เห็นคณะสามมิตร “สุริยะ-สมศักดิ์-อนุชา” ประทับทรงวิญญาณนักเลือกตั้ง “ยุคทักษิณ” ตวัดลิ้น ฟาดหาง
น่ากลั๊ว..น่ากลัว
โกรธที่สุริยะอดนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีพลังงานตามต้องการ แถมอนุชาหลุดโผ ครม.ไปอีกคน
จึงใช้ ๓๑ ส.ส. “คณะสามมิตร” เป็นอาวุธ “ไฮแจ็กพรรค”
ให้เอา ๑ สนธิรัตน์ มาแลก ๓๑ มือ ส.ส.!
พลังประชารัฐ เลือกเอา…..
จะเอา ๑ สนธิรัตน์ “เลขาฯ พรรค” ไว้ หรือจะเอา ๓๑ ส.ส.ไว้เป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก ก็จงเร่งตัดสินใจ
นี่ถ้าเป็นหนัง-ละคร ก็ต้องบอกว่า พล็อตเรื่อง “เน่า” สุดๆ
แล้วท่าน “รองนายกฯ สมคิด” ล่ะ ว่าไง?
ในเมื่อ หัวใจมี ๔ ห้อง ห้องหนึ่งก็สนธิรัตน์ อีก ๓ ห้อง ก็ “สุริยะ-สมศักดิ์-อนุชา”
เอ๊ะ..หรือว่า ปัญหานี้ มาจากหัวใจ “เต้นผิดจังหวะ” ของท่านรองฯ สมคิดเอง?
ดูๆ แล้วก็งงเต็ก…….
เก้าอี้ “พลังงาน” ตัวเดียวแท้ๆ ทำให้ “เทพ” คืนร่าง “มาร” ได้ฉับพลัน น่าเสียดายกว่า ซื้อ ๖๘ ดันออก ๘๖ ซะอีก
“กระทรวงพลังงาน” เป็นถ้ำลิเจีย “ขุมทองโกโบริ” หรือไฉน สามมิตรจึงตัดตาย-ขายขาดพร้อม “คืนอเวจี” ถ้าไม่ได้เก้าอี้พลังงาน?
ดูแล้ว แฟนๆ นายกฯ ลุงตู่ “ใจหาย-ใจคว่ำ” แทน
กลัวรัฐบาลพลังประชารัฐ เกยหินน้อยๆ แล้วพลอยล่มปากอ่าว
ก็อยากจะบอกแฟนคลับนายกฯ ว่า
ลุ้นได้ แต่ไม่ต้องห่วง
นายกฯ ลุงตู่ซะอย่าง สบายไป ๘ อย่าง ถึงบอกไม่เชื่อ ก็ต้องเชื่อ!
ทุกอย่าง เป็นอย่างที่นายกฯ พูดวันก่อนนั่นแหละ……..
“คณะรัฐมนตรีเป็นของคนทั้งประเทศ ไม่ใช่ของจังหวัดใดจังหวัดหนึ่ง ทั้งหมดต้องตอบความต้องการของประชาชนได้ และต้องเป็นรัฐบาลของคนทั้งประเทศให้ได้”
แต่ถ้าถามว่า…….
แล้วนายกฯ ประยุทธ์จะแก้ปัญหานี้อย่างไร โดยพรรคไม่แตก รัฐบาลพลังประชารัฐไม่แท้งคามดลูก?
ตอบง่ายมาก………..
สมมุติรัฐบาลเลือกตั้ง “พลังประชารัฐและพรรคร่วม” รวมถึง ส.ส. “ตาย”
แต่นายกฯ ประยุทธ์ “ไม่ตาย”
ยังคงเป็นผู้นำ “รัฐบาล คสช.” บริหารประเทศต่อไปด้วย “อำนาจเต็ม” ตามรัฐธรรมนูญเหมือนเดิม!
ฉะนั้น จึงไม่ต้องห่วง ห่วงแต่ท่าน ส.ส.ผู้ทรงฤทธิ์-ทรงเดชคณะสามมิตรนั่นเถอะ
ในเมื่อ พรรคพลังประชารัฐเป็นเหมือน “บ่อทิพย์” ให้การเมืองมารแต่หนหลัง “ชุบร่าง” เปล่งปลั่งเป็นทองเทพเช่นนี้แล้ว
การผลีผลามตามแต่ใจตนเอง มันก็มีแต่เสียกับเสีย มิสู้อดออมไว้ สมหวังบ้าง ผิดหวังบ้าง แล้วซื้อทางอนาคต รักษาบทเทพ มันจะไม่ดีกว่าหรือ?
เรื่องง่ายๆ อย่างนี้ คนระดับสุริยะ “คิดไม่ได้” มันก็น่าแปลกใจ
ที่รอดตายจนสามารถอยู่ดูโลกการเมืองอันโศภินได้ถึงวันนี้-นาทีนี้ มันไม่มีอะไรเป็นบทเรียนที่ทำให้คุณสุริยะใช้ “ชั่งใจ” บ้างเลยเชียวหรือ?
ที่ทำอยู่ตอนนี้ มันเหวนะ……..
“กลับใจ” คือ “ฟากฝั่ง” เพราะรักในคำพูดวันแรกๆ ที่เข้ามาหรอกนะ จึงฝากคุณสุริยะคิด ด้วยหวังดี
ตำแหน่ง-ยศ-เงินทอง มันหาได้
“โอกาส” ที่จะกลับตัว-กลับใจตะหาก ที่หายาก เมื่อมันมีมาถึงแล้ว ให้โมหะบังเช่นนี้ เสียดาย..เสียดาย!
ขณะนี้ คณะสามมิตร ยืนอยู่ปากทาง ๓ แพร่ง ก็อยู่ที่บุญวาสนาและชะตาโชคของคุณ “สุริยะ-สมศักดิ์-อนุชา” นั่นแหละว่า
จะตัดสินใจพาชาวคณะ ๓๑ ส.ส.ก้าวเดินไปทางแพร่งไหน ก็ขอให้โชคคคค…ดี!
พูดถึงคำว่า “การเมือง” ต้องบอกว่า พลเอกประยุทธ์ อดีตผู้นำ “เผด็จการทหาร”
เมื่อสู่ระบบประชาธิปไตยเลือกตั้ง เหมือน “ปลาลงน้ำ-เสือเข้าป่า”
นะโม ของนายกฯ ประยุทธ์วันนี้ คือ “ประชาชน”
ก็ดูซี….
เป็นรัฐบาลต้อง “ยึดเสียง” พรรคร่วมและ ส.ส.
แต่ประยุทธ์ ไม่แคร์ทั้งพรรค ทั้งก๊วน ส.ส.
กลับแคร์ “ประชาชน” ยึดเสียง “ประชาชน” เป็นที่ตั้งในการคัดสรรคนขึ้นเป็นรัฐมนตรี!
เห็นชัดในการเป็น “นายกฯ ของประชาชน” จากสารพลเอกประยุทธ์ถึงประชาชน เมื่อวาน (๑ ก.ค.๖๒)
ปรารภเหตุจาก “คณะสามมิตร” เล่นบท “ถอนเสา-เผาหลังคา” พรรคตัวเอง แล้วนายกฯ ก็ออกมาขอโทษ-ขอโพยอ่านกันเองละกัน
สารจากนายกรัฐมนตรี
————————–
“นายกรัฐมนตรีมีความรู้สึกไม่สบายใจ และต้องขอโทษพี่น้องประชาชนแทนพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะเป็นบุคคลที่พรรคเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี
เนื่องจากในห้วงเวลานี้ มีข่าวสารความขัดแย้งภายในพรรคปรากฏตามสื่อต่างๆ มากมาย
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ถึงแม้จะมีปัญหาอยู่บ้างในการบริหารภายในพรรค
เนื่องจากเป็นพรรคที่จัดตั้งขึ้นใหม่ สมาชิกมาจากหลายกลุ่มหลายสาขาที่มีความมุ่งมั่นจะทำหน้าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและหน้าที่บริหารในคณะรัฐมนตรีให้ดีที่สุด
การบริหารบุคลากรเป็นเรื่องยากที่จะทำให้ทุกคนพึงพอใจ แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ ทำอย่างไรประชาชนจะมีความเชื่อมั่นในรัฐบาล และทุกพรรคการเมืองทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านให้มากที่สุด
โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ทุกอย่างจะเดินหน้าต่อไปเพื่อตอบสนองความต้องการของพี่น้องประชาชน ในฐานะรัฐบาลของคนไทยทั้งประเทศ
ซึ่งจะถือเป็นการเริ่มต้นปฏิรูปทางการเมืองของรัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาล
เพื่อมิให้การดำเนินการทางการเมืองกลับไปเป็นปัญหาเช่นเดิม จนต้องเกิดการแก้ไขปัญหาแบบเดิมๆ ที่ทุกคนไม่ต้องการขึ้นมาอีก
นายกรัฐมนตรีไม่ได้ต้องการตำหนิใคร หรือสร้างความขัดแย้งใดๆ ขึ้นมาอีก
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรีและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทุกคน ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านก็ต้องทำงานให้ได้ เพราะทุกคนคือคนไทย
แผ่นดินไทยทุกตารางนิ้ว ต้องได้รับการดูแลจากรัฐบาลประชาธิปไตยอย่างทั่วถึงเท่าเทียมและเป็นธรรม ขอบคุณครับ”
ลึกกว่าที่คิด วิจิตรบรรจงกว่าอาจารย์เฉลิมชัยปั้นจ่าแซม แบบนี้ เขาเรียก “แทงทางยาว” ทะลุไปถึงขั้น
“หัวหน้าพรรค” ในสเตปต่อไป!
หลายคนห่วง อย่างที่ว่า จะตั้งรัฐบาลไม่ได้ หรือได้ แต่ที่ปริ่มน้ำอยู่แล้ว พอถึงสภา แค่วันแรกก็…จมเลย
ตอนนี้ ฝ่ายค้าน ออกแคมเปญใหม่ เป็นว่า เลือกตั้งมา ๓ เดือนแล้ว แต่ตั้งรัฐบาลไม่ได้สักที
ความจริง ไม่ใช่ ๓ เดือน เพิ่งขยับเขยื้อนกันหลังวันที่ ๙ พฤษภานี่เอง แต่ก็ช่างเหอะ
เบลเยียม เคยใช้เวลา ๑๘ เดือน คือ ปีครึ่ง กว่าจะตั้งรัฐบาลได้
เยอรมนี นางแมร์เคิล กว่าจะตั้งรัฐบาลได้ เมื่อปีที่แล้ว ใช้เวลากว่า ๔ เดือน
เนเธอร์แลนด์ เคยใช้เวลาถึง ๗ เดือน กว่าจะได้รัฐบาลบริหารประเทศ
แล้วของเรา เพิ่งเดือนกว่า ทำเป็นสะดิ้งประชาธิปไตย ๒๔๗๕ กันไปได้!
แต่ก็อย่างที่บอก ถึงรัฐบาลเลือกตั้งยังไม่คลอด ก็มีรัฐบาล คสช.บริหารบ้านเมืองแน่นปึ้กอยู่แล้ว
รัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๖๔ บอก ให้คณะรัฐมนตรี คสช.อยู่ไปจนกว่า คณะรัฐมนตรีที่ตั้งใหม่จากเลือกตั้งครั้งแรกมารับหน้าที่
“รับหน้าที่” ก็หมายถึงว่า ครม.ชุดเลือกตั้งเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณต่อ “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” แล้วนั่นแหละ รัฐบาล คสช.จึงจะพ้นไป
ชัดๆ ก็คือ ตราบใด ที่ยังไม่มีรัฐบาลใหม่มาแตะมือ รัฐบาล คสช.และคณะ คสช.ก็ยังคงบริหารประเทศอยู่ตามเดิม
“แตะมือ” หมายถึง นายกฯ เลือกตั้งวันนี้ คือ “พลเอกประยุทธ์” ยังไม่นำคณะรัฐมนตรีเข้าถวายสัตย์ฯ
ตราบนั้น ประเทศไทย ยังคงมี “รัฐบาล คสช.” โดย “พลเอกประยุทธ์” เป็นหัวหน้ารัฐบาลบริหารประเทศเหมือนเดิม
ตรงนี้ไง นายกฯ ประยุทธ์จึงบอก ใครยึดตัวเอง ไม่อยากอยู่..ก็ไป
แต่ตัวท่าน ยึดประชาชน การเลือกคนเป็นรัฐมนตรี จึงยึด “มาตรฐานประชาชน”
เพื่อให้ประชาชนพอใจ สมกับความเป็นรัฐบาล “ของประชาชน-โดยประชาชน-เพื่อประชาชน”
เมื่อทราบ “เหตุผล-เงื่อนไข” อย่างนี้แล้ว รัฐบาลจะคว่ำ-จะหงาย ก็ให้มันเป็นไปตามเจตนารมณ์ “ประชาธิปไตย” เลือกตั้งเหอะ
“รัฐบาลแท้ง” เพราะนายกฯ “แคร์ประชาชน”
เก๋กว่า…
คลอดออกมา “พ่อเป็นเทพ-ลูกเป็นมาร