เปลว สีเงิน
ประกาศ….
“คณะรถทัวร์” เตรียมสตาร์ตเครื่องรอได้ เพราะวันนี้ ผมจะคุย เรื่องอวย “รัฐบาลอนุทิน” ล้วนๆ
เรื่องแรก เห็นโหมประโคมกันว่ารัฐบาลอนุทิน “ล้มเหลว”
เป็นรัฐบาลมาตั้งเดือน ปราบแก๊งสแกมเมอร์ไม่หมดซักที!
เมื่อวาน (๙ พ.ย.๖๘) ตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) และปปง.ออก “ปราบปลวก” ต่อเนื่อง
ปิดล้อมพื้นที่ในกทม.และที่จังหวัดตราด รวม ๓๖ จุด เพื่อตรวจค้น-อายัดทรัพย์สินเครือข่าย “นายพัด สุภาภา”
หรือ “นายลี ยงพัด” สมาชิกวุฒิสภาและนักธุรกิจชาวเขมร เชื้อสายจีนและไทยเกาะกง ซึ่งขณะนี้ หลบหนีหมายจับอยู่
เขาเป็นเจ้าของบริษัท LYP Group และเป็นคนสนิท “นายฮุน เซน” ประธานวุฒิสภาและอดีตนายกฯ เขมร
นอกจากยึดที่ดินมูลค่า ๕ ล้านบาท ทรัพย์สินอื่นๆ และเงินสดในบัญชีกว่า ๘๘ ล้านบาท รวมมูลค่าทั้งหมดกว่า ๔๐๐ ล้านบาทแล้ว
ยังนำหมายศาลอาญาจู่โจมค้นห้อง ๒ ห้องที่คอนโดหรูใน ซอยสุขุมวิท ๑๖ ย่านคลองเตย
จับ ๔ จีนแก๊งสแกมเมอร์ที่หลบจากเขมรมาใช้คอนโดฯ เป็นแหล่งสแกมเมอร์ได้คาอุปกรณ์ ขณะกำลังหลอกต้มเหยื่อเหย็งๆ
ที่น่าขนลุก-ขนพอง คือ…..
แก๊งอาชญากรรมทางไซเบอร์ตอนนี้ มันล้ำหน้าไปถึงขั้นนำนวัตกรรม AI มาใช้แล้ว!
โดยเอาภาพนิ่งของ “เหยื่อ” มาเข้าระบบ AI เพื่อให้หันหน้าซ้าย ขวา กะพริบตา อ้าปาก
จากนั้น เอาคลิปที่ได้จากการทำ AI นำไปหลอกกับระบบ KYC ของธนาคารและเงินดิจิทัล
วิธีการนี้ นอกจากหลอกแบงก์ดูดเงินเหยื่อได้แล้ว ยังทำให้เหยื่อต้องกลายเป็นผู้ต้องหาได้ด้วย
เห็นอย่างนี้แล้ว อีกหน่อยคนคงเอาเงินฝังตุ่มแทนการฝากแบงก์ เพราะปลอดภัยที่สุด!
อีกเรื่อง มีคนสนใจด้วยอยากรู้กันมากว่า….ใคร หน้าไหน ในแวดวง “รัฐบาลเพื่อไทย” ขณะนั้น
ที่สั่งให้ “กองทัพภาคที่ ๒” หยุดยิง ไม่ต้องไปตอบโต้เขมร?
คราวเกิดเหตุการณ์ปะทะกันที่ ศรีสะเกษ สุรินทร์ อุบลฯ และบุรีรัมย์ เมื่อ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๖๘ นั่นน่ะ!
เมื่อเสาร์ ที่ ๘ พ.ย. “พล.ท.บุญสิน พาดกลาง” อดีตแม่ทัพภาค ๒ ไปรับรางวัลเชิดชูเกียรติ ที่ “พุทธสถานปฐมอโศก” นครปฐม
“ปอง-อัญชะลี” สัมภาษณ์พล.ท.บุญสินในประเด็นนี้
ปอง:มีคนสั่งให้ถอยจริงมั้ยคะ?
พล.ท.บุญสิน:๖ ชั่วโมงแรก ให้หยุดครับ ตั้งแต่เริ่มปะทะกันปุ๊บ ให้หยุดเลย
ปอง:หลังเที่ยงคืนหลังจากหยุดยิง?
พล.ท.บุญสิน:ไม่ใช่ครับ ตั้งแต่วันแรกที่ปะทะกัน เขาบอก ขอร้องให้หยุดเลย
ปอง:ขอร้องให้หยุดเพราะ?
บุญสิน:เพราะเขาอยากให้หยุด (ชาวปฐมอโศกฮาครืน)
ปอง:แล้วทหารมารับฟังให้หยุด แล้วยังไงฮะ?
พล.ท.บุญสิน:ผมขอไม่หยุดครับ เพราะผมสตาร์ตแล้ว (ฮาครืนตบมือเกรียวกราว) “ถ้าหยุดผมต้องออกมาพูดว่า “ใครสั่งให้หยุด” แล้วเขาจะอยู่ไม่ได้ครับ
เพราะว่า “ผมจะเอาแผ่นดินคืน” แล้วคุณมาหยุดนี่ นั่นคือโทษประหารคุณเลยทีเดียวนะครับ”
ฟังแค่นี้แล้วคันใจยิบๆ เพราะท่านไม่บอกว่าใคร…ที่มันสั่งให้หยุด
ก็พอดี เมื่อวาน (๙ พ.ย.) “ผศ.ดร.วันวิชิต บุญโปร่ง” ออกมาวับๆ แวมๆ ว่า
“ผมขอชี้แจงตรงนี้ ที่นี่ครั้งเดียว ถึงคำถามว่า เหตุผลใด ผมจึงมารับตำแหน่งที่ปรึกษา รมว.กลาโหม
ซึ่งตอนนี้ กำลังมีขบวนการตัดต่อคลิป พยายามบ่งชี้ว่า “ใครสั่งแม่ทัพกุ้งหยุดยิง?”
แน่นอน มันเป็นการ “ดิสเครดิต” ทำให้ดูเหมือนว่า “รัฐมนตรีกลาโหมเกี่ยวข้อง” ผมขอเริ่มอธิบายถึงความสัมพันธ์ผมกับพี่เล็ก “พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์” เรียงลำดับเป็นข้อๆ ดังนี้
๑.โดยสัตย์จริง ผมได้พบกับ “พี่เล็ก” ครั้งแรกเมื่อต้นปี เข้าพบเข้ารับแนวทางแก้ไขปัญหาในการเรียน วปอ.พี่ๆ ใน วปอ.ทราบดี
๒.อาจมองว่า ผมมาจากครอบครัวทหาร น่าจะรู้จักกันมาก่อน “ไม่เลยครับ” คุณพ่อผมจบเตรียมทหารรุ่น ๔ พลเอกณัฐพล จบรุ่น ๒๐ ห่างกันมาก ….ฯลฯ….
๓.พอมีเรื่องชายแดนไทย-กัมพูชา ท่านให้เกียรติโทรมาเชิญผมเป็นที่ปรึกษา “ผู้อำนวยการศูนย์ ศบ.ทก.”
๔.ช่วงปลายเดือนกันยา.ท่านโทรมาถามอย่างให้เกียรติว่า “อยากให้มาเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรี” อาจารย์สะดวกมั้ยครับ?
ผมจึงมีคำถามที่ต้องเคลียร์ เพื่อประกอบการตัดสินใจ ซึ่งตรงกับคลิปในกระแสที่กำลังสัมภาษณ์แม่ทัพพี่กุ้ง
ผมเรียนถามท่านว่า……
ผม:“การเจรจาหยุดยิงเที่ยงคืนวันที่ ๒๘ ก.ค. พี่ได้โทรไปหาพี่กุ้งมั้ยครับ?”
พลเอกณัฐพล :“พี่ตอบอาจารย์จริงๆ นะ พี่สาบาน พี่ไม่เคยโทรไป หรือสั่งการใดๆ กับกุ้ง หรือแม้แต่ ผบ.ทบ. เลย พี่เป็นทหารทำไมจะไม่รู้”
ผม: “ถ้าอย่างนั้น เป็นคุณ….ใช่มั้ยครับ?”
พลเอกณัฐพล:“พี่ไม่ก้าวล่วง และเข้าไม่ถึง…ด้วย”
ผม: “ครับ งั้นผมน่าจะเข้าใจแล้วว่าใคร ขอคิดเองคนเดียวนะครับ ถ้าเป็นอย่างนี้ ผมยินดีเข้าร่วมทำงานกับพี่ครับ” ….ฯลฯ….
แหม..ท่านอาจารย์วันวิชิตนี่ก็ ทำให้ผมต้องเกาหัวยิกอีก รู้ว่าใคร ทำขยักไว้ซะงั้น
งั้นผมลองตีความเอาจากประโยคที่พลเอกณัฐพลพูดว่า “ผมไม่ก้าวล่วง และเข้าไม่ถึง…ด้วย” ก็แล้วกัน
ตอนนั้น นายภูมิธรรม เป็นนายกฯ รักษาการ พลเอกณัฐพลในฐานะผู้ปฎิบัติหน้าในตำแหน่งรมว.กลาโหม ก็น่าจะเข้าถึงได้
นายกฯ แพทองธาร อยู่ระหว่างถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดปฎิบัติหน้าที่ แต่นี่ก็ไม่น่าใช่คนที่พลเอกณัฐพลจะไม่กล้าก้าวล่วงหรือเข้าไม่ถึง
ก็มีอยู่คนเดียว ที่พลเอกณัฐพลไม่ก้าวล่วง และเข้าไม่ถึง ก็น่าจะเป็น “คนในคุก” เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดของฮุนเซนคนเดียวนี้เท่านั้น!?
เอาละ…คณะทัวรเหยียบคันเร่งถล่มได้ เพราะต่อไปนี้ ผมจะอวย “นายกฯอนุทิน” ให้มันจี๊ดจ๊าดในหัวใจอิจฉาท่าน
จากข้อความที่ “เอ็ดดี้ อัษฎางค์” โพสต์วันก่อนมาให้อ่าน
………………………………………..
#อัษฎางค์ ยมนาค | #อ่านเกมอำนาจ
“ผมไม่ใช่ติ่งอนุทิน…แต่ต้องยอมรับว่าเขาทำงานจริง”
ไม่ได้เลือกพรรคภูมิใจไทย ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา
แต่ในฐานะประชาชนคนหนึ่ง ผมเห็นว่าเราควร “แยกแยะ”
ระหว่าง สิ่งที่เป็นผลงานจริงกับสิ่งที่เป็นข้อวิจารณ์ทางการเมือง
เพราะหากเรามองทุกอย่างด้วยอคติ ว่าใครอยู่ฝั่งตรงข้ามก็ต้อง “ผิดหมด” เราจะมองไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศเลย
-รัฐบาลอนุทิน: 2 เดือนแรก กับผลงานที่มี “ตัวเลขพิสูจน์ได้”
เริ่มบริหารประเทศเป็นทางการ ตั้งแต่วันที่ 7 กันยายน 2568 จนถึงวันนี้ (8 พฤศจิกายน 2568) ครบเพียงสองเดือน เท่านั้น
แต่กลับมีความเคลื่อนไหวเชิงนโยบายต่างประเทศที่ “จับต้องได้” และมีตัวเลขรองรับ
-ความร่วมมือไทย–เกาหลีใต้: มูลค่าการลงทุน 9.7 แสนล้านบาท
- ไทยและเกาหลีใต้บรรลุข้อตกลงความร่วมมือด้านการลงทุนรวมมูลค่า 970,000 ล้านบาท
โดยมีอุตสาหกรรมเป้าหมายคือ รถยนต์ไฟฟ้า (EV)และนิคมอุตสาหกรรมใหม่ ในพื้นที่ EEC
- บริษัทชั้นนำอย่าง Hyundai, SK Group และ Korea Land & Housing Corporation (LH) ยกทัพลงทุนในไทย ตั้งโรงงาน EV กลาง EEC มูลค่ามหาศาล
- ไทยยังเจรจาขยายโควตาแรงงานไทยให้ทำงานในเกาหลีใต้ได้มากขึ้น พร้อมผลักดันการลงนามข้อตกลงการค้าเสรี (FTA)
เพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างสองประเทศ จาก 15,000 ล้านดอลลาร์ เป็น 30,000 ล้านดอลลาร์
-ความร่วมมือไทย–สิงคโปร์: ข้อตกลง “ข้าว 1 แสนตัน” ครั้งแรกในประวัติศาสตร์
- ไทยและสิงคโปร์ลงนามข้อตกลงการค้าข้าว ปริมาณ 100,000 ตัน ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ระหว่างสองประเทศ
- ข้อตกลงนี้ เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ขยายตลาดสินค้าเกษตรและสร้างรายได้ให้เกษตรกร
- พร้อมกันนั้น ทั้งสองประเทศ ยังหารือด้านความมั่นคง–ดิจิทัล–เศรษฐกิจสีเขียว รวมถึงการปราบอาชญากรรมข้ามชาติและสแกมเมอร์
การลงนามนี้ จึงมีลักษณะเป็นความสำเร็จร่วมกันของรัฐบาลซึ่งคุณอนุทินเป็นผู้ผลักดันระดับนโยบาย และเจรจาระหว่างรัฐบาล G2G (government-to-government)
ขณะที่ “คุณศุภจี” คือผู้ลงนามและผลักดันรายละเอียดข้อตกลงทางด้านการค้าและกระทรวงที่เกี่ยวข้องโดยตรง
-ผลลัพธ์เชิงยุทธศาสตร์: ไทยกลับเข้าสู่เวทีโลก
การเยือนเกาหลีใต้และสิงคโปร์ในช่วงเวลาเพียงสองเดือน
ไม่ใช่เพียง “ภาพถ่ายทางการทูต” แต่คือการฟื้นศักยภาพของไทยในเวทีระหว่างประเทศ
- ยกระดับความร่วมมือด้านแรงงาน การค้า การลงทุน และนวัตกรรม
- สร้างภาพลักษณ์ไทยในฐานะ “หุ้นส่วนที่เชื่อถือได้” ของภูมิภาค
- ดึงเทคโนโลยีใหม่เข้ามาสู่ประเทศ พร้อมโอกาสจ้างงานและถ่ายทอดความรู้
- เปิดตลาดเกษตรไทยในเชิงคุณภาพสูง
- รักษาสมดุลเชิงภูมิรัฐศาสตร์ระหว่าง เอเชีย ตะวันตก และ อาเซียน
-บทสรุป: วิพากษ์ได้ แต่ต้องยอมรับ “ความจริงที่พิสูจน์ได้”
เราอาจตั้งคำถามได้ว่า “รัฐบาลอนุทินมีจุดอ่อนอะไร?”
แต่ในเวลาเพียง 2 เดือน การได้ข้อตกลงการลงทุนและการค้ารวมมูลค่ากว่า “ล้านล้านบาท”
ถือเป็น “สัญญาณบวก” ที่ไม่ควรมองข้าม
การเมืองควรถูกตรวจสอบ “ด้วยสติ…ไม่ใช่อารมณ์”
ความจริงของผลงาน ไม่ต้องการแฟนคลับ แต่ต้องการคนที่ยอมรับในสิ่งที่เห็น
________________________
หมายเหตุ
ผมเขียนไว้ชัดเจนว่า ไม่ใช่ติ่ง และไม่เคยเลือก
การเห็นด้วยกับบางเรื่อง ไม่ได้แปลว่า “ต้องเห็นด้วยทั้งหมด” การชื่นชมผลงาน ไม่ได้หมายความว่า “เป็นกองเชียร์”
แต่ถ้าใคร “ทำได้ดี” ในบางด้าน ก็ควร “พูดถึงตามจริง” เพราะถ้าเราชมได้แค่ “ฝ่ายที่เราชอบ” ต่อให้เขา “ไม่มีผลงาน” แล้วตำหนิ “ฝ่ายที่เราไม่ชอบ” ต่อให้ “เขาทำดี”
แบบนั้น ไม่ใช่การวิเคราะห์ แต่คือ “อคติ” ครับ
รัฐบาลอนุทิน “ไม่สมบูรณ์แบบ” แน่ แต่ก็เห็นได้ชัดว่า “ขยับเร็วกว่ารัฐบาลที่ผ่านมา 2 ปี”
ผมแค่บันทึกสิ่งที่เห็นในฐานะ “ผู้สังเกตการณ์”
……………………………………………….
เชิญทัวรลงได้ แต่อย่าให้คนอื่นเขาจับไต๋ได้ล่ะว่า เป็นทัวร์ “หัวกะโหลกกลวง”…อายเค้า!!
เปลว สีเงิน
๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๘

