นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวในการอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรีในเรื่องวิกฤตเศรษฐกิจ และการเมืองว่า
ในฐานะรัฐมนตรี หรือในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร อยากจะฝากถึงสมาชิกสภาฯ ทุกท่าน ที่กำลังอภิปรายทั่วไปฯ เกี่ยวกับเรื่องวิกฤตเศรษฐกิจ และการเมืองว่า ตนเองเคยถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองมาเป็นเวลาทั้งหมด 10 กว่าปี ไม่เคยกระทำการสิ่งใดฝ่าฝืนกฎหมายเลยแม้แต่ครั้งเดียว เพราะคิดว่าเพื่อนสมาชิกของผมรักในระบอบประชาธิปไตยเหมือนกับผม
หากว่าพวกเราคิดว่าสิ่งที่ตอบโต้ โต้แย้งซึ่งกันและกัน ที่พวกเราผ่านวิกฤติการเมืองมาในหลาย ๆ ครั้ง ทราบกับดีว่าเกิดอะไรขึ้น ในฐานะสมาชิกรัฐสภา เรารักสภาแห่งนี้ เราคิดว่าเราจะดำรงสภาแห่งนี้เพื่อเป็นที่พึ่ง ที่หวังของประชาชน เพราะฉะนั้นบางสิ่งบางอย่าง ถ้าเราคิดว่าเราอยากเห็นสภาของเราศักดิ์สิทธิ์ เราอยากเห็นสภาของเราแก้ไขปัญหาของพี่น้องประชาชนได้ อยากเรียกร้องสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้หยุดคิดกันสักนิด และหันหน้ามาช่วยกันแก้ปัญหาในสภาฯ ร่วมกัน
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ตนเองเห็นนายกรัฐมนตรี และได้ทำงานร่วมกับนายกรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีไม่เคยตำหนิติติงผู้ที่ออกมาเรียกร้อง ไม่ว่าจะเป็นนิสิต นักศึกษา ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ยืนยันแล้วว่า นิสิต นักศึกษาเหล่านั้นเปรียบเสมือนลูกหลาน แล้วส่วนตัวก็ขอรับรองว่า จะยืนยันเคียงข้างเพื่อไม่ให้เกิดพิษภัยกับลูกหลานไทยที่เป็นนิสิต นักศึกษา และจะต่อต้านในสิ่งที่จะเกิดอันตรายกับพวกเขา
ไม่ต้องการ และไม่อยากเห็นความรุนแรงที่จะเกิดขึ้นกับพวกเขาเหล่านั้น และอยากจะเห็นพวกเราที่เป็น ส.ส. ระงับสิ่งนั้น ถ้าหากท่านเห็นว่ามันจะเกิดขึ้น ซึ่งหากพวกเราช่วยระงับได้ประชาธิปไตยของเรามันถึงจะเกิดขึ้นครับ
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีระบุ 4 ปีเลือกตั้งครั้งหนึ่ง ไม่ใช่ 4 ปี พวกเรามาทำลาย แล้วก็บอกว่านักการเมืองแย่ นักการเมืองใช้ไม่ได้ พวกเราอยากกลับไปอยู่อย่างนั้นอีกหรอ แต่ถ้าพวกเราใช้สภาฯ แห่งนี้ ค่อย ๆ พูด ค่อยๆ คุย ค่อย ๆ แก้ปัญหากัน เชื่อว่าสิ่งที่พวกเราต้องการจะแก้ไขปัญหาได้ พวกเราต้องช่วยกันแก้ไขวิกฤติทางการเมืองในทางที่ถูกต้อง
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ตนเองมีความจริงใจต่อสภาฯ รักสภาฯ จริงๆ ตนถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองมา 10 กว่าปี ตลอดเวลาได้อดทน เพราะอยากเห็นประชาธิปไตยอย่างที่พวกเราต้องการ ไม่อยากกลับไปสู่วังวนเดิม
ในฐานะ ส.ส. พวกเรารักประชาชน รักประเทศชาติ และยังอยากเห็นนายกรัฐมนตรีอยู่ทำงานเพื่อแก้ปัญหาของประเทศร่วมกับพวกเราทุกคน เพื่อที่จะเดินทางไปสู่ระบบประชาธิปไตย ที่พวกเราฝันไว้ และเป็นประชาธิปไตยที่เอื้อให้กับพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศ