20 พ.ค.2563 นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค และประธาน ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการใช้เงินตาม พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท ในส่วนของการฟื้นฟูเศรษฐกิจ 4 แสนล้านบาทว่า รัฐบาลตั้งเป้าหมายใช้เงินให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น เศรษฐกิจชุมชนตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพราะวิกฤตโควิด – 19 กระทบเศรษฐกิจตั้งแต่ปลายไตรมาสที่ 1 ถึงไตรมาสที่ 2 จึงต้องใช้เงินอัดฉีดและดูแลเศรษฐกิจภายในประเทศเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจโดยรวม
แต่เมื่อพิจารณากรอบการใช้เงินของโครงการต่างๆ ทั้ง 4 ด้าน คือโครงการเกี่ยวข้องกับเกษตรอินทรีย์ โครงการพัฒนาและเพิ่มแหล่งน้ำในชนบท โครงการฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยวในชุมชน โครงการฝึกและพัฒนาอาชีพให้กับคนในท้องถิ่นแล้วพบว่า ยังไม่ถึงขั้นจะฟื้นฟูเศรษฐกิจได้เท่าที่ควร น่าจะเป็นการช่วยพยุงเศรษฐกิจให้ไปได้มากกว่า
เพราะผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 ก่อให้เกิดสภาวะเศรษฐกิจทรุดทั้งระบบแบบไม่ทันตั้งตัว ได้รับผลกระทบกันทั่วหน้ามากบ้างน้อยบ้างแตกต่างกันไป เม็ดเงิน 4 แสนล้านบาทจึงน่าจะช่วยพยุงเศรษฐกิจชุมชน เศรษฐกิจท้องถิ่นระดับฐานรากให้ลุกขึ้นลืมตาอ้าปากได้ตามสมควร
การที่จะฟื้นฟูเศรษฐกิจให้เข้มแข็งเดินหน้าไปได้ น่าจะอยู่ที่การจัดการงบประมาณประจำปี 2564 ที่สามารถอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบผ่านการลงทุนของภาครัฐที่จะช่วยให้เกิดผลในการฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างจริงจัง
การที่จะใช้งบ 4 แสนล้านบาทในการพยุงเศรษฐกิจให้เกิดผล หัวใจสำคัญอยู่ที่ต้องใช้เงินให้ตรงจุด ตรงเป้าหมาย ใช้เงินอย่างมีประสิทธิภาพให้เกิดประโยชน์กับประชาชนอย่างแท้จริง
แต่เมื่อพิจารณาลำดับขั้นตอนการใช้เงินแล้วก็อดเป็นห่วงไม่ได้ว่าจะใช้เงินอย่างตรงจุดหรือไม่ เพราะลำดับขั้นตอนการใช้เงินโดยให้หน่วยงานต่างๆ ต้องเสนอเรื่องให้คณะกรรมการฟื้นฟู หลังจากนั้นก็นำเข้าคณะกลั่นกรองก่อนนำเสนอ ครม. แล้วส่งเรื่องไปให้คลังกู้เงินนั้นอาจจะเกิดการลูบหน้าปะจมูกได้
เนื่องจากคณะกรรมการ หรือคณะกลั่นกรอง ส่วนมากก็เป็นข้าราชการที่คุ้นเคยกับหน่วยงานต่าง ๆ อยู่แล้ว เกรงว่าจะพิจารณาเรื่องใช้เงิน 4 แสนล้านบาทแบบเกรงใจกัน ปล่อยให้มีโครงการที่ไม่ได้ช่วยพยุงเศรษฐกิจเพื่อเป็นฐานรากในการฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างแท้จริง กลายเป็นโครงการที่ช่วยพยุงความต้องการของหน่วยงานต่าง ๆ
หรือเอาโครงการที่หลุดจากงบประมาณปกติมาแต่งตัวใหม่เสนอให้คณะกรรมการพิจารณา ซึ่งจะทำให้การใช้เงิน 4 แสนล้านบาทไม่เกิดประโยชน์ตามเป้าหมาย จึงขอฝากให้นายกรัฐมนตรีกำชับทุกหน่วยงานให้เสนอโครงการใช้เงิน 4 แสนล้านบาทที่เป็นไปตามเป้าหมายอย่างจริงจัง และควรย้ำให้คณะกรรมการฟื้นฟูรวมทั้งคณะกลั่นกรอง ทำหน้าที่กรองให้ละเอียดเพื่อให้การใช้เงินทุกบาท ทุกสตางค์ เป็นไปอย่างคุ้มค่า นำพาให้เศรษฐกิจไทยเดินหน้าต่อไปได้อย่างแท้จริง