กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ห่วงผู้สูงอายุดื่มน้ำน้อยกว่า 8 แก้วต่อวัน หวั่นเกิดภาวะขาดน้ำ แนะผู้ดูแลใส่ใจกระตุ้นให้ดื่มน้ำทุกชั่วโมง โดยเน้นให้ดื่มทีละน้อย ๆ แต่บ่อยครั้ง เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ
นายแพทย์อรรถพล แก้วสัมฤทธิ์ รองอธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า ผู้สูงอายุที่มีพฤติกรรมดื่มน้ำสะอาดน้อยกว่า 8 แก้วต่อวัน อาจส่งผลต่อสุขภาพ นำมาสู่ภาวะขาดน้ำ ซึ่งอาการที่แสดงออกถึงภาวะขาดน้ำในผู้สูงอายุคือ ชีพจรเร็วกว่า 120 ครั้งต่อนาที ความดันโลหิตต่ำขณะเปลี่ยนท่าทำให้วิงเวียนศีรษะ เป็นลมง่าย หมดสติ มีภาวะสับสน เยื่อบุปากแห้ง ความยืดหยุ่นของผิวหนังลดลงมาก แต่มีปริมาณปัสสาวะปกติ เพราะไตไม่สามารถเก็บกักน้ำได้ในภาวะขาดน้ำ ทำให้ปริมาณปัสสาวะในระยะแรกของภาวะขาดน้ำไม่ลดลง จนกระทั่งเข้าสู่ระยะสุดท้ายทำให้หัวใจล้มเหลวและไตวาย
ทั้งนี้ ภาวะขาดน้ำในผู้สูงอายุมักพบได้ง่าย เนื่องจากมวลกล้ามเนื้อที่ลดลงทำให้น้ำในร่างกายผู้สูงอายุลดลง การตอบสนองต่อความกระหายน้ำลดลง ทำให้ดื่มน้ำน้อยลง ร่างกายจึงไม่ได้น้ำชดเชย ประกอบกับความเสื่อมของร่างกาย เช่น กลั้นปัสสาวะไม่ได้ สมองเสื่อม ทำให้ดื่มน้ำน้อยลงและไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
“ผู้สูงอายุกว่าร้อยละ 40 เป็นโรคเรื้อรัง อาทิ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือดสมอง ซึ่งต้องได้รับยาขับปัสสาวะทำให้น้ำในร่างกายน้อยลง และปัญหาช่องปาก ทำให้ไม่อยากกินอาหาร ปัญหาด้านสายตา ทำให้มองเห็นไม่ชัดเจนจึงไม่อยากไปจัดหาน้ำดื่ม และที่สำคัญคือผู้สูงอายุที่มือสั่นหยิบจับหรือกำไม่ได้ จะไม่สามารถดื่มน้ำได้ด้วยตนเอง ผู้ดูแลจึงควรจัดหาน้ำให้ท่านดื่มวันละ 8 แก้ว และกระตุ้นให้ดื่มทุกชั่วโมง
โดยให้ดื่มเครื่องดื่มที่ชอบ งดดื่มเครื่องดื่มที่มีรสหวานจัด จัดหาแก้วมีหูจับหรือสะดวกในการใช้ หรือให้ดูดจากหลอด และควรให้ดื่มน้ำช้า ๆ เพื่อป้องกันการสำลัก ส่วนการกินยาและอาหารให้ดื่มน้ำอย่างน้อย 1 แก้ว นอกจากนี้ ผู้สูงอายุควรเข้ารับการตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี หากพบโรคควรรับการรักษาอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดสาเหตุและปัจจัยที่ทำให้เกิดภาวะขาดน้ำ” รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าว