นายนิยม ช่างพินิจ ส.ส.พิษณุโลก พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า จากสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทย ส่งผลกระทบในภาคอุตสาหกรรมทั้งการค้า การขาย และการลงทุน ซึ่งรัฐบาลแก้ปัญหาไม่ตรงจุด บริหารประเทศแบบไร้ทิศทาง ไร้วิสัยทัศน์ ส่งผลให้เศรษฐกิจประเทศพังทั้งระบบ
นอกจากนี้เชื่อว่าในปี 2564 เศรษฐกิจไทยยังไม่ดีขึ้นและมีแนวโน้มว่าภาคอุตสาหกรรมขนาดเล็กและขนาดกลาง หรือเอสเอ็มอี จะปิดกิจการเป็นจำนวนมาก ทั้งจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 และการแก้ปัญหาที่ผ่านมาของรัฐบาลไร้ประสิทธิภาพ ส่งผลให้ภาคอุตสาหกรรมหมดทางเลือก ต้องปิดกิจการในที่สุด
นายนิยม กล่าวอีกว่า หากรัฐบาลเปิดใจรับฟังคำแนะนำจากพรรคการเมืองฝ่ายค้าน และยอมรับว่านโยบายของพรรคเพื่อไทยสามารถช่วยเหลือภาคการเกษตรได้ และทำให้เศรษฐกิจภาพรวมของประเทศดีไปด้วย มากกว่าคำแนะนำจากนักธุรกิจ การแก้ปัญหาประเทศจะสามารถเดินหน้าไปได้ ซึ่งรัฐบาลที่ดีต้องยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของภาคเกษตร รัฐบาลควรประกันราคาข้าวเปลือกที่ 15,000 บาทต่อตัน เศรษฐกิจไทยจะดีขึ้นทันที แต่การที่รัฐบาลไม่กล้าประกันราคาสูงเพราะเกรงใจนายทุนที่ใกล้ชิดมากกว่าเกรงใจเกษตรกร ซึ่งรัฐบาลต้องทำงานเพื่อประชาชนไม่ได้ทำงานเพื่อนายทุนภาคเอกชน