จำอวด เข้าสภา

สภาฯ ชุดนี้มีเรื่องแปลกๆ เยอะ

แค่หยอกกันเล่น กลายเป็นเรื่องเอาจริงเอาจริง ขู่ตีหัวกันได้ไง มันเยอะไป….

เหมือนเอานิ้วสะกิด แต่ดันลงไปนอนชักดิ้นชักงอ เหมือนคนปางตาย

ก็เรื่องระหว่าง รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ศุภชัย โพธิ์สุ กับ จิรายุ ห่วงทรัพย์ ค่ายเพื่อไทย เมื่อวันพุธที่ผ่านมา

เรื่องแซวกันเล่นเพราะบ้านอยู่ซอยเดียวกับ “จ่านิว” ที่รองประธานสภาฯ บอกว่า “จิรายุระวังตัวด้วย” แค่นั้น….

คือ…ถ้าคนคุยกันอย่างเป็นมิตร ก็รู้ว่าแค่แซวเล่นแต่ถ้าจะเอาเป็นเอาตายทุกเรื่อง มันก็ทึกทักได้ว่าคือการข่มขู่ จะถูกดักตีหัวอีกคน

ถามหน่อยเถอะ

รองประธานสภาฯ ศุภชัย ที่เพื่อนๆ เรียกว่า “ครูแก้ว” หุ่นผอมกะหร่อง คำพูดคำจาไม่เฉียดนักเลงเลย เป็นพ่อพระเอกหมอลำพอไหว คนแบบนี้จะไปไล่ตีใครได้  ไม่ได้อยู่ในข่ายจะไปสั่งให้ใครไปดักตีหัวใครได้เลย

แต่…โซเชียลฝั่งประชาธิปตุงคนรุ่นใหม่ เขายอมไม่ได้ ด่าเละ! เป็นเดือดเป็นแค้นราวกับว่า ดาวสภาจิรายุถูกตีเลือดสาดเต็มเสื้อไปแล้ว

มันไร้สาระ

จงใจเอาเรื่อง “จ่านิว” มาเล่นการเมืองจนเกินงาม

เอาจริงนะ….

ทุกรัฐบาลมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้เสมอ

ไม่ว่ารัฐบาลจากการเลือกตั้ง รัฐบาลรัฐประหาร

สาเหตุจากอะไรไม่รู้ แต่ก็ตีกันเนืองๆ

ถ้าความจำไม่สั้นเกินไปนัก “เอกยุทธ อัญชันบุตร” รายนั้นถึงตาย

สาเหตุจากอะไร วันนี้ยังไม่มีคำตอบ

แต่ “เอกยุทธ” คือคนที่ลากไส้ “ยิ่งลักษณ์” มากที่สุดเป็นอันดับต้นๆ

กปปส.ชุมนุมตั้งแต่วันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ถึงวันที่ ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๕๗

เจ็บ ๗๘๒ ราย ตาย ๒๗ ศพ ทั้งหมดชัดๆ คือเรื่องการเมือง

จากฝีมือกองกำลังติดอาวุธ มีเอ็ม ๗๙ เป็นอาวุธข้างกาย เคลื่อนไหวสนับสนุนรัฐบาลยิ่งลักษณ์

“ราเมศ รัตนะเชวง” โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เคยถูกดักตี ดักแทง จนโคม่า สภาพดูไม่ได้ ยิ่งกว่า “จ่านิว”

แต่รองนายกฯ ในวันนั้นที่ชื่อเฉลิม อยู่บำรุง ทึกทักเอาว่า ไม่เกี่ยวกับการเมือง

นั่นของจริง เจ็บจริง ตายจริง

สมัยทักษิณ มีใครลืมไปแล้วบ้าง

ทนายสมชาย นีละไพจิตร หายไปไหน

อ้างสงครามยาเสพติด ตั้งศาลเตี้ยยิงทิ้งกันไปกี่ศพ

ที่บอกว่า “จ่านิว” ถูกตีหัว ๑ คน เท่ากับคน ๖๗ ล้านคนโดนตีหัวด้วย แล้วข้างบนนี้จะเรียกว่าอะไร

ฉะนั้นควรปล่อยให้คดี “จ่านิว” กลับไปเป็นเรื่องการทำร้ายร่างกาย เป็นฝีมือใคร สาเหตุอะไร เป็นหน้าที่ตำรวจให้คำตอบ

ถ้าให้คำตอบไม่ได้ ก็ไปซ้ำรอยที่ตำรวจให้คำตอบไม่ได้ว่า คนที่เห็นต่างกับรัฐบาลยิ่งลักษณ์-ทักษิณ ต้องตาย หายสาบสูญ เพราะอะไร

แต่ถ้าจะเรียกร้องเอาให้ได้เดี๋ยวนี้ ไปชักชวนองค์กรภายนอกเข้ามา หากมีจิตวิญญาณเพื่อสิทธิมนุษยชนจริงๆ ก็ควรเรียกร้องให้ตำรวจทำคดีตั้งแต่ยุครัฐบาลทักษิณ ยิ่งลักษณ์ มาจนถึงรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

แบบนั้นถึงจะเรียกว่าเพื่อมนุษยชนจริงๆ

ไม่ใช่เพื่อมนุษยโจร

เมื่อปี ๒๕๔๘ กระทรวงการต่างประเทศอเมริกา เปิดเผยรายงานรวบรวมสถานการณ์ละเมิดสิทธิมนุษยชนไทยภายใต้รัฐบาลทักษิณ ๑

ชี้ให้เห็นว่ามีการละเมิดสิทธิในประเทศไทยเกือบทุกรูปแบบ

การละเมิดสิทธิมนุษยชนตามรายงานฉบับนี้หมายรวมทั้งการละเมิดสิทธิมนุษยชนโดยรัฐ และการละเมิดสิทธิมนุษยชนโดยเอกชน ซึ่งรัฐไม่สามารถให้ความคุ้มครองได้

จำแนกรายละเอียดการละเมิดสิทธิมนุษยชนออกเป็น ๕ หมวดดังนี้

หมวดที่ ๑ การเคารพบูรณภาพแห่งบุคคล อันรวมถึงการปลอดจาก การสังหารตามอำเภอใจหรือการสังหารที่ผิดกฎหมาย, การหายสาบสูญ, การทรมานและการปฏิบัติหรือการลงโทษด้วยวิธีการที่โหดเหี้ยม ไร้มนุษยธรรม หรือทำลายศักดิ์ศรีอื่นๆ, การจับกุม การกักกัน หรือการเนรเทศตามอำเภอใจ, การปฏิเสธการพิจารณาคดีอย่างเปิดเผยและเป็นธรรม, การล่วงละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ครอบครัว บ้าน หรือเอกสารโต้ตอบโดยพลการ

หมวดที่ ๒ การเคารพสิทธิเสรีภาพของพลเมือง อันประกอบด้วย เสรีภาพในการพูดและเสรีภาพของสื่อมวลชน, เสรีภาพในการชุมนุมกันอย่างสงบและการจัดตั้งสมาคม, เสรีภาพในการนับถือศาสนา, เสรีภาพในการเดินทางภายในประเทศ การเดินทางไปต่างประเทศ การย้ายถิ่นฐาน และการส่งกลับประเทศ

หมวดที่ ๓ การเคารพสิทธิทางการเมือง : สิทธิของประชาชนในการเปลี่ยนแปลง รัฐบาล

หมวดที่ ๔ ทัศนะของรัฐบาลเกี่ยวกับการสืบสวนโดยองค์กรระหว่างประเทศและองค์กรเอกชนในประเด็นการละเมิดสิทธิมนุษยชาติ

หมวดที่ ๕ การเลือกปฏิบัติ การกระทำโดยมิชอบในสังคมและการค้ามนุษย์ รวมถึงการละเมิดต่อสตรี เด็ก การใช้แรงงานเด็กยังคงเป็นปัญหาอยู่, การค้ามนุษย์, ชนกลุ่มน้อยทางสัญชาติ/เชื้อชาติ/ชาติพันธุ์, คนพื้นเมืองและการประพฤติโดยมิชอบและการเลือกปฏิบัติทางสังคมอื่นๆ

หมวดที่ ๖ สิทธิของคนงาน ได้แก่ สิทธิในการตั้งสมาคม, สิทธิในการจัดตั้งองค์กรและการร่วมเจรจาต่อรองระหว่างนายจ้างกับสหภาพแรงงาน, การห้ามการบังคับใช้แรงงาน, การใช้แรงงานเด็ก

เนื้อหารายงานแสดงให้เห็นว่ายุครัฐบาลทักษิณ มีกรณีการละเมิดสิทธิมนุษยชนครบทุกหมวด

รายงานฉบับนี้ได้ยกกรณีตัวอย่างของหมวดต่างๆ ประกอบด้วย

หลายๆ กรณีเป็นคดีและเป็นข่าวที่ปรากฏครึกโครม

เช่น กรณีซ้อมผู้ต้องหาบนโรงพักในจังหวัดอุทัยธานี และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา

การหายตัวของทนายสมชาย นีละไพจิตร ทนายความของผู้ต้องหาคดีเจไอ กรณีตากใบ กรณีกรือเซะ การเซ็นเซอร์ตัวเองของสื่อหนังสือพิมพ์ และกรณีบริษัท ชินคอร์ปฯ ฟ้องร้อง น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ เป็นต้น

แต่…วันเวลาผ่านไป ข้อมูลจากรายงานหลายๆ กรณีเงียบหายไปจากความรับรู้ของสังคมไทย

ถามว่าพรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่ มีใครประสงค์รื้อฟื้นเรื่องราวทั้งหมด เพื่องานด้านสิทธิมนุษยชนอย่างเป็นระบบหรือไม่

ถ้าจะตัดเอาเฉพาะกรณี “จ่านิว” แล้วตะโกนบอกว่าประเทศไทยกำลังอยู่กันไม่ได้ เพราะเผด็จการส่งอันธพาลมาครองเมือง มันฉาบฉวย

หวังผลทางการเมืองชัดๆ

ไม่ได้มีสำนึกที่จะแก้ไขปัญหาด้านสิทธิมนุษยชนเลย

ถ้าจะขยายผลกรณี “ทุบจ่านิว” ให้เป็นน้ำผึ้งหยดเดียว เพื่อล้มล้างรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ก็ลองหันกลับไปมองอดีต แล้วจะรู้ว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่ในขณะนี้…ไปได้แค่ไหน

มีประเด็นต่อเนื่อง

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ดูจะไปไกลกว่าใครๆ

เรื่องที่ “บิ๊กป้อม” ส่ง “บิ๊กช้าง” พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงกระทู้ถามของ “จิรายุ ห่วงทรัพย์” กลายเป็นเรื่องไม่สบอารมณ์

แต่ก็มีประเด็นน่ารับฟัง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ชี้ให้เห็นว่า ในเมื่อ “บิ๊กป้อม” มีปัญหาด้านสุขภาพ มาตอบกระทู้ในสภาฯ ด้วยเองไม่ได้ ก็ไม่ควรเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลหน้า…..

อันนี้ถูก!

และยิ่งถูกมากขึ้นที่บอกว่า

“ที่ผ่านมาคุมตำรวจก็ยังพบว่ามีตำรวจโกง แต่งตั้งขึ้นมาเพื่อทุจริตกัน แล้วจะยังมาทำหน้าที่นี้ต่อ”

“ผมมองว่าใช้ไม่ได้ อีกทั้งเบื้องหลังเกี่ยวกับคดีนี้คือความมั่นคง ผมจึงไม่มั่นใจในกระบวนการสืบสวนสอบสวน คดีนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์

คาดว่าอาจมีการจับแพะ เพราะจากประสบการณ์ในการเป็นตำรวจของผมเห็นว่า ในประเทศไทยมีโจรมาก ขณะที่คนรับจ้างติดคุกก็มีเยอะเช่นกัน”

ถูกหมด!

คนเป็นหัวหน้า เป็นนาย ต้องรู้จักลูกน้องตัวเอง ต้องรู้ว่าแต่ละคนมีที่มาอย่างไร เพราะมีลูกน้องชั่วก็รังแต่จะฉิบหายไปด้วยกัน

หัวหน้าพรรคการเมืองก็เช่นกัน ต้องรู้จักผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคตัวเอง

พวกค้ายา นักเลงหัวไม้ ต้องตรวจสอบให้ชัด ไม่งั้นเสียทั้งพรรค

วกเข้าไปที่พรรคเพื่อไทยกันหน่อย วันนี้หัวขาด กำลังหาหัวอยู่

ประเด็นที่น่าสนใจคือ ทำไมไม่มีชื่อของ “สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์”!

น่าสงสัย?

ก่อนเลือกตั้ง บอกกับประชาชนทั้งประเทศว่า “เจ๊หน่อย” จะเป็นนายกฯ

ใส่ชื่อ “เจ๊หน่อย” เป็น ๑ ใน ๓ แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย

หลังเลือกตั้งประเคนตำแหน่งนายกฯ ให้ “ธนาธร”

วันนี้ชื่อของ “เจ๊หน่อย” หายไปจากสารบบ

เพราะนี่คือเพื่อไทย พรรคที่อยู่ใต้คำสั่งของนายใหญ่-นายหญิง.

ผักกาดหอม 

Written By
More from pp
ครูเฮ!! ครม.มีมติยกเลิกการอยู่เวรของครูในโรงเรียนและสถานศึกษาทั่วประเทศแล้ว
23 มกราคม 2567 นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติยกเลิกการอยู่เวรของครูในโรงเรียนและสถานศึกษาทั่วประเทศ
Read More
0 replies on “จำอวด เข้าสภา”