กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เผยผลการสอบสวนรายละเอียดเพิ่มเติม กรณีพบแรงงานชาวเมียนมาติดเชื้อโควิด 19 ภายหลังเดินทางกลับจากไทย พบว่าผู้ติดเชื้อทุกรายเป็นผู้ติดเชื้อรายเก่าที่เคยตรวจพบ ณ ศูนย์กักผู้ต้องกัก อ.สะเดา จ.สงขลา ซึ่งการตรวจพบเชื้อซ้ำ เกิดขึ้นได้ แต่จะเพาะเชื้อไม่ขึ้นเนื่องจากเป็นไวรัสที่ถูกร่างกายทำลายแล้ว ขอให้ประชาชนมั่นใจในระบบป้องกันควบคุมโรคของไทย ที่มีความเข้มแข็งและดำเนินการอย่างเข้มข้นต่อเนื่อง
29 มิ.ย.63 นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานข่าวว่าพบแรงงานชาวเมียนมาป่วยด้วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19) ภายหลังเดินทางกลับจากประเทศไทย เมื่อหลายวันก่อน นั้น
กรมควบคุมโรค ขอชี้แจงว่า จากการประสานข้อมูลกับประเทศเมียนมา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ โดยได้ทำการสอบสวนรายละเอียดเพิ่มเติม พบว่าผู้ป่วยโรคโควิด 19 กลุ่มดังกล่าว ที่มีประวัติการเดินทางจากประเทศไทย 23 ราย สรุปคือผู้ติดเชื้อทุกรายเป็นผู้ติดเชื้อรายเก่าที่เคยตรวจพบ ณ ศูนย์กักผู้ต้องกัก อ.สะเดา จ.สงขลา
โดยในจำนวน 23 รายดังกล่าวนั้น ก่อนหน้านี้ 19 ราย ตรวจสอบพบว่าเป็นผู้ที่ต้องกักที่ศูนย์กักผู้ต้องกัก อ.สะเดา ซึ่งตรวจพบการติดเชื้อ มีการแถลงข่าวและดูแลรักษาจนครบตามมาตรฐานการรักษาไปแล้ว ส่วนอีก 4 รายที่เหลือ ซึ่งตรวจสอบข้อมูลกับ ตม. ล่าสุดพบว่าเป็นผู้ต้องกักและติดเชื้อที่ศูนย์กักผู้ต้องกัก อ.สะเดา เช่นกัน
ทั้งนี้ การตรวจพบเชื้อซ้ำ สามารถเกิดขึ้นได้ ซึ่งการตรวจเชื้อโดยการหาสารพันธุกรรมอาจยังพบพันธุกรรมของไวรัสได้ แต่จะเพาะเชื้อไม่ขึ้นเนื่องจากเป็นไวรัสที่ถูกร่างกายทำลายแล้ว ซึ่งในประเทศไทยและต่างประเทศ ก็มีการรายงานเช่นเดียวกัน โดยหลังจากมีรายงานผู้ติดเชื้อกลุ่มดังกล่าวแล้ว ได้มีการตรวจหาเชื้อในแรงงานเมียนมาที่เดินทางกลับในวันที่ 23 มิ.ย. 63 จำนวน 52 ราย และ 26 มิ.ย. 63 จำนวน 55 ราย รวม 107 ราย ผลตรวจทุกรายไม่พบเชื้อแต่อย่างใด
นายแพทย์สุวรรณชัย กล่าวอีกว่า กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ยังคงเน้นย้ำมาตรการตรวจคัดกรองตามจุดผ่านเข้าออกพรมแดนของประเทศ การเฝ้าระวังในกลุ่มแรงงานที่จะเดินทางกลับ และการเฝ้าระวังในกลุ่มประชากรเสี่ยง ซึ่งกลุ่มผู้ต้องกักแรกรับ และแรงงานต่างด้าวรวมอยู่ในกลุ่มเป้าหมายนี้ จึงขอให้ประชาชนมั่นใจในระบบป้องกันควบคุมโรคของประเทศไทย ที่มีความเข้มแข็งและดำเนินการอย่างเข้มข้นต่อเนื่อง ประชาชนสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422