื้อวัคซีนเร่งด่วน เพื่อนำมาป้องกันประชาชนกลุ่มเสี่ยงต่อการเสียชีวิตสูงและบุคลากรทางการแพทย์ เมื่อวัคซีนเพียงพอแล้วจึงควรวางแผนให้ประชาชนล่วงหน้าอย่างเป็นระบบอย่างเท่าเทียมให้คุ้มกับภาษีประชาชน ไม่ใช่การชิงโชครับภูมิคุ้มกันเหมือนที่รัฐบาลทำมาโดยตลอด
- รัฐควรเพิ่มทางเลือกวัคซีนตัวอื่นที่มีประสิทธิภาพสูง นอกเหนือจากบริษัท อ็อกซ์ฟอร์ด-แอสตราเซเนกา (Oxford-Astrazeneca) บริษัทเดียว
- รัฐควรให้วัคซีนสังคม (social vaccination) ด้วยการปลูกฝังประชาชน เข้มงวดสวมหน้ากากและ Social distancing ให้เป็นนิสัย เตรียมอุปกรณ์ทางการแพทย์ สถานที่กักตัว และสถานบริการบำรุงรักษาอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้เพียงพอ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับสังคม เพราะหากตัวเลขผู้ติดเชื้อพุ่งสูงขึ้น การเตรียมพร้อมที่ดีพอจะช่วยลดปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นได้
โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า นอกจากแผนทั้ง 5 ข้อข้างต้น รัฐบาลควรวางแผนเยียวยาและปรับโครงสร้างประเทศในระยะยาวไปพร้อมกันด้วย โดยต้องหาทางสร้างโอกาสใหม่ๆ หารายได้ให้กับประชาชนในระยะยาว
“คนออกคำสั่งปิดธุรกิจ ปิดสถานศึกษา โดยไม่หามาตรการรองรับ คือคนที่กินเงินเดือนจากภาษีประชาชน ไม่รู้ถึงความเดือดร้อนของคนหาเช้ากินค่ำ ประเทศที่ประชาชนไม่มีกิน คือประเทศที่ล้มเหลว มาจากผู้บริหารที่ล้มเหลวที่มักโทษประชาชนก่อนเสมอ” ผศ.ดร.อรุณี กล่าว