25 ต.ค.63 “เลขาสพฐ.” เผย ผอ. โรงเรียนเบญจมราชูทิศ นครศรีธรรมราช ยืนยัน ไม่ได้กดดันหรือไล่เด็กออกตามสื่อระบุ หลังเด็กชู 3 นิ้ว ระหว่างทำกิจกรรมถวายบังคมในวันปิยมหาราช ขณะที่ “แม่” ยอมรับเป็นผู้ยื่นทางเลือกให้เอง หากลูกไม่ปรับประพฤติกรรม ด้านครูทักท้วงควรให้เด็กเรียนเหมือนเดิม ระบุเข้าใจเพราะเป็นวัยที่เรียนรู้เหมือนวัยรุ่นทั่วไป ส่วน ผอ.ย้ำยินดีหากผู้ปกครองมาพบ
ตามที่ปรากฎเป็นข่าวในสื่อออนไลน์ กรณีโรงเรียนเบญจมราชูทิศ นครศรีธรรมราช บังคับให้ผู้ปกครองนักเรียนเขียนบันทึกลาออกจากโรงเรียน ด้วยเหตุนักเรียนไม่ยอมถวายบังคม ขณะร่วมพิธีวางพวงมาลาในวันปิยมหาราช เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2563 ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นวันสำคัญของชาติและของโรงเรียนเบญจมราชูทิศด้วยนั้น
เกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว นายอัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือเลขา สพฐ. เปิดเผยว่า วานนี้ (24 ต.ค.) ตนได้รับรายงานจาก นายสมบูรณ์ เรืองแก้ว ผู้อำนวยการ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต12 (ผอ.สพม.12 ) หลังจาก ผอ.สพม.12 ได้รับทราบข้อเท็จจริงจากการรายงานของผู้อำนวยการโรงเรียน และรองผู้อำนวยการโรงเรียนดังกล่าวแล้ว
นายอัมพร ยังได้รับรายงานต่อว่า สำหรับวันปิยมหาราชนั้น ถือเป็นวันสำคัญของโรงเรียนเบญจมราชูทิศ เนื่องจากโรงเรียนนี้จัดตั้งตามพระราชประสงค์ของรัชกาลที่ห้า โดยชื่อของโรงเรียนได้รับพระราชทานนามจากรัชกาลที่ห้า ซึ่งมีความหมายว่าสร้างอุทิศแด่พระมหากษัตริย์องค์ที่ห้า และในวันดังกล่าว โรงเรียนได้จัดพิธีวางพวงมาลาและถวายบังคม หน้าพระบรมรูปรัชกาลที่ห้าเช่นทุกปี เพื่อสร้างจิตสำนึกคุณลักษณะความกตัญญูรู้คุณแก่เด็กนักเรียน
“โดยกิจกรรมนี้ ทางโรงเรียนให้นักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมอย่างพร้อมเพียง และในระหว่างประกอบพิธีถวายบังคมพระบรมรูปพร้อมกันนั้น เด็กนักเรียนรายนี้ ซึ่งเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โครงการห้องเรียนพิเศษ English Program ยืนตรงชูสามนิ้ว โดยไม่ร่วมถวายบังคมพร้อมกับนักเรียนคนอื่น”
นายอัมพร กล่าวว่า เมื่อเสร็จสิ้นพิธีการ โรงเรียนให้นักเรียนเดินทางกลับ โดยครู หรือผู้อำนวยการโรงเรียนไม่ได้มีการว่ากล่าวตักเตือน หรือเรียกนักเรียนมาพบแต่อย่างใด
นอกจากนี้ ในช่วงสายๆ ของวันเดียวกันนั้น คุณแม่ของนักเรียนรายนี้ ได้โทรศัพท์ติดต่อมายัง นายภูตินันทน์ เฮ้งศิริ รองผู้อำนวยการโรงเรียนงานกิจการนักเรียน แต่นายภูตินันทน์ไม่ได้รับสาย แต่ต่อมาในช่วงหลังบ่ายโมงของวันเดียวกันนี้ คุณแม่ของนักเรียนได้โทรติดต่อกลับมาหา รองผู้อำนวยการโรงเรียนอีกครั้ง และได้พูดคุยกัน พร้อมกับหารือ
“โดยคุณแม่บอกว่าเธอเอง รู้สึกหนักใจที่ไม่สามารถปรับพฤติกรรมของลูกได้ และคุณแม่ ยังได้แสดงเจตนาที่จะให้นักเรียนลาออก ซึ่งรองผู้อำนวยการ ก็ได้แสดงความเห็นใจ และเข้าใจต่อพฤติกรรมของนักเรียน เนื่องจากเป็นวัยที่เรียนรู้จากเพื่อน เหมือนวัยรุ่นทั่วไป และบอกคุณแม่ว่าไม่จำเป็นต้องลาออกจากโรงเรียน
พร้อมกันนั้น ยังได้ให้กำลังใจ และให้คำแนะนำว่า ปัญหาของลูกคุณแม่ เป็นเพียงปัญหาเรื่องทัศนคติทางการเมืองเท่านั้น ไม่ต้องเครียดอะไรมาก” เลขา สพฐ. กล่าว
นายอัมพร บอกอีกว่า ในช่วงเวลาหลังสามทุ่มของวันที่ 23 ตุลาคม 2563 ครูประจำชั้นของเด็กนักเรียน ได้อ่านเจอการโพสต์ข้อความของนักเรียนที่ปรากฎในสื่อโซเชียล ด้วยความเป็นห่วงจึงโทรหานักเรียนรายนี้ โดยนักเรียนได้แจ้งให้ครูประจำชั้นทราบว่า คุณแม่ของนักเรียนเอง ต้องการให้นักเรียนลาออก ดังนั้นครูประจำชั้นจึงขอคุยสายกับคุณแม่ของนักเรียนเองโดยตรง
“จากการพูดคุย คุณแม่บอกกับคุณครูประจำชั้นว่า คุณแม่เครียดและหนักใจกับพฤติกรรมของลูกมาก จึงได้ยื่นข้อเสนอเพื่อแก้ปัญหานี้กับลูกของตัวเองว่า มี 2 ทางเลือกให้ลูกเลือก คือ ลูกต้องปรับพฤติกรรมตนเอง โดยกลับมาตั้งใจเรียน เป็นเด็กน่ารักเหมือนตอนเรียนชั้น ม.1 หรือหากลูกไม่ปรับพฤติกรรม แม่จะไปขอลาออกจากโรงเรียนเอง” นายอัมพร กล่าวถึงรายงานที่ได้รับ
ขณะเดียวกัน ครูประจำชั้นยังได้สอบถามกับคุณแม่ว่า มีผู้บริหาร หรือครูท่านใดโทรไปแจ้ง หรือกดดันคุณแม่ตามที่ลูกโพสต์หรือไม่ คุณแม่นักเรียนยืนยันว่าไม่มี
นายอัมพร ยังย้ำด้วยว่า ตนได้สอบถามไปยัง นายภักดี เหมทานนท์ ผู้อำนวยการ โรงเรียนเบญจมราชูทิศ นครศรีธรรมราช แล้ว และได้รับคำยืนยันว่า โรงเรียนไม่ได้มีการดำเนินการใดๆ กับเด็กนักเรียนรายดังกล่าว และไม่ได้มีการไล่เด็กออก ตามที่ปรากฏเป็นข่าวแต่อย่างใด
ด้าน นายภักดี กล่าวเสริมด้วยว่า หลังทราบข่าวทางออนไลน์ ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลเรื่องการลาออกจากโรงเรียน จนถึงขณะนี้ ก็ยังไม่ปรากฎว่าผู้ปกครองนักเรียนรายดังกล่าวมาแจ้งความประสงค์ให้ลูกลาออกจากโรงเรียนแต่อย่างใด
รวมถึงกรณีที่มีข้อมูลว่าโรงเรียนได้แจ้งให้ผู้ปกครองมาเขียนบันทึกลาออกให้นักเรียนนั้น นายภักดี กล่าวว่า ได้ทำการตรวจสอบจาก รองผู้อำนวยการโรงเรียนทุกท่าน ครูฝ่ายกิจการนักเรียน ครูผู้รับผิดชอบนักเรียนในโครงการห้องเรียนพิเศษ และครูซึ่งเป็นญาติของนักเรียนเอง ทุกคนยืนยันว่าไม่มีใครโทรหาผู้ปกครองนักเรียนแต่อย่างใด มีเพียงครูประจำชั้นโทรหาด้วยความห่วงใย และไม่ได้มีการพูดกดดันให้ลาออก
“ผมต้องแจ้งข้อเท็จจริง เพราะเกรงว่าการสื่อสารที่คลาดเคลื่อน และการแปรเจตนาที่ผิดไปสู่บุคคลภายนอก”
นอกจากนี้ นายภักดี ยังยอมรับว่า ก่อนหน้านี้ มีเด็กนักเรียนในโรงเรียนจำนวนหนึ่ง ได้มีการแสดงออกในรูปแบบดังกล่าว ในระหว่างการเคารพธงชาติ ซึ่งทางโรงเรียนก็เปิดเวทีให้เด็กได้แสดงออกทางความคิดที่เห็นต่าง ขณะเดียวกันเราก็มีการแลกเปลี่ยนพูดคุยกัน จนปัจจุบันเด็กเหล่านี้ ก็มีการแสดงออกในรูปแบบดังกล่าวลดน้อยลง เราสอนนักเรียนเหมือนลูกหลาน มีอะไรพูดคุยกัน” นายภักดี กล่าว
ขณะเดียวกัน ผู้อำนวยการโรงเรียนเบญจมราชูทิศ นครศรีธรรมราช ยังชื่นชมเด็กนักเรียนคนดังกล่าวว่า เป็นเด็กนักเรียนที่เรียนเก่งมาก และเคยชนะเลิศได้เหรียญทองในการขับร้องเพลงฝรั่ง
นายภักดี ยังย้ำด้วยว่า ถ้าคุณพ่อคุณแม่ของนักเรียน จะเข้ามาพบตนเองในวันจันทร์ที่ 26 ตุลาคม 2563 นี้ ตนก็ยินดีเพราะน้องยังเป็นนักเรียนของทางโรงเรียนอยู่ ไม่ได้มีการตัดสิทธิ์ใดๆ ทั้งสิ้น และพร้อมช่วยกันหาทางออกและแก้ไขปัญหาร่วมกัน