วันนี้เป็นวันที่ ๑๒ สิงหาคม ประเทศไทยได้ยกว่าวันนี้เป็นวันแม่แห่งชาติ ให้พวกเราสำนึกในใจอยู่เสมอ พ่อแม่มีพระคุณกับเราอย่างไร เกี่ยวข้องกับเราอย่างไร ให้ความอบอุ่นกับเราอย่างไร สิ่งเหล่านี้ พวกเราเป็นลูกควรจะคิดไว้ในใจ ไม่ใช่ว่าเหมือนกับเราไปยืมเงินเขา เราเป็นลูกหนี้ ในขณะที่ไปยืมเงินเขา ไปยกมือไหว้แล้วไหว้อีก เขาก็ให้ด้วยน้ำใจ ไม่ได้คิดค่าอะไร เอาไปเถิด เอาไปใช้เน้อ อันนี้เขามีน้ำใจ แต่พอเอาเงินเขามาใช้แล้วทำท่าเป็นนักเลงจะฆ่าเจ้าของทรัพย์ อันนั้นแปลว่าผู้ไม่รู้จักพระคุณของคน ถึงจะมีอายุ หรือจะเจริญรุ่งเรืองขนาดไหนในทางโลก ทางด้านวัตถุ แต่จิตใจดำปิ๊ดปี๋ เพราะไม่มีคุณธรรมในจิตใจ
นี่ก็เหมือนกัน พ่อแม่เป็นผู้มีพระคุณให้เราทุกอย่าง ให้เราตั้งแต่ศีรษะถึงฝ่าเท้า ทุกคนทั้งหญิงทั้งชาย เราออกมาจากไหน ออกมาจากท้องแม่ พอออกมาแล้วทั้งพ่อทั้งแม่ก็ดูแลประคบประหงมให้อาหารการบริโภค ให้ปัจจัยสี่ทุกอย่าง พวกเราก็เห็น เด็กที่เกิดมาใหม่พ่อแม่เขาเลี้ยงกันยังไง ยิ่งเป็นพ่อแม่เองเสียแล้ว เลี้ยงลูกตนเองยังไง แต่ถ้าเรายังไม่มีลูก อย่างหลวงพ่อก็ไม่มีลูก หลวงพ่อก็เห็นว่าเขาเลี้ยงลูกกันยังไง พ่อแม่ของหลวงพ่อเลี้ยงหลวงพ่อเอง ก็ไม่แพ้อย่างที่หลวงพ่อเห็น
นี่ให้เปรียบเทียบว่าพ่อแม่เลี้ยงดูบุตรนั้น พ่อแม่ประคบประหงม ให้การเลี้ยงดู ให้ข้าวน้ำอาหาร การบริโภค ผ้านุ่งห่ม ยาแก้โรคภัยไข้เจ็บ ที่อยู่อาศัย ให้ความอบอุ่นแก่ลูกน้อยอย่างไร เราที่เกิดมาพ่อแม่ก็ให้ความอบอุ่นอย่างนั้น พวกเราจึงได้ใหญ่โตขึ้นมาถึงขนาดนี้ จึงถือว่าพ่อแม่เป็นผู้มีพระคุณอย่างยิ่ง ในหลักของพระพุทธศาสนาท่านถือว่าพ่อแม่เป็นบุพการีบุคคล บุคคลผู้มีอุปการะก่อน คือเป็นผู้ให้เราก่อน อย่างที่พ่อแม่ให้เด็กอย่างไร เราเคยสังเกตไหม พ่อแม่ให้เด็กอย่างไรพ่อแม่เราก็ให้เราอย่างนั้น ไม่แพ้กัน นี่ล่ะ เป็นบุพการี เป็นผู้ที่มีอุปการะก่อน แล้วเราใหญ่ขึ้นมาแล้ว เราจะแสดงความกตัญญุกตเวทิตากับพ่อแม่เราอย่างไร เราจะสนองพระคุณท่านอย่างไร
เราจะเป็นคนดี เราจะตั้งใจเรียนหนังสือ เราจะเป็นผู้ว่าง่านสอนง่าย เราจะไม่ถกเถียงพ่อแม่ ถึงพ่อแม่จะพูดผิดถูกอย่างไร เราต้องฟังไว้ก่อน ในเมื่อพ่อแม่อารมณ์โมโหให้แก่เรา เราต้องฟัง จากนั้นเมื่อมีโอกาสเราจึงมาชี้แจงทำความเข้าใจกับพ่อแม่อีกทีหนึ่ง ลูกที่ดีต้องมีลักษณะอย่างนั้น
ในเรื่องความเป็นอยู่ เมื่อเราใหญ่ขึ้นมาทำการงาน มีเงินเดือน มีสมบัติขึ้นมา พ่อแม่เป็นอย่างไร บางคนตอนอยู่กับพ่อแม่ พ่อแม่ไม่มีปัญญาจะหาทรัพย์สมบัติเลี้ยงลูกตามอัตภาพ อาจจะไม่ได้ส่งเสียให้ลูกไปเรียน พอลูกใหญ่ออกไปทำมาค้าขายหาทรัพย์ด้วยลำแข้งของตัวเองเจริญรุ่งเรืองเป็นผู้มีเงินคำทรัพย์สมบัติ ก็ลืมพ่อแม่ไป บอกว่าข้าพเจ้าไม่ได้เอาเงินคำทรัพย์สมบัติมาจากพ่อแม่ ข้าพเจ้าเสาะแสวงหาเอง ก็เลยลืมพระคุณบิดามารดา อันนั้นแปลว่าลูกเนรคุณ เพราะกองทุนก้อนทุนตั้งแต่หัวจรดเท้าทุกอย่างในร่างกายเราได้มาจากใคร พ่อแม่เป็นผู้ให้มา ถึงเราจะไปทำอะไร ก็ถือว่าเราได้เอากองทุนก้อนนี้ไปลงทุนด้วย ในเมื่อได้ทุนมาแล้ว เราก็ควรทดแทนพระคุณบิดามารดาของเรา ไม่ใช่จะเฉย ๆ เมย ๆ ไม่ใส่ใจกับพ่อแม่เสียเลย อันนั้นไม่ถูกต้อง
เพราะฉะนั้น ขอให้ทุกท่าน พ่อแม่ยังมีชีวิตอยู่ อย่ามองข้าม อย่าดูดาย ให้มอง ให้เคารพท่าน อย่างวันนี้วันแม่ ข้าพเจ้าจะภาวนาทั้งวัน ข้าพเจ้าจะทำจิตให้สงบตลอด ข้าพเจ้าจะไม่คิดปรุงฟุ้งซ่าน เพื่อบูชาพระคุณของแม่วันนี้ บุญกุศลที่เกิดจากการทำสมาธิของเรา จะเป็นเครื่องเกื้อกูลหนุนบิดามารดาพ่อแม่ของเรา หากท่านตกทุกข์ได้ยากไม่สบายอย่างไร บุญกุศลที่เราทำไว้นี้จะเป็นเครื่องเป็นพลังเกื้อกูลหนุนท่านให้ท่านมีความร่มเย็นเป็นสุขทางด้านจิตใจ
วันนี้ประเทศชาติของเรายกให้เป็นวันแม่แห่งชาติ พวกเรามีพ่อมีแม่กันทุกคน พวกเราทุกคนจึงควรทำตนเป็นคนดี เป็นการบูชาพระคุณของท่าน ถ้าเราทำไม่ดี ทำกรรมชั่ว พ่อแม่รู้แล้วก็ย่อมเสียใจ ก็เหมือนกับเราโยนถ่านไฟให้ท่านไม่สบายใจ ถ้าสิ่งไหนที่เราทำแล้วพ่อแม่สบายใจกับเรา ก็เหมือนกับเรายื่นเงินคำทรัพย์สมบัติให้ท่าน แล้วพวกเราจะยื่นอะไรให้เป็นรางวัลของท่านในวันนี้ จะยื่นถ่านไฟ หรือยื่นเงินคำทรัพย์สมบัติให้ท่านในวันนี้
หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก
จากพระธรรมเทศนา “สนองบุญคุณ พ่อแม่อย่างไร”
แสดงธรรมเมื่อวันที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๓