25 พ.ย.63 นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนที่ทำเนียบรัฐบาล ถึงการเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ณ จังหวัดนครสวรรค์ ทรงเสด็จเยี่ยมประชาชนในต่างจังหวัด นอกเหนือจากพระราชกรณียกิจในกรุงเทพมหานคร
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงสนพระทัยโดยเฉพาะเรื่องน้ำ แหล่งน้ำ การกระจายน้ำ เพื่อการแก้ปัญหาทั้งน้ำท่วมและน้ำแล้ง รวมทั้งทรงพระราชทานนโยบายการพัฒนาคู คลอง ให้สะอาดปลอดภัย ซึ่งรัฐบาลนำมาดำเนินการทั้งการพัฒนาคลองเปรมประชากร คลองลาดพร้าว รวมทั้งสถานที่และคูคลองอื่นๆ เพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายตามแนวทางพระราโชบาย
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐบาลกำลังเร่งพัฒนาเพื่อปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจไทยให้มีรายได้เพิ่มขึ้น แทนการพึ่งพาการส่งออกหรือการท่องเที่ยวอย่างเดียว โดยเฉพาะการพัฒนาเพื่อให้เกิดผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงขึ้น ด้วยการยกระดับฝีมือแรงงาน ทั้ง Up-skilled / Re-Skilled เพื่อผลิตนักศึกษาอาชีวะรุ่นใหม่ ซึ่งต้องเดินหน้าคู่ขนานทั้งการพัฒนาทักษะคน แรงงาน ส่งเสริมเครื่องมือเทคโนโลยี นวัตกรรม
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงความสำเร็จโครงการคนละครึ่ง ที่ได้รับความนิยมจากประชาชนโดยเฉพาะในระดับฐานราก โดยจะมีการขยายเฟส 2 เพื่อเป็นการกระตุ้นการบริโภคและช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อย
ขณะนี้กำลังมีการพิจารณาว่าจะมีกลุ่มใดบ้างเข้าร่วมโครงการดังกล่าวต่อไป พร้อมย้ำอย่าให้เกิดการทุจริตและคดโกงเกิดขึ้น ทุกคนต้องซื่อตรงกับวิชาชีพของตัวเอง รัฐบาลกำลังแก้ปัญหาเศรษฐกิจในระดับฐานราก พร้อม ๆ ไปกับการเดินหน้าส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศในพื้นที่ EEC ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการหลักของรัฐบาลที่ให้สิทธิประโยชน์ด้านการลงทุน
โดยจะมีการพิจารณาวางแผนขยายไปยังพื้นที่ในภูมิภาคอื่น เช่น เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ (SEC) รวมทั้งจังหวัดใหญ่ ๆ เพื่อเชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน ให้เป็นพื้นที่สำหรับการลงทุนเพิ่มเติม ซึ่งขณะนี้ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) และกระทรวงการคลังร่วมกันพิจารณาแนวทางและสิทธิประโยชน์ในการส่งเสริมการลงทุน
นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงการหารือนอกรอบกับรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เมื่อวานนี้ว่า ได้หารือถึงแนวทางการดูแลช่วยเหลือเยียวยา ค่าครองชีพ การกระตุ้นการบริโภค และอื่น ๆ เพิ่มเติม โดยจะต้องเร่งรัดการลงทุนภาครัฐ เรื่องโครงสร้างพื้นฐาน น้ำ ราง ถนน ซึ่งเป็นการใช้จ่ายภาครัฐที่จะไปกระตุ้นการหมุนเวียนของเงินในระบบข้างล่าง รวมทั้งหาแนวทางดึงดูดนักลงทุนต่างชาติด้วย
ซึ่งจะต้องคำนึงถึงข้อกฎหมาย สิทธิประโยชน์ทางภาษี โดยต้องดูประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นหลัก และจำเป็นต้องมีข้อมูลรายหัวของประชากรแต่ละจังหวัด เพื่อการนำงบประมาณลงไปดำเนินการช่วยเหลือได้อย่างต่อเนื่อง รัฐบาลจะดูแลเพื่อการพัฒนาให้สอดคล้องกัน สำหรับในเรื่องของการท่องเที่ยว STV เฉพาะกลุ่มเฉพาะราย ที่มีความสำคัญในช่วงนี้ จะต้องมีมาตรการตรวจสอบจากต้นทาง ต้องมีการประกันสุขภาพต่าง ๆ ให้เดินทางมาอยู่ในพื้นที่ที่ประชาชนยอมรับ สามารถอยู่ได้เฉพาะในพื้นที่ โดยในเรื่องดังกล่าวรัฐบาลมีความห่วงใย และคิดอย่างรอบคอบ
นอกจากนี้ การปรับภูมิทัศน์ในกรุงเทพฯ ให้เกิดความสวยงาม รัฐบาลได้มีการดำเนินในหลายโครงการทั้งการนำสายไฟฟ้าลงดิน และการจัดระเบียบสายสื่อสารอื่น ๆ ให้เป็นระเบียบเรียบร้อย รวมถึง การดูแลคูคลองน้ำใส ซึ่งโครงการต่าง ๆ นี้มีการขยายไปสู่จังหวัดอื่น ๆ ทั่วประเทศแล้ว รวมไปถึงการปรับปรุงสวนสาธารณะให้สวยงาม ดึงดูดให้ประชาชนเข้ามาใช้ประโยชน์ ในการพักผ่อนหย่อนใจ และกิจกรรมต่าง ๆ เช่นเดียวกับที่ต่างประเทศได้มีการดำเนินการ
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงเรื่องสถานการณ์การการชุมนุมว่า เป็นเรื่องธรรมดาของทุกประเทศในโลกประชาธิปไตย ตนไม่ได้บอกว่าใครดีหรือไม่ดี ขอให้พิจารณาที่ข้อกฎหมาย ไม่ว่าใครที่ทำผิดกฎหมายจะต้องถูกดำเนินคดีทั้งหมด ตนคงทำให้ทุกคนเห็นด้วยเหมือนกับเราด้วยกันคงไม่ได้ในโลกแห่งประชาธิปไตย ทำอย่างไรจะเดินหน้าไปด้วยกันได้ ไม่ให้เกิดปัญหาต่อไปในอนาคต ซึ่งเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาการจราจรติดขัดมาก คนเดือดร้อน พร้อมเผยว่า ยังไม่ได้คิดในเรื่องกฎอัยการศึกเลย เพราะการใช้กฎหมายปกติเพียงพอแล้วในขณะนี้
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีย้ำว่า วันนี้บ้านเมืองต้องการความสงบสุข ความมีเสถียรภาพ คนไทยทุกคนต้องเรียนรู้ว่าสิ่งไหนควรทำหรือไม่ควรทำ หลาย ๆ อย่างเป็นการสร้างการเรียนรู้ให้กับคนไทย ให้อยู่กับโลกยุคใหม่ โลกแห่งเทคโนโลยีดิจิทัล 4.0 New normal ถ้ายังมีสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น ทุกอย่างก็จะเดินหน้าไปลำบาก ประชาชนจะเดือดร้อนมากยิ่งขึ้น ขออย่าให้ทำผิดกฎหมาย