“ดร.พิสิฐ” ติง กฤษฎีกา ควรทำงานแน่นแฟ้นกับรัฐบาล หลังตีความ ธ.กรุงไทย ไม่เป็นรัฐวิสาหกิจ โดยไม่แจ้งล่วงหน้า พร้อมชี้ให้เห็นความไม่สมบูรณ์ในระบบบริหารราชการ รัฐวิสาหกิจไม่ควรซ่อนอยู่ใน กม.งบประมาณแผ่นดิน
25 พ.ย. 2563 ดร.พิสิฐ ลี้อาธรรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ หารือต่อกรณีที่มีข่าวเรื่องสถานภาพของธนาคารกรุงไทย จนเป็นที่แปลกใจในวงการต่างๆ ว่าเหตุใดจึงมีการวินิจฉัยว่า ธนาคารกรุงไทย ซึ่งเมื่อปี 2543 เคยมีความตีความแล้วว่าเป็นรัฐวิสาหกิจ
แต่ต่อมามีการกลับลำว่าไม่ใช่รัฐวิสาหกิจโดยอิงกับกฎหมายใหม่ของธนาคารแห่งประเทศไทย และสำนักงบประมาณ ซึ่งประเด็นนี้ตนได้รับข้อมูลเพิ่มเติมว่า แม้รัฐบาลก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ และมีการเสนอ ครม. ที่จะให้ธนาคารกรุงไทยยังคงได้รับสิทธิประโยชน์เหมือนเดิม คือรับฝากเงิน หรือให้บริการกับหน่วยงานของรัฐได้ก็ตาม
แต่การเกิดเหตุการณ์ลักษณะที่หน่วยงานของรัฐซึ่งเป็นหน่วยงานใหญ่ถูกวินิจฉัยว่าเป็นหน่วยงานที่ไม่ใช่รัฐวิสาหกิจนั้น ดร.พิสิฐเห็นว่า การทำงานของกฤษฎีกา กับของรัฐบาล ควรมีความแน่นแฟ้นมากกว่านี้ กฤษฎีกาควรทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษา ให้คำแนะนำมากกว่าที่จะทำหน้าที่เป็นศาลในการตัดสิน
ซึ่งหากเปรียบเทียบการทำงานหน้าที่ของศาลแล้ว จะเห็นว่าศาลมีการบอกล่วงหน้าว่าจะมีการตัดสินชี้ขาดในวันใด ซึ่งจะทำให้องค์กรต่างๆ มีโอกาสได้เตรียมการ แต่สำหรับกรณีของธนาคารกรุงไทยนั้นเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯ มีราคาหุ้นเคลื่อนไหวอย่างอ่อนไหว มีผู้ลงทุนที่เกี่ยวข้องเป็นจำนวนมาก เมื่อกฤษฎีกาชี้ออกมาจึงย่อมสร้างผลกระทบมากมาย
นอกจากนี้ ยังมองว่ากรณีดังกล่าวถือเป็นความไม่สมบูรณ์ของระบบบริหารราชการแผ่นดิน เพราะการเป็นรัฐวิสาหกิจนั้น ไม่ควรซ่อนอยู่ในกฎหมายงบประมาณแผ่นดิน เนื่องจากเงินนอกงบประมาณนั้นมีจำนวนมาก ดังนั้นรัฐบาลควรมีการกำหนดนโยบายเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว และหากมีเรื่องลักษณะเดียวกันนี้อีก กฤษฎีกาควรมีการหารือกับ ครม. ก่อนที่จะมีคำวินิจฉัยออกมา