ผสมโรง
สันต์ สะตอแมน
ไม่ได้จะต่อล้อต่อเถียง!
เพียงแต่..เมื่อนายพนัส ทัศนียานนท์ อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊ก.. “น่าสมเพชคนส่วนใหญ่ที่กลัวโควิดจนยอมถูกกดหัวไปหมดทุกเรื่อง ทั้งๆ ที่นโยบายและมาตรการต่างๆ ที่ออกมา..หลายอย่างไม่ใช่เพื่อควบคุมโรค แต่เป็นการลิดรอนเสรีภาพของตนเองโดยไร้ความชอบธรรมทั้งสิ้น”
ก็..แค่จะ “ขอบคุณ”ที่ได้พูดตรง-ตามจริง ว่า “คนส่วนใหญ่”กลัวโควิด และเมื่อคนส่วนใหญ่ยอมปฎิบัติ ทำตามนโยบาย-มาตรการต่างๆของรัฐ..
คนที่ฝักใฝ่ “ประชาธิปไตย” เช่นนายพนัส ก็น่าที่จะยอมรับในเสียงส่วนใหญ่ ไม่ใช่แสดงตัวยกตนข่ม มองผู้อื่น “น่าสมเพช” และเหยียดหยัน “ยอมให้ถูกกดหัว”!
ซึ่งจะว่าไปแล้ว “คนส่วนใหญ่” รวมถึงผมเสียอีกที่ควรพูด.. “น่าสมเพชคนส่วนน้อย” ที่เอาแต่บ้า-คลั่งเสรีภาพ มากกว่าสุขภาพ และความตาย!
ครับ..วันนี้ (1มิ.ย.) เริ่มมาตรการ “คลายล็อกเฟส3” กันแล้ว ในส่วนของ “โรงภาพยนตร์” ที่ผมใจจดจ่อเฝ้ารอจะได้ดูหนังก็ได้รับการคลายล็อกด้วยเช่นกันกระนั้น..ผู้มีรสนิยมในการดูหนังในโรง ก็ควรที่จะได้ทราบรายละเอียดเอาไว้ เพื่อความเข้าใจ-มั่นใจ และจะได้ไม่ต้องหงุดหงิดอารมณ์ยามไปถึงหน้าโรงภาพยนตร์
ทั้งนี้ พญ.พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ได้กล่าวผ่านสื่อ และผมใคร่ขออนุญาตคัดลอกจากไทยรัฐออนไลน์มาอีกทอด ดังนี้..
“กรณีการอนุญาตเปิดโรงภาพยนตร์ของการคลายล็อกเฟสที่ 3.. เบื้องต้นจากการหารือกับผู้ประกอบการและมีการเสนอมาตรการป้องกันควบคุมโรคโควิด-19 นั้น
หลักการเบื้องต้น คือ ต้องมีการทำความสะอาดหลังจบรอบฉายทุกครั้ง และต้องมีรอบทำความสะอาดระบบเครื่องปรับอากาศและระบายอากาศด้วย และไม่ฉายภาพยนตร์ต่อเนื่องกันอย่างที่เป็นมา
ส่วนอย่างอื่นก็ต้องมีการคัดกรองวัดไข้ก่อนเข้าโรง มีการล้างมือ และลงทะเบียนด้วยระบบไทยชนะ ทั้งนี้ การนั่งชมภาพยนตร์ที่ให้นั่งติดกัน แต่ต้องรักษาระยะห่างนั้น
เท่าที่โรงหนังเสนอมาคือ จะให้นั่ง 2 ที่นั่ง แล้วเว้น 3 ที่นั่ง เพื่อให้ได้ระยะห่างที่เหมาะสม 1-2 เมตร และให้สวมหน้ากากตลอดเวลาที่รับชม ส่วนที่นั่งแต่ละแถวไม่จำเป็นต้องเว้น แต่จะจัดที่นั่งแบบสับหว่างกันไปไม่ให้นั่งตรงกัน
การจองระบบที่นั่ง ทางโรงหนังก็จะเปิดระบบให้จองที่นั่งได้เฉพาะที่นั่งที่เปิดให้จอง ส่วนเรื่องอุณหภูมิภายในโรงหนัง ตามปกติก็มีระบบระบายอากาศอยู่แล้ว ในการดึงอากาศบริสุทธิ์ภายนอกเข้ามา ก็ต้องมีการตรวจสอบให้ได้ค่าตามระบบ
ส่วนการรับประทานป็อปคอร์นและเครื่องดื่มระหว่างชมนั้น ต้องขอความร่วมมือห้ามดื่มและกินโดยเด็ดขาด เนื่องจากต้องถอดหน้ากากและอาจสัมผัสใบหน้า ละอองฝอยน้ำลายอาจกระเด็นออกมาได้
แต่หากจะมีการขายเครื่องดื่มและอาหาร โรงภาพยนตร์อาจต้องจัดที่ทางให้เหมือนกับร้านอาหารภายนอกที่มีฉากกั้นระหว่างการรับประทาน”
นี่..หากคิดว่าเป็นการ “ถูกกดหัว” ก็นอนดูทีวีอยู่ที่บ้านเถอะนะ ว่าแต่ โรงหนังเปิดแล้ว..
จะมีหนังเข้าฉายไหมเนี่ย?