ผักกาดหอม
ยินดีด้วย….
“ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” ออกจากคุกแล้ว
ติดกำไล EM ที่สำนักงานคุมความประพฤติ เสร็จสรรพกลับบ้านฉลอง
ก็นับเป็นบุญ ที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษออกจากคุกก่อนกำหนด
จาก ๒ ปี ๘ เดือน
จำคุกจริง ๙ เดือน
ออกเร็วกว่ากำหนดเกือบ ๒ ปี
ภาพแรก “ณัฐวุฒิ” ออกจากคุก คงไว้ซึ่งลีลาเดิม
ใส่เสื้อแดง ไม่ใช่แดงนปช.
แต่ป็นแดงลิเวอร์พูล
นัยจะบอกว่า “you will never walk alone”
ก็เป็นแบบนั้นจริงๆ
ว่าแต่…..
เห็นภาพ “ธิดา ถาวรเศรษฐ-เหวง โตจิราการ” ๒ เฒ่านปช. ถ่ายรูปกับชาย-หญิงหน้าตาคุ้นๆ ที่หน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร หายสงสัย
พวกนี้อยู่ก๊วนเดียวกันหมด
เพราะบรรยายภาพเขาบอกว่า…
“ถ่ายกับคุณพ่อคุณแม่เพนกวินค่ะ ตอนนี้รอรับณัฐวุฒิกันอยู่”
ใช่ครับ “ณัฐวุฒิ” ไม่ได้เดินอย่างโดดเดี่ยว แต่ยังมี พ่อ-แม่ เพนกวิน รวมถึงบรรดาแกนนำ ๓ นิ้ว ที่ต้อนรับการกลับมาของ “ณัฐวุฒิ” สนั่นโซเชียล
ตอนแรกเข้าใจว่าเครือข่ายนี้มีความสัมพันธ์กันหลวมๆ
แต่ผิดถนัด
นับวันยิ่งแน่นแฟ้น
๓ นิ้ว-เสื้อแดง อยู่ในช่วงพยายามหลอมรวมให้เป็นเนื้อเดียวกัน
จากโพสต์เฟซบุ๊กของ “เพนกวิน” จะพบว่า ความสัมพันธุ์กับ “ณัฐวุฒิ” นั้นไม่ธรรมดา
“…….ขอแสดงความยินดีกับอิสรภาพของพี่เต้น นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ครับ
ขอขอบคุณพี่เต้นมากๆ ที่ช่วยดูแลผมระหว่างที่ผมไปผจญภัยในเรือนจำพิเศษกรุงเทพ
และต้องขออภัยจริงๆ ที่ผมไม่สามารถไปร่วมต้อนรับพี่เต้นด้วยตัวเองได้เพราะผมติดภาระต้องจัดการคดีของผมเอง
ยังคงเคารพการต่อสู้ของพี่เต้นและคนเสื้อแดงเสมอครับ……”
เดิมที “เพนกวิน” เป็นแฟนคลับพรรคเพื่อไทยอยู่แล้ว ใช้สิทธิเลือกตั้งครั้งแรกก็เลือกพรรคเพื่อไทย ก็ถือว่าเหนียวแน่น
ยังไปสานสัมพันธุ์ต่อในคุกอีก
แบบนี้น่าจะตายถวายหัวกันได้!
อีกคนคือ “อานนท์ นำภา”
“….ยินดีกับพี่เต้นที่ได้รับอิสรภาพวันนี้ แต่กังวลใจนิดหน่อยถ้าน้องๆ เข้าคุกอีกครั้ง ไม่มีพี่คอยส่งแปรง ส่งยาสีฟัน ส่งสบู่ คงลำบากน่าดู
ปล. เกลียดเสื้อที่พี่ใส่ออกมาครับ….”
แกะความหมายตามตัวอักษร ถือว่า “พี่เต้น” คนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ
เป็นพี่ใหญ่ดูแลน้องๆ ในคุกอย่างดี
สมแล้วที่เคยประกาศ “เผาเลยครับพี่น้องผมรับผิดชอบเอง”
รวบรัดตัดความ ภาพที่เห็น และตัวหนังสือที่สื่อออกมา ส่งสารไปยัง มวลชน ๓ นิ้ว และมวลชนเสื้อแดง วันนี้ถึงคราว “รวมร่าง”
เราเป็นพวกเดียวกันนะ!
จะมีอยู่ ๑ กลุ่มที่น่าสนใจ สลิ่มกลายพันธุ์ จากเป่านกหวีด เป็นชู ๓ นิ้ว ถึงเวลาต้องไปรวมกับเสื้อแดงที่เคยมีความคิดต่างแบบสุดขั้ว เป็นอีกหนึ่งในพัฒนาการที่น่าสนใจ
จากที่เคยด่า “ทักษิณ” โคตรโกง เป็นชม “ทักษิณ” โคตรดี
ที่เคยปกป้องสถาบัน กลายมาอยู่ในขบวนการล้มเจ้า
กลุ่มนี้มีอยู่จริงๆ อีกหน่อยคงได้เห็น เดินตามตูด “ณัฐวุฒิ” ไปอีกคน
มีความพยายาม จะฟื้นการชุมนุมขนาดใหญ่หลังปีใหม่ และแกนนำ ๓ นิ้วรู้ดีว่ามันไม่ง่าย หากไม่ไปให้สุด
แต่มีปัญหาตรงที่ว่า “ไปให้สุด” ต้องทำแบบไหน
เท่าที่คิดกันออกตอนนี้คือ สร้างอุปทานหมู่ว่า โดน ม.๑๑๒ ไม่เป็นไร ยิ่งโดนเยอะยิ่งดี จะได้ล้มกระดานทีเดียวจบ
ตรรกะเพี้ยนๆ แบบนี้ ก็จะเข้าทำนอง “เดินสวนทางกัน” แกนนำแดงทยอยออกจาก ส่วนแกนนำ ๓ นิ้วเข้าคุกแทน
รู้ไว้นะ…ไม่มีใครที่ติดคุกเพราะ ม.๑๑๒ แล้ว สามารถขยายผลไปสู่การล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ได้
เพราะสถาบันไม่ได้เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
คนสั่งให้ติดคุกคือศาล
และศาลพิพากษาไปตามพยานหลักฐาน มีกฎหมายรองรับ
ไม่ต่างจาก “ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ” ถูกศาลสั่งจำคุก แล้วเผ่นไปทั้งคู่
ระบอบทักษิณถูกสั่นคลอน ไม่ตายแต่ไม่โต
คำพิพากษาให้จำคุกนำมาใช้ประโยชน์ ปลุกเร้าทางการเมืองมิได้ ที่เห็นมีแต่จะนิรโทษกรรมล้างความผิดของตัวเอง
แพ้ภัยตัวเอง!
เพื่อไทยวันนี้ก็อย่างที่เห็น แตกเป็นเสี่ยงๆ
ด้วยการสร้างอุปทานหมู่ ถูกฟ้องม.๑๑๒ ไม่เป็นไร เราจึงได้เห็นอะไรแปลกๆ
อะไรที่ไม่เคยเห็น…ก็มาเห็นในยุคนี้
“เพนกวิน” แต่งหญิง ด้วยชุดไทยสีแดง ให้กำลังพรรคพวกที่โดนม.๑๑๒ หน้าสน.ยานนาวา ใครๆ ก็บอกละม้าย ป้าสมพร หรือไม่ก็ เจ๊เกียว
แต่เครื่องประดับที่ระบุว่าจำลองเพชรบลูไดมอนด์ ทำให้รู้เจตนาว่า แต่งกายล้อเลียนใคร
ประเด็นนี้มีหลายมุมมอง
“นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ” มองในมุมนักกฎกมาย
“……อย่าตายประชดป่าช้า ผมเห็นกลุ่มผู้ชุมนุมทยอยเดินทางเข้ามอบตัวกันทุกวัน โดยเฉพาะการมอบตัวตามข้อหา มาตรา ๑๑๒ อยากจะบอกน้องๆ ผู้ชุมนุมว่า ปกติความผิดตามม.๑๑๒ ไม่ค่อยได้ประกันตัวหรอก หรือหากได้ประกันตัวก็จะต้องมีหลักทรัพย์มาวางเป็นหลักประกัน
แต่ตอนนี้ กลุ่มผู้ชุมนุม ที่เดินทางเข้ามอบตัวเดินซดกาแฟ ดูดชาไข่มุกเดินขึ้นสถานีตำรวจกันแบบสบายๆ ชิว ชิว มอบตัวเสร็จก็เดินทางกลับบ้านโดยพนักงานสอบสวนมิได้ควบคุมตัว นี่คือสิ่งที่แปลกไปจากเดิม ถ้ายังไม่รู้ก็รู้เสีย
น้องๆ กลุ่มผู้ชุมนุมบางคน เพิ่งเรียนกฎหมายอยู่ปี ๓ บางคนเพิ่งจบมาปี สองปี ยังไม่รู้ว่าคำฟ้อง หรือ คำพิพากษาหน้าตาเป็นอย่างไร
ผมนี่จบมา ๔๐ ปีแล้ว ในช่วง ๔๐ ปีนี่ผมใช้กฎหมายมาตลอด เห็นเพนกวิน พริษฐ์ ชิวารักษ์ แต่งกายเป็นผู้หญิง ใส่ชุดแดง ทาปากแดง ไปเชียร์ผู้ที่มามอบตัวแล้วผมหมั่นไส้
ลองฟังผมหน่อยเถอะ คำพูด หรือ ข้อเขียนที่น้องๆ ใช้พูดหรือเขียนในการปราศรัยนั้น ผมฟังและอ่านมาตลอด นี่ถ้าให้ผมเป็นทนายความว่าความให้ ผมยังนึกไม่ออกว่าจะสู้คดีอย่างไรจึงจะชนะ
ใครเป็นที่ปรึกษากฎหมายหรือเป็นทนายความให้น้องๆ ผมว่าเราควรเคารพวิชาชีพกฎหมาย บอกน้องๆ ไปตามจริงเถอะว่าเขากำลังจะเผชิญกับอะไร
เมื่อน้องๆ มอบตัวแล้ว ต่อไปน้องๆ ก็ต้องไปอัยการ -ไปศาล -ไปเรือนจำ หรือ ดีหน่อยก็อาจได้กลับบ้าน วัฏจักรของคดีความมันไม่หนีไปจากนี้หรอก
อย่าตายประชดป่าช้าเลย ไม่มีประโยชน์หรอก คนที่เชียร์อย่างดีก็ทำได้เพียงไปวางดอกไม้จันทน์ แล้วกลับบ้าน ดีขึ้นไปหน่อยก็ไปช่วยลอยอังคาร แล้วต่างก็กลับบ้าน บ้านใคร บ้านมัน แค่นั้นแหละ !!….”
แล้วทัวร์ก็ลง “นิพิฏฐ์” โทษฐานเตือนไม่เข้าหู
เอาไว้ติดคุกจริง ถึงวันนั้น “เพนกวิน” จะนึกถึงสิ่งที่ “นิพิฏฐ์” เตือนเอาไว้
กลับออกมาอีกที เชื่อเถอะ…ผอม
มาถึงประเด็นสุดบัดซบ คนพวกนี้ยังเอา กรณี เพชรบลูไดมอนด์ มาล้อเลียนกันอีก ทั้งๆ ที่น่าจะรู้อยู่แล้วว่าความจริงคืออะไร
ไม่ใช่ครั้งแรกที่ม็อบ ๓ นิ้ว นำเรื่องนี้มาบิดเบือน แต่หลายครั้งแล้ว และ “เพนกวิน” ยังทำซ้ำอีก
“อัษฎางค์ ยมนาค” โพสต์เอาไว้ร่วมเดือนแล้วว่า เป็นกรณี สมเด็จพระพันปีหลวงกับอัญมณีสีน้ำเงินที่ถูกใส่ความ
“….อัญมณีสีน้ำเงินเม็ดงามของสมเด็จฯ นี้มีนามว่า “สร้อยพระศอไพลินสีน้ำเงิน” โดยปรากฏต่อสายตาชาวโลก (ตามภาพประกอบ) มาตั้งแต่เมื่อ พ.ศ.๒๕๑๐ แต่กลับถูกใส่ความว่าคือเพชรที่ขโมยมาในคดีเพชรซาอุ ซึ่งเกิดขึ้นในปี พ.ศ.๒๕๓๒
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ สวมสร้อยนี้ออกงานที่สหรัฐอเมริกามาก่อนเกิดคดีเพชรซาอุถึง ๒๒ ปี จะมีใครขโมยเพชรซาอุ ในปี ๓๒ แล้วย้อนเวลาไปถวายสมเด็จฯ ในปี ๑๐ ?
อ่านใหม่ช้าๆ ชัดๆ
“สร้อยพระศอไพลินสีน้ำเงิน” สมบัติที่เป็นมรดกตกทอดแห่งราชวงศ์จักรี โดนใส่ความว่าขโมยมาจากซาอุ ทั้งที่เหตุการณ์เหล่านั้นเกิดขึ้นหลังจากมีภาพเป็นหลักฐานว่าได้ปรากฏตัวสู่สายตาชาวโลกก่อนเกิดคดีเพชรซาอุถึง ๒๒ ปี….”
รู้มั้ยว่า คนบัดซบอย่าง “เพนกวิน” เจตนาบิดเบือนเรื่องนี้เพราะอะไร
พ่อ-แม่ เพนกวิน มีเวลาไปรับ “ณัฐวุฒิ” ออกจากคุก เคยมีเวลาสอนลูกหรือเปล่าว่า อย่าริทำตัวเป็นคนโกหก ปลิ้นปล้อน
ฉะนั้นในเมื่ออยากได้ ม.๑๑๒ เยอะๆ หวังจะว่าจะสร้างเงื่อนไขล้มสถาบันได้ เดี๋ยวคงมีคนจัดให้อีก
ถึงวันนั้นก็อย่างที่ “นิพิฏฐ์” บอก
คนที่เชียร์อย่างดีก็ทำได้เพียงไปวางดอกไม้จันทน์