2 มิ.ย. 63 เวลา 11.30 น. ณ ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) โถงกลาง ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. ตอบคำถามสื่อมวลชนผ่านโซเชียลมีเดียช่วงการแถลงข่าวของศูนย์ข่าวโควิด-19 และสรุปสาระสำคัญ ดังนี้
โฆษก ศบค. ชี้แจงกรณีการพิจารณาวันหยุดที่เลื่อนมาจากช่วงสงกรานต์ โดยยืนยันว่ายังไม่มีมติหรือข้อกำหนดใดที่ออกมาว่าวันหยุดในช่วงสงกรานต์นั้นจะถูกพิจารณาเลื่อนมาในเดือนนี้ หรือเดือนหน้า เพียงแต่บอกว่าวันนี้หากเราร่วมมือปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างดีจะกำหนดชะตาชีวิตของเราในวันข้างหน้า ทั้งนี้ การพิจารณาวันหยุดเป็นอำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีเป็นผู้ที่จะเห็นชอบหรือมีมติ ส่วน ศบค. เป็นผู้ดูแลในงานด้านการควบคุมโรค ดังนั้นขอให้ติดตามสถานการณ์ในการประชุมต่างๆ ต่อไป
โฆษก ศบค. ยังได้กล่าวถึง จำนวนการตรวจเชิงรุก ว่าเราอยู่ในระยะการผ่อนปรนระยะที่ 3 ยังมีความกังวลใจว่าอาจมีการติดเชื้ออยู่ในประเทศที่ต้องตรวจหาหรือไม่ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขประชุมกันโดยตลอด และนำเอาตัวเลขเทียบเคียงเป็นรายวัน และรายสัปดาห์ ตอนนี้มีมาตรการการเฝ้าระวังโรคและค้นหาการติดเชื้อในประชากรกลุ่มเสี่ยง และสถานที่เสี่ยงทั้งหมดที่ตั้งเป้าไว้ประมาณ 100,000 ราย ตอนนี้ตรวจหาตั้งแต่กลางเดือนที่แล้วและยังตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง โดยแบ่งเป็น 12 เขตตรวจราชการ สองสัปดาห์นี้ตรวจไปแล้ว 32,568 ราย ซึ่งกระจายอยู่ทั่วประเทศ โดยขณะนี้ทำได้แล้ว 1 ใน 3หรือ 32.56% ณ ตอนนี้ยังไม่มีรายงานว่าตรวจพบเชื้อในกลุ่มนี้เลย ซึ่งกลุ่มเป้าหมายต่างๆ ประกอบด้วย บุคลากรทางการแพทย์ ผู้ต้องขังแรกรับ ผู้ที่มีอาชีพพบปะผู้คนจำนวนมาก และกลุ่มอื่นๆ ตามประกาศของโรคติดต่อจังหวัดพิจารณา โดยหากผู้ใดอยู่ในกลุ่มที่ได้รับคำเชิญให้ไปตรวจสอบ ขอให้ท่านให้ความร่วมมือด้วย เพื่อจะได้มั่นใจว่าสังคมไทยปลอดเชื้อแน่นอน
โฆษก ศบค. ยังให้ความเห็นว่าขณะนี้สังคมรอบข้างการ์ดเริ่มตกซึ่งเป็นเรื่องน่ากังวลใจ โดยจากการสำรวจของนิด้าเกี่ยวกับการเข้าไปสถานที่หรือเคยได้ทำกิจกรรมตามที่ได้รับการผ่อนปรน ในช่วงวันที่ 25 – 28 พ.ค. 63 พบว่า 62% คือประมาณ 2 ใน 3 ยังไม่ได้ออกไปสถานที่ทำกิจกรรมใดๆ เลย ก็ยังเซฟตัวเองด้วยการอยู่บ้าน มีคนที่ไปห้างสรรพสินค้าศูนย์การค้า และคอมมูนิตี้มอลล์ 24.8% หรือ 1 ใน 4 ส่วน โดยของผู้ที่ออกจากบ้าน 11% ไปตัดผม เข้าร้านค้าปลีกส่งประมาณ 8% ไปนั่งทานอาหาร 6.2% ไปคลินิกเสริมความงาม 0.72% และโรงยิม 0.48% นอกจากนี้นิด้ายังถามความคิดเห็นของประชาชนต่อคำว่าการ์ดตกของคนในสังคม โดย 6.12% เห็นว่าการ์ดตกมาก จำนวน 32.99% เห็นว่าการ์ดค่อนข้างตก จำนวน 27.6% เห็นว่าการ์ดไม่ค่อยตก และ29.18% เห็นว่าการ์ดไม่ตกเลย ซึ่งหากจะต่อสู้กับโรคนี้ให้ได้ต้องได้รับความร่วมมือ 90% ขึ้นไป
ผลสำรวจของกระทรวงสาธารณสุขร่วมกับองค์การอนามัยโลก มหาวิทยาลัยมหิดล สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และสำนักงานสถิติแห่งชาติ สำรวจพฤติกรรมป้องกันตัวเองของ 3 กลุ่ม คือ กลุ่มอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ผู้ตอบแบบสอบถามออนไลน์ และผู้ตอบแบบสอบถามทางโทรศัพท์ พบว่ากลุ่ม อสม. มีการป้องกันตัวเองดีที่สุด 87% ผู้ตอบแบบสอบถามทางออนไลน์ 74.8% และผู้ตอบแบบสอบถามทางโทรศัพท์อยู่ที่ 72.7% ซึ่งไม่ถึง 90% เท่ากับการ์ดตก และผลสำรวจพฤติกรรมป้องกันตนเองเมื่อเทียบกับเดือนเมษายน พบว่า อสม. ทำน้อยลง 6.6% ผู้ตอบแบบสอบถามทางออนไลน์ทำน้อยลง 13% และผู้ที่ตอบแบบสอบถามทางโทรศัพท์ 11% สรุปแล้วการ์ดตกลงไปจำนวนมาก
โฆษก ศบค.ย้ำกับประชาชนว่าเรื่องนี้สำคัญ ยิ่งถ้าเราอยากได้อิสระในการดำเนินกิจวัตรประจำวันการ์ดต้องไม่ตก และทิ้งท้ายว่าอย่าลืม 3 อย่าง คือ “อยู่ห่างไว้ ใส่แมสก์กัน หมั่นล้างมือ” ทำให้เราปลอดโรค ปลอดภัย และเข้าไปสู่มาตรการระยะที่ 4 โดยเร็ว