23 พ.ย.63-นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ที่ประชุมพรรคร่วมฝ่ายค้านเตรียมเสนอที่ประชุมคณะกรรมาธิการแก้รัฐธรรมนูญของรัฐสภา โดยได้พิจารณากรอบการทำงาน และท่าทีของฝ่ายค้านใน 4 ประเด็น ได้แก่
-
- พรรคร่วมฝ่ายค้านเห็นว่าคณะกรรมาธิการควรพิจารณาแต่งตั้งประธาน เลขาธิการ โฆษก และอื่นๆ โดยควรพิจารณาจากผู้ที่มีความรู้ความสามารถและเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย
- การพิจารณาของคณะกรรมาธิการ ต้องมีกรอบเวลาที่ชัดเจน โดยฝ่ายค้านเสนอให้แล้วเสร็จเร็วกว่า 45 วัน เพื่อเร่งรัดให้นำญัตติที่เกี่ยวกับการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ ส.ส.ร. บรรจุเป็นวาระที่ 3
- สาระสำคัญของร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญปี 2560 ในญัตติที่ 1 และญัตติที่ 2 ของฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลมีความแตกต่างกัน คือที่มาของ ส.ส.ร. ของฝ่ายค้าน ต้องมาจากเลือกตั้งทั้งหมด แต่ญัตติของรัฐบาล ที่มา ส.ส.ร. มี 3 แนวทาง ทั้งมาจากการเลือกตั้ง, การคัดเลือกจากรัฐสภา และการคัดเลือกจากที่ประชุมอธิการบดีและ กกต. อาจจะทำให้การได้มา ซึ่ง ส.ส.ร. มีความหมิ่นเหม่ ไม่เป็นธรรมกับประชาชน ขณะที่ร่างของฝ่ายค้านมีความสำคัญมากกว่าและเป็นประโยชน์ต่อประชาชน
นอกจากนี้ ร่างรัฐธรรมนูญของฝ่ายค้าน เมื่อได้มา ซึ่ง ส.ส.ร. แล้ว จะสามารถแก้ไขเพิ่มเติมยกร่าง และนำไปทำประชามติโดยขอความคิดเห็นจากประชาชนก่อน แต่ร่างรัฐธรรมนูญของรัฐบาล เมื่อได้ ส.ส.ร. แล้ว จะนำเสนอต่อรัฐสภา แล้วนำขึ้นทูลเกล้าฯ ประกาศใช้ได้ทันที ทำให้ประชาชนไม่มีโอกาสได้รับรู้รายละเอียดในกฎหมาย ไม่มีโอกาสที่จะพิจารณาว่าเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ
- พรรคร่วมฝ่ายค้านเห็นว่าคณะกรรมาธิการควรนำร่างรัฐธรรมนูญภาคประชาชนที่ตกไปกลับมาพิจารณาใหม่ เพราะหลายประเด็นมีความสำคัญและเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประชาธิปไตย ในส่วนของพรรคร่วมฝ่ายค้านจะนำมาศึกษาว่ามีประเด็นใดบ้างที่มีความสำคัญ เพื่อนำมาเสนอต่อคณะกรรมาธิการอีกครั้ง โดยมอบหมายให้ ส.ส. ของแต่ละพรรคกลับไปศึกษาและแปรญัตติในประเด็นสำคัญอื่นๆ ให้รอบด้านมากขึ้น
พรรคร่วมฝ่ายค้าน เห็นว่าทั้ง 4 ประเด็นมีความสำคัญต่อการพัฒนาประชาธิปไตยตามเจตนารมณ์ของประชาชน