แถลงการณ์พรรคเพื่อไทย เรื่อง ข้อเสนอต่อรัฐบาลเพื่อหาทางออกของประเทศ โดยที่สถานการณ์ของประเทศขณะนี้ ได้ประสบกับปัญหาวิกฤติทางเศรษฐกิจ อันเป็นปัญหานับตั้งแต่ก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และเมื่อรัฐได้ใช้มาตรการอย่างเข้มข้นเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคดังกล่าว
ทำให้วิกฤติเศรษฐกิจที่มีอยู่แล้วมีความรุนแรงยิ่งขึ้น ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชนเกือบทุกภาคส่วน และขณะนี้กำลังจะเกิดวิกฤติอันสำคัญทางการเมือง อันเป็นผลจากรัฐธรรมนูญที่ไม่มีความชอบธรรม และไม่เป็นประชาธิปไตย
จึงทำให้เกิดข้อเรียกร้องของหลายฝ่ายให้มีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ประชาชนได้มีส่วนร่วมอย่างแท้จริง แต่ท่าทีของรัฐบาลกลับไม่ให้ความสนใจ
ล่าสุดจึงได้เกิดการเคลื่อนไหวของบรรดานักศึกษาสถาบันต่างๆ นั้น พรรคเพื่อไทย เห็นว่าสถานการณ์ของประเทศอยู่ในภาวะเปราะบาง และสุ่มเสี่ยงที่จะทำให้ความขัดแย้งรุนแรงตามมา หากรัฐบาลยังคงบริหารประเทศโดยที่ไม่ฟังเสียงเรียกร้องของประชาชน และไม่สามารถแก้ปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจได้ถูกทิศทาง
พรรคเพื่อไทยจึงมีข้อเสนอต่อรัฐบาล ดังนี้
1. ขอให้รัฐบาลได้รับฟังเสียงเรียกร้องของประชาชน และใช้ความอดทนในการแก้ปัญหา งดใช้กำลังและความรุนแรงทุกรูปแบบกับประชาชนเพื่อสร้างความขัดแย้งให้ขยายวงกว้างขึ้น อย่ามองคนที่เห็นต่าง เป็นศัตรูทางการเมือง และใช้สันติวิธีในการแก้ปัญหา ขณะเดียวกันขอให้ผู้ชุมนุมเรียกร้องทุกกลุ่มได้ใช้สิทธิของตนภายใต้กรอบของรัฐธรรมนูญและกฎหมายและใช้สันติวิธีเช่นกัน
2. รัฐบาลต้องสนับสนุนให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เนื่องจากเป็นที่ยอมรับว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ร่างขึ้นจากผลพวงของการยึดอำนาจเมื่อ 22 พฤษภาคม 2557 และมีเนื้อหาที่ไม่เป็นประชาธิปไตย มุ่งสืบทอดอำนาจ และพันธนาการประเทศไว้ด้วยยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี
ซึ่งพรรคเพื่อไทยและอีกหลายพรรคได้ร่วมกันผลักดันมาหลายปีแล้วให้เกิดรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ร่างโดยประชาชนและเห็นชอบโดยประชาชน ให้เป็น ROAD MAP ของสังคมร่วมกันอันจะเป็นเครื่องมือให้ทุกฝ่ายเดินหน้าร่วมกันได้ ขณะนี้ความคิดได้ตกผลึกและมีประชาชนหลายกลุ่ม รวมทั้งบรรดานิสิตนักศึกษาเริ่มออกมาเรียกร้องแล้ว
จึงเห็นว่าถึงเวลาที่รัฐบาลและทุกฝ่ายต้องดำเนินการในเรื่องดังกล่าวให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุด อย่าคิดว่าเมื่อตนเองร่างรัฐธรรมนูญ และได้เข้ามาสู่อำนาจตามรัฐธรรมนูญที่ตนเองร่างขึ้น แล้วจะได้อยู่ในอำนาจตามสบาย เพราะรัฐธรรมนูญถือเป็นสัญญาประชาคมที่จะต้องเกิดจากความสมัครใจและการมีส่วนร่วมของทุกฝ่าย หากรัฐบาลยังคงเพิกเฉยก็อาจทำให้เกิดวิกฤตการณ์รัฐธรรมนูญตามมาในไม่ช้าได้
3. เพื่อให้ประชาชนทุกระดับ โดยเฉพาะคนตัวเล็ก สามารถทำมาหากินได้อย่างสะดวก แข่งขันกับโลกได้อย่างสอดคล้องกับยุค 4.0 และเพื่อให้ระบบ “รัฐราชการ” เปลี่ยนบทบาทจากผู้ควบคุมเป็นผู้สนับสนุนส่งเสริม
พรรคเพื่อไทยเห็นว่าเราต้องปลดปล่อยและให้อำนาจแก่ประชาชนที่ทำมาหากิน โดยพลิกวิกฤติโควิด-19 เป็นโอกาส ด้วยการงดเว้นการต้องขออนุมัติ อนุญาตในการประกอบกิจการต่างๆ เป็นเวลา 3 ปี เว้นแต่ที่กระทบต่อความปลอดภัยอย่างร้ายแรงของประชาชน แต่ผู้ประกอบการต้องให้คำรับรองว่าจะปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย
และหากเจ้าหน้าที่ตรวจพบว่ายังไม่ถูกต้องก็จะให้คำแนะนำ หากแนะนำแล้วยังไม่ถูกต้องอีกให้เตือนจากนั้นจึงลงโทษ รัฐต้องสันนิษฐานว่าประชาชนส่วนใหญ่ต้องการทำมาหากินอย่างสุจริตและยั่งยืน
4. รัฐบาลต้องให้ประชาชนมีอำนาจในการรวมตัวเพื่อการทำมาหากิน โดยมีวัตถุประสงค์ให้มี การช่วยเหลือซึ่งกันและกัน การสร้างมาตรฐานระหว่างผู้ประกอบการในกิจการที่มีลักษณะทำนองเดียวกันหรือคล้ายกัน การสร้างขนาดของกิจการที่รวมกันให้ใหญ่ขึ้นเพื่ออำนาจต่อรองกับตลาด และการสะท้อนปัญหาตลอดจนความต้องการที่แท้จริงต่อรัฐบาลและหน่วยงานต่างๆ ที่รับผิดชอบ โดยการออกกฎหมายรองรับการรวมตัวของ SMEs อย่างเร่งด่วน
พรรคเพื่อไทย เห็นว่าการมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่เป็นของประชาชน เพื่อเป็น ROAD MAP ร่วมกัน การปลดปล่อยและให้อำนาจประชาชนในการทำมาหากิน เป็นวิสัยทัศน์ ทิศทาง และรูปธรรม ที่ทุกฝ่ายต้องเดินไปด้วยกัน ประเทศชาติจึงจะอยู่รอดท่ามกลางวิกฤติเศรษฐกิจขนาดมหึมาที่กำลังจะมาถึงในอนาคตอันใกล้
พรรคเพื่อไทย
21 กรกฎาคม 2563