เชื่อ..ต้อง “เอาอยู่”?

ผสมโรง

สันต์ สะตอแมน

เรื่องโรคต้องเชื่อและฟังหมอ!

เมื่อ รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บอก.. “ส่วนของไทยเรานั้น ย้ำอีกครั้งว่าสถานการณ์ตอนนี้วิกฤติ เรามีเวลาเพียง 4 สัปดาห์ ที่ต้องคุมการระบาดให้ได้

มิฉะนั้นมีโอกาสระบาดทวีคูณยากแก่การจัดการ และจะทำให้จำนวนการติดเชื้อต่อวันสูงสุดไปถึง เท่าของระลอกแรก และใช้เวลาสู้ยืดเยื้อยาวไปถึง เท่า หรือ เดือน

จะคุมได้ จำเป็นต้องดำเนินมาตรการเข้มข้นมากกว่านี้ครับ”

ก็..ต้องทำใจ-ยอมรับกันได้เลยว่า การดำเนินชีวิตนับจากนี้ต้องพบกับความยุ่งยาก-ลำบากอีกครั้ง และจำเป็นต้องรื้อประสบการณ์ที่ผ่านมากลับมาใช้กันใหม่..

รักตัวเอง รักครอบครัว ป้องกันตัว ใส่หน้ากาก หรือหากถึงขั้น.. “อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ” ก็ต้องทน!

ส่วนการบ่นก่นด่า และกล่าวโทษ ละได้ก็ช่วยๆ กันปล่อยวางเสียบาง พยายามทำใจ-เข้าใจ ยอมรับมันให้ได้..

ประเทศไทยไม่มีทาง หรือความเป็นไปได้ที่จะ “ปลอดภัย” จากโควิด-19 อยู่ชาติเดียวในโลกนี้!

ตราบที่เรายังต้องคบค้าสมาคมกับสังคมโลก และตราบที่เรายังต้องพึ่งพาแรงงานต่างชาติ ตราบนั้นเราไม่มีวันจะรอดพ้นจากโรคภัยที่ติดต่อโดยมนุษย์กับมนุษย์ได้!

แต่จะอย่างไร ก็ขอให้มั่นใจ-ศรัทธาในความรู้-ความสามารถ-ประสบการณ์ของสาธารณสุข และบุคลากรทางการแพทย์ไทย..

เพียง 4 สัปดาห์ เชื่อว่าต้อง “เอาอยู่” ครับ!

และนี่..ได้ยินประกาศมานานแล้วว่า “ต้องเอาให้อยู่” หมายถึง “ผู้ละเมิดลิขสิทธิ์” ที่แอบเอาทรัพย์สินทางปัญญาของผู้อื่นไปใช้โดยไม่ได้บอกกล่าว-ขออนุญาต

วานนี้ ครูชลธี ธารทอง ศิลปินแห่งชาติ จึงได้เข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.มาบตาพุด ให้ดำเนินคดีกับนายหนังตะลุงเมืองใต้คนดัง “น้องเดียว สุวรรณแว่นทอง”..


 ซึ่งก็เป็น “นายหนัง” คนเดียวกับที่ด่าพระเป็นข่าวดังเมื่อปีก่อนนู่นนั่นแหละ!

เหตุที่ฟ้อง ก็มาจากการที่นายหนังคนนี้ได้นำผลงานเพลงที่ครูชลธีแต่งไป cover โดยไม่ได้แจ้งหรือขออนุญาต เรียกว่าตั้งใจ “ละเมิดลิขสิทธิ์” เลยล่ะ!

เรื่องนี้จะโทษหรือตำหนิครูชลธี เป็นผู้ใหญ่รังแกเด็ก-รังแกคนพิการ ก็เห็นจะไม่ถูกนัก เพราะเอาเข้าจริง “น้องเดียว” ก็หาใช่เด็กแล้ว เป็นผู้ใหญ่เต็มตัวมีครอบครัวมีบริวารอยู่ภายใต้การอุปการะนับสิบ

ด้านความพิการทางสายตาที่มองไม่เห็น ก็ไม่น่าจะเกี่ยวกับ “ความถูก-ผิด” และจะว่าไปความพิการได้สร้างอัจฉริยะให้หนังน้องเดียวเสียด้วยซ้ำ!

ฉะนั้น..ผิด-ถูก ต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจกับกระบวนการยุติธรรมไป ส่วนถ้าจะมีใครเป็นห่วงเป็นใยต่อทั้งครูชลธี และนายหนัง (กลัวจะแพ้คดี) ก็ตามดู-ตามให้กำลังใจกันได้!

ผมน่ะสังหรณ์ สุดท้ายเรื่องนี้จะจบแบบแฮปปี้เอ็นดิ้ง ด้วยการประสาน (ใจ) ของศิลปินผู้เป็นทั้งศิษย์-ทั้งครู..

จริง-ไม่จริง เดี๋ยวรู้กัน!

Written By
More from pp
ศาลอาญา มีคำสั่งประหารชีวิต แอม ไซยาไนด์ อดีตสามีคุก1 ปี 4 เดือน ทนายพัช 2 ปี
20 พฤศจิกายน 2567 ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษา แอม ไซยาไนด์, อดีตสามีนายตำรวจ และทนายพัช คดีวางยาฆ่าผู้อื่นที่ใส่สารไซยาไนด์ ฆ่าเพื่อนชิงทรัพย์...
Read More
0 replies on “เชื่อ..ต้อง “เอาอยู่”?”