เมื่อวันที่ 14 ก.ค.63 เวลา 16.40 น. ณ ห้องโดมทอง ชั้น 2 ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หารือทางโทรศัพท์กับนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน เนื่องในโอกาสครบรอบ 45 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน สรุปสาระสำคัญการหารือ ดังนี้
ก่อนการสนทนา ประธานาธิบดีจีนได้กล่าวคำถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม ที่จะเวียนมาบรรจบอีกวาระหนึ่งนี้
นายกรัฐมนตรีและประธานาธิบดีจีน ต่างแสดงความยินดีต่อความสัมพันธ์ที่แนบแน่นระหว่างไทยและจีน มีความช่วยเหลือเกื้อกูล และเป็นมิตรประเทศที่ดีต่อกัน มีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นทั้งในระดับราชวงศ์ รัฐบาล และประชาชน ผู้นำทั้งสองต่างยืนยันว่าพร้อมร่วมมือกันพัฒนาความสัมพันธ์หุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์รอบด้านให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นต่อไปในอนาคต
รวมทั้งมุ่งมั่นร่วมมือแลกเปลี่ยนความรู้ด้านเศรษฐกิจดิจิทัล เทคโนโลยีสารสนเทศ และนวัตกรรม โดยจีนสนับสนุนนโยบาย Thailand 4.0 เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และพร้อมที่ร่วมขับเคลื่อนไปพร้อมกับไทย
ในโอกาสนี้ ผู้นำทั้งสองได้หารือแลกเปลี่ยนประสบการณ์การรับมือกับการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด 19 โดยต่างชื่นชมในความสามารถของไทยและจีนที่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ดี ซึ่งจีนได้ชื่นชมแนวทาง “เราไม่ทิ้งกัน” ของไทยในการช่วยเหลือกันเพื่อสู้กับโควิด 19
และจีนเองก็มีแนวทางเดียวกันโดยเน้นว่า “ประชาชน และชีวิต สำคัญที่สุด” จีนจึงเอาชนะโควิด 19 มาได้ด้วยการร่วมแรงร่วมใจจากทุกฝ่าย และพร้อมที่จะร่วมมือกับทุกประเทศ เพราะประสบการณ์จากโควิด 19 ทำให้รู้ว่าเราต้องร่วมมือกันจึงจะเอาชนะได้ สำหรับการพัฒนาวัคซีนเพื่อป้องกันโควิด 19 นั้น จีนและไทยต่างพยายามพัฒนาคิดค้น จนมีความก้าวหน้าไปมาก เมื่อมีการพัฒนาจนสำเร็จ จีนเห็นว่าจะเป็นวัคซีนสำหรับมวลมนุษยชาติเพื่อใช้ในการป้องกันโควิด 19
นายกรัฐมนตรีได้กล่าวว่าเมื่อสถานการณ์ด้านการควบคุมโรคดีขึ้นไทยจะพร้อมเดินหน้าความร่วมมือต่างๆกับจีนทันที โดยเฉพาะการแก้ปัญหาความยากจน ที่ไทยสนใจเรียนรู้จากจีนและสนใจไปศึกษาดูงานที่จีนเมื่อสถานการณ์มีความพร้อม รวมถึงเดินหน้าพัฒนาเศรษฐกิจทันที จึงใช้โอกาสนี้เชิญชวนนักลงทุนจีนให้พิจารณาการร่วมลงทุนในไทยซึ่งรัฐบาลไทยพร้อมให้การสนับสนุนในส่วนที่เกี่ยวข้อง และขอให้จีนได้พิจารณารับซื้อผลิตผลทางการเกษตรของไทยให้มากขึ้น ซึ่งจีนยินดีสานต่อและเดินหน้าความร่วมมือโดยใช้กลไก และช่องทางที่มีอยู่ให้เกิดประสิทธิภาพ
ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้แสดงความเสียใจ และเป็นกำลังใจให้รัฐบาลจีนในการจัดการเพื่อต่อสู้กับเหตุการณ์อุทกภัยในหลายพื้นที่ ให้ผ่านพ้นสถานการณ์ไปได้ด้วยดี