“จากจิ๋นซีถึงสมบัติจักรพรรดิ์จีน”

อะไรเอ่ย…..
ตาขาวมากกว่าตาดำ คำรามเผาไปเลยพี่น้อง เสือก็ไม่ใช่ หมาขี้เรื้อนก็ไม่เชิง?
เฉลย
“ขุนพลไพร่” ที่ใกล้คุกแล้วร้องเอ๋งนั่นไง!
เลิกคุยเรื่องสัตว์ มาคุยเรื่องประเสริฐกันดีกว่า ไปชมกันมาหรือยังครับ………

“นิทรรศการ จิ๋นซีฮ่องเต้ : จักรพรรดิองค์แรกของแผ่นดินจีนกับกองทัพทหารดินเผานั่นน่ะ?

ที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ ติดธรรมศาสตร์ ฝั่งสนามหลวงนั่นแหละ
ส่วนผมน่ะ ยัง ข่าวว่าแน่นตรึม คิวยาว แต่การจัดการเขาดี แบ่งเป็นรอบๆ ลื่นไหลได้อารมณ์ฟิน

ต้องไปกันให้ได้นะ ครั้งหนึ่งในชีวิตเลยเชียว ไม่ง่ายหรอกที่จีนจะยอมนำมาจัดให้ชม และมีไม่กี่ประเทศที่ “จัดเต็ม” ระดับนี้

คนไทยกับพิพิธภัณฑ์ ไปด้วยกันยาก เวลาไปทัวร์ พอบอกไปพิพิธภัณฑ์ หน้าเบ้ แต่บอกไปช้อปปิ้ง บานเป็นกระด้ง

การเข้าพิพิธภัณฑ์ การดูละครเวที บ่งบอกอารยะสังคมคนชาตินั้นๆ อย่างหนึ่ง

คนไทยเราก็อารยะ ลิเกก็ดี การร้อง-เล่น-เต้นรำ ศิลปะพื้นบ้าน ตามงาน ตามลานวัด จัดอยู่ในชั้นวัฒนธรรมแข็ง

กฎสังคมในการเข้าชมพิพิธภัณฑ์ ดูแต่ตา มืออย่าต้อง และอย่ายืนจ้องนาน เท้าคนข้างหลังจะกินส้นเอา
เปิดให้ชมทุกวันพุธ-อาทิตย์ ๙.๐๐-๑๕.๐๐ จนถึง ๑๕ ธค.๖๒ จันทร์-อังคาร อย่าไป เขาปิด
จิ๋นซีฮ่องเต้ เป็นผุู้รวบรวมแผ่นดินเป็นรัฐในประวัติศาสตร์จีน ตั้งราชวงศ์ฉิน เป็นราชวงศ์แรกของจีน
ต่อมาก็ราชวงศ์ฮั่น, ชิน, จิ้น, เหนือใต้, สุย, ถัง, ซ่ง, หยวน, หมิง และชิง เป็นราชวงศ์สุดท้าย

มีตำนานกล่าวขาน จักรพรรดิ์จีนแต่ละองค์เป็นโอรสสวรรค์ เพราะพระนางซูสีไทเฮาแท้ๆ เชียว ไม่ใช่ทั้งโอรสและธิดาสวรรค์ แทรกเข้ามา
เลยเกิดอาถรรพณ์ ราชวงศ์จีนต้องสิ้นสุดลงแค่นั้น!

“ปูยี” ที่ว่าเป็นจักรพรรดิ์องค์สุดท้าย ความจริง เป็นแค่หุ่นที่ถูกเชิดขึ้น อำนาจทั้งหมดอยู่ที่พระนางซูสีไทเฮา นำไปสู่การปฏิวัติยึดอำนาจราชวงศ์ชิงในที่สุด

จักรพรรดิ์ปูยีถูกบังคับให้สละราชสมบัติ ปี พศ.๒๔๕๕ สิ้นสุดราชวงศ์ชิง และการปกครองระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชที่ยาวนานมา ๕,๐๐๐ ปี ของจีน

เปลี่ยนแปลงเป็นแบบประชาธิปไตย มีชื่อประเทศว่า “สาธารณรัฐจีน” ตอนแรก

เมื่อพรรคคอมมูนิสต์ของ เหมา เจ๋อ ตุง ขับไล่พรรคก๊กมินตั๋งของ เจียง ไคเช็ก หนีไปอยู่ไต้หวันแล้ว

ประธานเหมาประกาศเป็น “สาธารณรัฐประชาชนจีน”

นี่เป็นประวัติศาสตร์จีน ฉบับลัดนิ้วมือเดียว จบเลย
นิทรรศการจิ๋นซีฮ่องเต้ ตีซะว่าเป็นนิทรรศการสมบัติราชวงศ์แรกของจีน คือ ฉิน

ถ้าถามว่า แล้วสมบัติราชวงศ์อื่นๆ ในรอบ ๕,๐๐๐ ปี รวมทั้งราชวงศ์ชิง อันเป็นราชวงศ์สุดท้ายของจีนล่ะถ้าอยากดู จะหาดูได้ที่ไหน?

งั้นก็มาคุยต่อจากที่ค้างไว้ ๒ สัปาดห์ก่อน แต่ก่อนคุย ขอสลับฉากนิด
พุธที่ ๒๕ กย..ACT”องค์กรต่อต้านคอรัปชั่น (ประเทศไทย) เขาข้องใจ ครม.ชุดนี้ว่า
นอกเหนือจากอยากเอาพวกเข้าไปนั่งเป็นบอร์ดตามขุมสมบัติรัฐวิสาหกิจต่างๆ แล้ว
มีเหตุผลอื่้นที่รับฟังได้บ้างมั้ยว่า เปลี่ยนครม.ปุ๊บ ทำไมต้องขับไล่ให้บอร์ดเดิมลาออก โดยอ้างว่าเป็นมรรยาท

แทนที่จะดูคุณภาพคน-คุณภาพงาน แล้วพิจารณาแต่ละรายไป แต่นี่ ถืออำนาจบาทใหญ่ ขับไล่ไสส่งกันเลย
Act จึงกำหนดหัวข้อ “มารยาทหรือจรรยาบรรณช่วยชาติได้มากกว่า?กรณีเปลี่ยนบอร์ดรัฐวิสาหกิจกับการเมือง”

ดร.บัณฑิต นิจถาวร, บรรยง พงษ์พานิช, ประภาส คงเอียด ดร.เดือนเด่น นิคมบริรักษ์ จะร่วมเสวนาให้ฟัง โดยมีดร.มานะ นิมิตรมงคล กำกับเวที
สนใจไปกันได้ ๙.๓๐ – ๑๒.๐๐ น.ห้อง Great Hall ชั้น ๗ โรงแรมแบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค สุขุมวิท ๒๒ ไม่มีค่าใช้จ่าย
ลงทะเบียนออนไลน์ที่ http://bit.Ly/2maQfUm โทรสาร ๐ ๒๖๑๓-๖๖๐๐


เอาหละ..กลับมาเข้าเรื่อง…..
ตอนผมไปไหว้หลวงพ่อทวดที่ปัตตานี คุณมกร์ รุ่งกมล ที่ “ไปไหน-ไปกัน” ขากลับ แวะหาดใหญ่
คุณมกร์บอก เคยดูสารคดีในโทรทัศน์ ว่าที่หาดใหญ่มีคนเปิดกรุมหาสมบัติจักรพรรดิ์เฉินหลง พระพุทธรูปหยกเป็นพันๆ องค์ อยากไปดู

ผมก็ไม่รู้ว่าที่ไหน คุณน้ำหอม ภรรยา “นายกชาย” ที่เป็นสส.สงขลาตอนนี้บอก
น่าจะเป็นที่ “ศูนย์มหาสมบัติ ๓ แผ่นดิน” ตลาดฟุกเทียน คลองแห มากกว่า
ก็เลยไปดูกัน………

เขาจัดแสดงในอาคาร ๑๐ คูหา ในพื้นที่ร่วม ๕๐ ไร่ ซื้อตั๋วคนละ ๔๐๐ บาทสำหรับคนไทย จะมีไกด์นำชม
พอก้าวเข้าประตู บอกได้คำเดียว…งง ไม่คิดจะมาเจออะไรที่ “เหนือความคาดหมาย” ขนาดนี้
ใครจะไปคิด สมบัติจักรพรรดิ์ล้ำค่า ทุกอย่าง “ชิ้นเดียวในโลก” จะมารวมอยู่ที่นี่!

ยิ่งแทบไม่น่าเชื่อ ความเป็นมาเชื่อมโยงถึง “หลวงปู่ทวด” วัดช้างให้ และ “สมเด็จพุฒาจารย์ โต พรหมรังสี” วัดระฆัง ผ่านบุคคลผู้หนึ่ง เมื่อ ๑๕๐ กว่าปีมาแล้ว ชื่อ “หลวงวิจารณ์เจียรนัย” ช่างแกะสลักและช่างทำทอง ในราชสำนัก รัชกาลที่ ๔

ท่านนี้แหละ คือที่มาของสมบัติจักรพรรดิ์ “ชิ้นเดียวในโลก”

ย้อนไปตั้งแต่ในรัชสมัย “พระบาทสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช” โน่น
บรรพบุรุษมาจากจีน หลวงวิจารณ์เจียรนัย เกิดในไทย พ่อส่งไปเรียนเมืองจีน ได้วิชาแกะสลักและการทำทองกลับมา

สมัครเข้ารับราชการในสมัยรัชกาลที่ ๔ และหลวงวิจารณ์ฯ ผู้นี้แหละ เป็นผู้แกะแม่พิมพ์ “พระสมเด็จ” ถวายสมเด็จโต
จึงเป็นที่มาของ “พระสมเด็จ” และบล็อกจำนวนมาก ตามที่เห็นในศูนย์หยกจักรพรรดิ์แห่งนี้

“คุณธรรมยุทธ์ เจนพิชิตกุลชัย” ประธานบริษัทในเครือฟุกเทียน กรุ๊ป ทายาทรุ่นที่ ๖ ของ “หลวงวิจารณ์เจียรนัย” ท่านนี้แหละ เป็นผู้รับมรดกตกทอด หีบมหาสมบัติเหล่านี้ถูกเก็บรักษา “ห้ามเปิด” ตามคำสั่งบรรพบุรุษมา ๑๔๔ ปี

เพิ่งพ้น “คำสั่งห้าม” ไม่กี่ปีมานี้เอง
และเมื่อเปิด สมบัติจักรพรรดิ์และความลับตามบันทึก ก็ถูกเปิดออกมาด้วย

ที่เกี่ยวพันถึง “หลวงปู่ทวด” คุณธรรมยุทธ์เล่าตามบันทึกหลวงวิจารณ์ฯว่า

“สมเด็จพุฒาจารย์ โต” ตอนเดินธุดงค์ไปใต้ แวะวัดพะโคะ อ.สทิงพระ จ.สงขลา และปักกลดบริเวณวัด
วัดพะโคะ มีเรื่องเล่าต่อๆ กันมาว่าเป็นที่จำพรรษาหลวงปู่ทวด สมเด็จพุฒาจารย์ โต เมื่อปักกลด นิมิตว่าหลวงปู่ทวดให้สร้างพระแจกจ่ายคนทางใต้
เมื่อกลับกรุงเทพฯ จึงหาช่างมาแกะพิมพ์ แต่ไม่ถูกใจ จนพบหลวงวิจารณ์ฯ ปี พศ.๒๔๐๘ สมเด็จโตเล่านิมิตให้ฟัง

หลวงวิจารณ์ฯ จึงแกะแม่พิมพ์ถวาย สมเด็จโต ชอบใจแบบสามเหลี่ยมมน ๓ ขา ซึ่งก็มีปรากฏที่กรุมหาสมบัติเช่นกัน

สำหรับมหาสมบัติ ที่หาดูที่ไหนในโลกไม่ได้ แม้ในจีนเองก็ไม่มี แต่หาดูได้ที่ศูนย์มหาสมบัติ ตลาดฟุกเทียน
เป็นพระหยก เครื่องใช้จักรพรรดิ์เฉียนหลง สร้างจากหยกแท้กว่า ๒,๐๐๐ ชิ้น เฉพาะพระพุทธรูปหยก ก็พันกว่าองค์

เช่น พระพุทธรูปหยกแท้สีชมพูน้ำหนัก ๓๐๐ กิโลกรัม ของเฉียนหลงฮ่องเต้ จากวังต้องห้าม

หยกเขียวของพระนางซูสีไทเฮา, หยกเจ้าแม่กวนอิม, เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี้ย, ฮกลกซิ่ว

หยกขาว ซึ่งเป็นองค์เดียวในโลก, ระฆังหยกอายุพันปี
ตราประทับราชวงศ์เซี่ย, ราชวงศ์ซาง และอีกหลายราชวงศ์ อายุมากกว่า ๔,๐๐๐ ปี

 

ของที่มีค่าควรเมือง เช่น ปืนทองคำ เครื่องเบญจรงค์ กำไลหยก พระทองคำแท้ๆ กว่าพันองค์ พระเครื่องสมเด็จแท้ๆ ๒ แสนองค์

บล็อกพระสมเด็จกว่าพันบล็อก เครื่องปั้นดินเผาสมัยบ้านเชียง ประมาณ ๓ พันชิ้น

กระทั่งปืนใหญ่หยก ๑ คู่ แกะจากหยกซินเกียง คนจีนเรียกหยกสีเลือด หมวกฮ่องเต้ ซามูไรสั้น ที่จักรพรรดิ์ญี่ปุ่นมอบให้ปูยี ตอนขึ้นครองเมืองจีนตามประวัติศาสตร์

นี่แค่ ๑ ใน ๑๐๐ ควรไปดูกันเอง ฟังแล้วก็ไม่น่าเชื่อ แต่ทั้งหมด มีหลักฐานเอกสารบันทึกฉบับดั้งเดิมให้ดู
และผ่านพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ โดยสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) ออกใบรับรองอายุมวลสารเป็นทางการ รวมทั้งพระสมเด็จ

ทางรัฐบาลปักกิ่ง เคยส่งเจ้าหน้าที่มาดูแล้ว และรับรองความถูกต้อง
เหตุที่สมบัติจักรพรรดิ์มาอยู่ที่นี่ คุณธรรมยุทธ์เล่าไว้ว่า
สมัยปฏิวัติวัฒนธรรม ดร.ซุนยัดเซ็น และนางเจียงชิง ภรรยาเหมา ทำลายเทวรูปและพุทธรูปหยกต่างๆ ทิ้ง บอกว่าทำให้คนงมงาย

นายพลเจียงไคเช็ก จึงขนสมบัติในท้องพระคลังหลวงส่วนหนึ่ง มาเก็บไว้ที่เมืองไทย

อย่างหยกหมู ๓ ชั้น เห็นที่ไต้หวันแล้วร่ำลือกันนัก พอมาเห็นหยกหมู ๓ ชั้นยักษ์ หยกผักกาดขาวยักษ์ ที่ฟุกเทียนแล้ว ที่ไต้หวัน เป็นของชำร่วยไปเลย

และตามคำเล่าสืบมา พระนางซูสีไทเฮา ให้ทหารและญาติขนของล้ำค่า เช่นพุทธรูปหยกนานาชนิด ที่เก็บในท้องพระคลังออกนอกประเทศด้วย
ส่วนหนึ่งก็มาอยู่ในไทย

จึงเป็นที่มาของหยกนานาชนิด ของใช้ ของเล่นฮ่องเต้ ชุดคลุมมังกรอันเป็นฉลองพระองค์ของจักรพรรดิ์เฉียนหลงและตราประทับทุกยุค มาอยู่ในศูนย์หยกฟุกเทียน
ตระกูลหลวงวิจารณ์ฯ นี่แหละ นำสำเภาหนึ่งลำไปขนจากจีน ตอนกลับ ต้องใช้เรือสำเภา ๕ ลำ มากขนาดไหนก็คิดเอา

ครับ…
ฟังเล่าไม่เท่าท่านไปดูกับตา สมัยประธานเหมายังอยู่ ผมเคยไปดูในวังพระนางซูสีไทเฮา ยังไม่ละลานตาเท่านี้


พูดแล้วนึกถึง “ทายาทเซียนสู” ที่ชลบุรีท่านหนึ่ง
เคยไปบ้านท่านที่เจ็ดเสมียน ละลานด้วยสมบัติพระนางซูสีไทเฮา ทั้งโต๊ะ ตั่ง เตียง ของใช้ ของตกแต่ง
ก็น่าจะมายุคเดียวกันนี้แหละ!
วันนี้ ปลอดสารการเมือง สบายๆ ซักวันนะ.

Written By
More from plew
ครึ่งหลัง “รัฐบาล” ชักจะแย่ – เปลว สีเงิน
เปลว สีเงิน วันที่ ๓ ของการอภิปราย ครึ่งแรก “แดงส้ม” ฟอร์มบู่ “๓ ป.” โชว์เหนือชั้น ป.ประยุทธ์...
Read More
0 replies on ““จากจิ๋นซีถึงสมบัติจักรพรรดิ์จีน””