ปอร์เช่ เติมเต็มสายการผลิตพานาเมร่า ใหม่ ประจำการ 2 ขุมพลังใหม่ แรงสุดด้วยรุ่นเรือธงพกพาพละกำลัง 700 แรงม้า (514 กิโลวัตต์) พร้อมแรงบิดมหาศาล 870 นิวตันเมตร ส่งผลให้ พานาเมร่า เทอร์โบ เอส อี-ไฮบริด กลายเป็นสปอร์ตซีดานหรูที่ทรงพลังที่สุด จากสายการผลิตปกติ ผสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์เบนซิน V8 ความจุกระบอกสูบ 4.0 ลิตร เทอร์โบคู่ ที่ให้กำลังสูงสุด 571 แรงม้า (420 กิโลวัตต์) และมอเตอร์ไฟฟ้าประสิทธิภาพให้กำลัง 136 แรงม้า (100 กิโลวัตต์)
พิสัยการเดินทางด้วยไฟฟ้าอย่างเดียว เพิ่มขึ้นกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ ผลจากแบตเตอรี่ชุดใหม่ขนาด 17.9 กิโลวัตต์ และการทำงานของ driving modes อันยอดเยี่ยม เช่นเดียวกับ พานาเมร่า 4 อี-ไฮบริด ใหม่ ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าทำงานร่วมกับเครื่องยนต์เบนซิน V6 ความจุ 2.9 ลิตร เทอร์โบคู่ 330 แรงม้า (243 กิโลวัตต์) ส่งผลให้พละกำลังสูงสุดรวมเป็น 462 แรงม้า (340 กิโลวัตต์)
หลังจากการปรับโฉม พานาเมร่า 4เอส อี-ไฮบริด ใหม่ ยกระดับพละกำลัง เพิ่มขึ้นเป็น 560 แรงม้า (412 กิโลวัตต์) ถึงเวลาที่ปอร์เช่ จะเติมเต็มพานาเมร่า ขุมพลัง plug-in hybrid ให้ครบถ้วนทั้ง 3 ทางเลือกเป็นครั้งแรก ปอร์เช่วางกลยุทธ์ในการขยายฐานกำลังของแนวคิด E-Performance อย่างเป็นแบบแผนโดยยังคงรักษามอเตอร์ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง ให้เป็นหัวใจหลักของสถาปัตยกรรมการขับเคลื่อนยุคใหม่ถ่ายทอดกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติอัจฉริยะคลัทช์คู่ 8 จังหวะ (PDK)
และด้วยพลังจากมอเตอร์กว่า 136 แรงม้า (100 กิโลวัตต์) แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร เมื่อประสานการทำงานกับเครื่องยนต์สันดาปภายในที่มีขนาดแตกต่างกันก่อให้เกิด สมรรถนะการขับขี่ที่โดดเด่น พร้อมชุดแต่ง Sport Chrono package ติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน เสริมพลังให้แก่เครื่องยนต์เบนซิน V8 4 ลิตร เทอร์โบคู่ จากพละกำลัง 550 แรงม้า (404 กิโลวัตต์) เพิ่มขึ้นเป็น 571 แรงม้า (420 กิโลวัตต์)
พานาเมร่า เทอร์โบ เอส อี-ไฮบริด (Panamera Turbo S E-Hybrid) ให้อัตราเร่งออกตัวจากจุดหยุดนิ่ง ไปถึงระดับความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 3.2 วินาที เร็วขึ้น 0.2 วินาที ทะยานทะลุความเร็วสูงสุดกว่า 315 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หรือเพิ่มขึ้นกว่ารุ่นเดิมถึง 5 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สำหรับพานาเมร่า 4 อี-ไฮบริด (Panamera 4 E-Hybrid) ใช้เวลาเพียง 4.4 วินาที เร็วขึ้น 0.2 วินาที ในการออกตัวจนถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในส่วนของความเร็วสูงสุดทำได้ที่ 280 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หรือเพิ่มขึ้น 2 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ความจุรวมของแบตเตอรี่ high-voltage เพิ่มขึ้นจาก 14.1 เป็น 17.9 กิโลวัตต์ จากการใช้เซลล์แบตเตอรี่ที่ดีเยี่ยมยิ่งขึ้น รวมทั้งการปรับเปลี่ยนการทำงานของ driving modes ให้มีความเหมาะสมกับคุณลักษณะการใช้พลังงานสูงสุด พานาเมร่า เทอร์โบ เอส อี ไฮบริด จึงมีพิสัยการเดินทางด้วยไฟฟ้าอย่างเดียวสูงถึง 50 กิโลเมตร ตามมาตรฐานการทดสอบ WLTP EAER City (ในกรณีที่ทดสอบตามมาตรฐาน NEDC: ระยะทางสูงสุดทำได้ 59 กิโลเมตร)
ขณะที่ พานาเมร่า 4 อี-ไฮบริด สามารถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ในสภาพที่ปราศจากมลภาวะ เป็นระยะทางสูงสุดถึง 56 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTP EAER City (ในกรณีที่ทดสอบตามมาตรฐาน NEDC: ระยะทางสูงสุดทำได้ 64 กิโลเมตร)
รถสปอร์ตขุมพลัง plug-in hybrid จากปอร์เช่ทุกคัน สามารถชาร์จพลังงานได้ภายในที่พักอาศัย ไม่ว่าจะเป็นการใช้จุดเชื่อมต่อมาตรฐาน หรือแบบ power socket ทั้งนี้อุปกรณ์ Porsche Mobile Charger ที่ติดมากับรถ รองรับกำลังไฟฟ้าในการชาร์จสูงสุดไม่เกิน 7.2 กิโลวัตต์สำหรับการชาร์จกับสถานีชาร์จพลังงานสาธารณะสามารถทำได้ด้วยการใช้อุปกรณ์ Mode 3 cable
งานออกแบบตัวถังด้านหน้าของ พานาเมร่า เทอร์โบ เอส อี-ไฮบริด สร้างความแตกต่างอย่างเหนือชั้น ด้วย Turbo front light modules ทรง dual C-shaped ขยายขนาดช่องรับอากาศด้านข้างให้ภาพลักษณ์ที่กร้าวแกร่งดุดัน แผง light bar ท้ายรถปรับใหม่ย้ายตำแหน่ง ขึ้นมาเหนือบานฝาท้าย วางตัวแนวโค้งซ้ายจรดขวา สามารถสั่งติดตั้งอุปกรณ์พิเศษประกอบด้วย ไฟท้ายรมดำ darkened Exclusive Design tail light modules พร้อมระบบ dynamic Coming/Leaving Home animation ล้ออัลลอย 3 ลวดลายใหม่ ขนาด 20 และ 21 นิ้ว และ 2 สีตัวถังใหม่
ช่วงล่างและระบบควบคุมได้รับการปรับแต่ง เพื่อเสริมความสปอร์ต และความนุ่มนวลให้แก่พานาเมร่า ใหม่ทุกรุ่น ทั้งนี้ในบางรุ่น โปรแกรมควบคุมได้ถูกเปลี่ยนแปลงใหม่อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นระบบควบคุม การบังคับทิศทางเจเนอเรชันล่าสุดและยางรถยนต์ใหม่ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าการตอบสนองของรถจะเต็มไปด้วยความแม่นยำสูงสุดในรุ่นเรือธง
พานาเมร่า เทอร์โบ เอส อี-ไฮบริด ได้รับการติดตั้งระบบควบคุม ช่วงล่างเต็มพิกัดเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน อาทิ ระบบ Porsche Dynamic Chassis Control Sport (PDCC Sport) electric roll stabilisation พร้อมระบบ Porsche Torque Vectoring Plus (PTV Plus) ระบบช่วยเลี้ยวล้อหลัง rear axle steering พร้อมระบบ Power Steering Plus และระบบเบรกเซรามิก Porsche Ceramic Composite Brake (PCCB)