อาจารย์แหม่ม “ผิดตรงไหน?”

ก็ดีแล้วครับ!

ที่หัวหน้ารัฐบาล “พลเอกประยุทธ์” และหัวหน้าพรรครัฐบาล “พลเอกประวิตร” ออกมาพูดให้สะเด็ดน้ำ
เรื่องปรับครม.ในประเด็น-จะเปลี่ยนทีมเศรษฐกิจ โล๊ะทีม ๔ กุมาร
-จะเอาอาจารย์แหม่ม “นฤมล สินภิญโญวัฒน์” มาเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ

ประเด็นเหล่านี้ “จริง-ไม่จริง” ไม่สำคัญเท่า “ทำให้ชัดเจน”
เพราะเรื่องเศรษฐกิจ มันเป็นเรื่อง “กระต่ายตื่นตูม” ทางเชื่อมั่นทั้งระบบ ขืนปล่อยให้สื่ออาศัยความคลุมเครือลากไปไม่ทำให้ชัดเจนแต่ต้นลมลือ
จะเสียหาย แบบไร้เดียงสา!

เมื่อวาน (๓๐ มิย.) ดูข่าว ได้ยินบิ๊กป้อมเคลียร์ชัดเจน ๒ ประเด็น ประเด็นแรก
-เรื่องในพปชร. “เป็นเรื่องของพรรค” ไม่เกี่ยวนายกฯ
-เรื่องในรัฐบาล การปรับครม.จะเอาใคร-ไม่เอาใคร “เป็นเรื่องของนายกฯ” พรรคไม่เกี่ยว
และเรื่องอาจารย์แหม่ม
วางตัวเป็นคนร่างนโยบายเศรษฐกิจของพรรค ไม่ใช่ไปเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลแทนทีม ๔ กุมาร!
จบข่าวเลย!

ลุงป้อมนี่ ก่อนเป็นหัวหน้าพรรค พูดได้คำเดียว “ผมไม่รู้” หลังเป็นหัวหน้าพรรค พูดได้หลายคำ แถมได้ประเด็น-ได้สาระ
“พี่ใหญ่” พูดแล้ว ลองฟัง “น้องเล็ก” ถาม-ตอบกับนักข่าว หลังเสร็จครม.ดูมั่ง

นักข่าว:
“พูดคุยให้กำลังใจ นายอุตตมกับทีมเศรษฐกิจที่ถูกตัดออกจากตำแหน่งสำคัญในพรรคพลังประชารัฐหรือยัง?”
นายกฯ:
“จะต้องไปพูดคุยเรื่องอะไร ผมก็ยังเห็นว่าทุกคนทำงานกับผมดีมาโดยตลอด วันนี้ ผมก็สั่งงานในห้องประชุม
ทำไมจะต้องคุยหรือให้กำลังใจ
เพราะเรื่องนั้น เป็นเรื่องของพรรค เรื่องของพรรคก็ต้องเป็นเรื่องของพรรค”

นักข่าว:
“แต่วันนี้ มีข่าวว่าข้าราชการแต่ละกระทรวงเริ่มเกียร์ว่าง รอเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีแล้ว?”
นายกฯ:
“ใครจะว่างล่ะ ใครเกียร์ว่างก็ต้องลงโทษ ใครทำตัวว่างก็ต้องลงโทษไป ต้องทำงานจนถึงวันสุดท้าย ใครจะเป็นรัฐมนตรี หรือมีตำแหน่งอะไรต่างๆ ข้าราชการก็ต้องทำงาน เพราะถือว่าเป็นข้าราชการของรัฐ ไม่เกี่ยวกัน”

นักข่าว:
“จะดีหรือไม่ ถ้าจะมีการเปลี่ยนม้ากลางศึก ในขณะที่บ้านเมืองยังคงมีปัญหาอยู่?
นายกฯ:
“ผมก็ยังไม่ได้พูดอะไรซักอย่างเลย สื่อเองก็พยายามถามนำอยู่นั่นแหละ ไม่ตอบ…พอแล้วๆ ถามเป็นอยู่อย่างเดียว”

นักข่าว:
“มีกระแสข่าวว่า การปรับครม.จะให้นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ขึ้นมาเป็นรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ?”
นายกฯ:
”เรื่องในพรรค ไม่เกี่ยวกับรัฐบาล”

นักข่าว:
“วันนี้เบื่อการเมืองมากหรือไม่?”
นายกฯ:
”ไม่เบื่อ สนุก”

ก็แบบออริจินัลมาให้อ่านกัน เพื่อไม่เพี้ยนทาง “สื่อความ-สื่อคำ” อ่านกันแล้ว ก็ใช้ปัญญาวินิจฉัยก่อนเชื่อ สำหรับผม ชอบอยู่กับปัจจุบัน ไม่ชอบมโน

เรื่องอาจารย์แหม่มนั้น ผมไม่เข้าใจ ว่าเธอทำอะไรเลวร้ายฉกาจฉกรรจ์นักหรือ ถึงได้ตั้งประเด็นเข่นเธอถึงขนาดนั้น?
แค่รู้สึกว่า เธอทำหน้าที่โฆษกหน่อมแน้มไปหน่อย?
แค่รู้สึกว่า หมอทวีศิลป์พูดจารู้เรื่องกว่า?
หรือแค่รู้สึกว่า เป็นโฆษกไม่จี๊ดจ๊าดถึงใจ บางทีทำให้นายกฯ เสียรังวัด?

หรือบางคนแอบริษยา พอนายอนุชาพูดว่าให้อาจารย์แหม่มเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรค ก็ตัดต่อพันธุกรรมเติมฟืน เป็นว่าพรรคจะส่งอาจารย์แหม่มเข้าไปเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจแทนรองฯ สมคิด?
ก็เลยถล่มกันซะยังกะว่าอาจารย์แหม่มเป็นหัวหน้าโจรเผาเมือง!

พิทักษ์รองฯ สมคิดกันใหญ่ ทั้งที่ก่อนหน้า ก็ตั้งแง่รังงอนว่าสมคิดทีมเศรษฐกิจ “แบรนด์ทักษิณ” บ้าง เป็นมานานแล้วน่าจะเปลี่ยนให้คนอื่นได้แสดงฝีมือบ้าง

แล้วนี่ ……..
นายกฯ ยังไม่เคยพูดหรือแสดงท่าทีเลยว่า จะเปลี่ยนทีมเศรษฐกิจรองฯ สมคิด แต่พออาจารย์แหม่มโผล่ขึ้นมาแยงตาเท่านั้น จริง-ไม่จริงไม่รู้
โหมฟืน-โหมไฟ “เผาสด” อาจารย์แหม่ม เอากันถึงขนาดนั้น!?

ที่พูดนี่ ใช่รัก-ใช่เกลียดอาจารย์แหม่ม เพราะไม่รู้จักตัว
แต่ผมเห็นว่า เรื่องราวที่ประโคม บ่งถึงจงเกลียด-จงชัง ชนิดมีเป้าหมาย ซึ่งมันเกินเหตุ ไม่แฟร์ และไม่เป็นธรรมกับเธอ
เธอยังไม่มี-ไม่ได้เป็น และยังไม่ได้ทำอะไรเลย ทั้งในข้อเท็จจริง ด้วยประสบการณ์และความรู้ด้านเศรษฐกิจ พูดได้ว่า เธอก็เป็นคนมีของ ใช่ว่าอยากเป็น แต่กลวงโบ๋

อีกอย่าง ที่ผ่านมา “อาจารย์แหม่ม” ก็ร่วมทำงานอยู่ในทีมเศรษฐกิจท่านรองฯ สมคิด พูดแบบบ้านๆ อาจารย์แหม่มก็ลูกน้องท่านรองฯ สมคิดมาก่อน
แล้วจะเสี้ยมให้เป็น “คู่ศัตรู”กันไปเพื่ออะไร?

ก็รู้ ที่ผมพูดแบบ “ไม่ตรงใจแฟน” อย่างนี้ ไม่ชอบกัน ก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่อยากบอกว่า
อย่าใช้แค่ความรู้สึก “ชอบ-ชัง” ไปตัดสินคน!

ทุกข่าวสารเรื่องราว ก็อย่าเชื่อทันใด ขอให้ “รับรู้-รับฟัง” แล้วตรองตามบนฐานของ “เหตุและผล” ก่อน

ทุกวันนี้ ผมสังเกต สังคมอยู่ด้วยความรู้สึก คุคลั่งหนักไปทางเกลียดชัง และตัดสินทุกอย่างตามแรงลากจูงกระแสสื่อ
อะไรที่สะใจ จะสรุปว่า “ใช่เลย”!

ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้นครับ เราทุกคน ส่วนใหญ่เป็นคนพุทธ พูดให้ถึงแก่น คนมีปัญญาเท่านั้น ที่จะเข้าถึงพุทธได้
เพราะศาสนาพุทธ ไม่สอนให้ใครเชื่อ หากแต่สอนให้ทุกคน ใช้สติ ตรองตามด้วยเหตุและผลก่อน แล้วค่อยเชื่อ

อย่างฟุ้งซ่านทางการเมืองตอนนี้ ………
พูดกันตรงๆ ให้ทุกคนสมมุติตัวเองเป็นนายกฯ ประยุทธ์ แล้วตอบซิ เมื่อขึ้นเรือนแล้วจะถีบบันไดหมายถึงทีม ๔ กุมารทิ้งมั้ย?
เมื่อพปชร.ส่งรายชื่อนายหมู-นางแมวมาให้ตั้งเป็นรัฐมนตรีนั้น-นี้ ต้องทำตามที่เขาต้องการทั้งหมดมั้ย?


และสำหรับอาจารย์แหม่ม…..
แม้เห็นคุณวิเศษในตัวเธอที่คนอื่นไม่เห็น ถ้าจะให้เป็นรัฐมนตรี ด้วยพรรษาเดียว จะตั้งเป็นราชาคณะ “หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ” แทนรองฯสมคิด ขนาดนั้นเชียวหรือ?

พูดถึงพรรษาเดียว…….
“สส.พรรษาเดียว” ในพรรคพลังประชารัฐ ที่คุณสมบัติด้านเศรษฐกิจ ทฤษฏีและภาคปฏิบัติ ไม่ยิ่งหย่อนอาจารย์แหม่ม มีเยอะแยะ
ที่เห็นๆ เฉพาะสส.กทม. ๑๑-๑๒ คน อย่างสาว สาว สาว “กลุ่มดาวฤกษ์”
“มาดามเดียร์” วทันยา วงษ์โอภาสี, กรณิศ งามสุคนธ์รัตนา, ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์, ภาดาท์ วรกานนท์, ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์

แต่ละคน ทั้งดีกรี ทั้งประสบการณ์ เรียกว่าปึ้ก เป็นสส.แล้ว นึกว่าหน้าขาวๆ จะเอาแต่กรีดกราย ที่ไหนได้ เห็นพวกเธอมุดซอกเล็ก-ซอกน้อย เรียกว่า “ติดพื้นที่”

อีกคน ผมฟังเธออภิปรายในสภา สะดุดใจมาก นานๆ จะได้เสพข้อคิด-ความเห็นของสส.ปัญญาชน อย่างที่เรียกว่า “มีกึ๋น”
รอหน้าจอ จนเขาขึ้นชื่อผู้อภิปรายว่า “พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์” สส.พลังประชารัฐ ไปค้นดู เป็นสส.เขตปทุมวัน, บางรัก, สาธร ด็อกเตอร์ซะด้วย!

ว่าไปแล้ว คนกทม.ตาแหลมในการเลือก “สส.หน้าใหม่” พลังประชารัฐแต่ละคน ถือว่าโอเค.ในคุณภาพ

บิ๊กป้อม จะสอบผ่านตำแหน่งหัวหน้าพรรคหรือไม่? เลือกตั้งเมื่อไหร่……..
จำนวนสส.กทม.ที่ได้นี่แหละ จะเป็นทั้งคำตอบ ทั้งตัวบ่งบอกศรัทธา ว่าพรรคนี้ คู่ควรเป็นพรรคในสถานะ “พรรคแกนรัฐบาล” ต่อไปหรือไม่?

กทม.ทั้งหมด ๓๐ เขต ๓๐ สส.ครั้งหน้า นอกจากต้องรักษา ๑๒ เขตเดิมให้ได้แล้ว ต้องสปีดให้ถึง ๒๐ เขต ขึ้น
ไม่งั้น ถึง “สอบได้” เป็นรัฐบาล
ก็ถือว่า “สอบตก” ทางศักดิ์ศรี เชิดหน้า ก็ไม่สง่างาม
“ทั้ง ๓ ป.”!


Written By
More from plew
ก้าวไกล “ไม่รู้จักเสือ” – เปลว สีเงิน
เปลว สีเงิน ขึ้นชื่อว่า “โจร” ก่อนปล้น จะร่วมมือกัน ได้สมบัติมาแล้ว จะฆ่ากัน!
Read More