วันนี้ (5 พ.ค.63) เวลา 12.15 น. ณ โถงบัญชาการ ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี ย้ำคณะรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ เพื่อช่วยเหลือประชาชนในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
นายกรัฐมนตรีกล่าวประเมินสถานการณ์หลังการผ่อนปรนมาตรการในระยะแรก ที่เริ่มตั้งแต่วันที่ 3 พ.ค. 63 พบว่ายังมีหลายอย่างที่ต้องปรับปรุง โดยเฉพาะความร่วมมือของภาคธุรกิจ ภาคเอกชน รวมทั้งภาคประชาชน ยืนยันว่ารัฐบาลให้ความสำคัญแก่ทุกภาคส่วนโดยเฉพาะประชาชนผู้ที่มีรายได้น้อยในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่ยังคงมาตรการสาธารณสุขด้วยความจำเป็น ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยอย่างต่อเนื่องและรัดกุม พร้อมชื่นชมผู้ประกอบการทั้งรายใหญ่และรายเล็กที่กลับมาเปิดให้บริการแล้ว ได้ปรับมาตรการของตนให้ใกล้เคียงกันมาตรฐานด้านสาธารณสุข เช่น การเว้นระยะห่างระหว่างบุคคล (Social Distancing)
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีกล่าวตำหนิการแย่งกันซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หลังจากผ่อนปรนให้สามารถจำหน่ายแอลกอฮอล์ได้ ปรากฏภาพการแออัดของผู้คนในการแย่งซื้อเครื่องดื่มสุรา แม้ว่าได้มีสั่งการมาตรการที่ชัดเจนในการจำหน่ายสุรา ทั้งการจำกัดจำนวนการซื้อต่อคน การกำหนดระยะเวลาเปิด/ปิด จึงต้องให้ภาคเอกชน ร้านค้าต่าง ๆ จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ต้องปฏิบัติตามมาตรการ หากมิฉะนั้นอาจจะพิจาณาให้ปิดสถานที่จำหน่ายอีกครั้ง
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวเพิ่มเติมถึงการเตรียมการเพื่อผ่อนปรนมาตรการในระยะที่ 2 ว่า หากในช่วงเวลา 14 วันของการผ่อนปรนมาตรการระยะแรก เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ก็จะพิจารณาอนุญาตให้สถานที่ประเภทต่างๆ บริการได้ในระยะที่ 2 โดยเฉพาะสถานประกอบการขนาดใหญ่ที่มีประชาชนเข้าไปใช้บริการจำนวนมาก เช่น ศูนย์การค้า โดยจะต้องกำหนดจำนวนผู้เข้าใช้บริการ ให้มีการทยอยเข้าสถานที่ กำหนดเวลาในการเข้าสถานประกอบการไม่ให้ใช้เวลานานเกินไป เพื่อหลีกเลี่ยงความแออัด เพราะฉะนั้นศูนย์การค้าจะต้องมีจุดพักรอด้านนอก เพื่อทยอยคนเข้าตามจำนวนที่กำหนดไว้ รวมถึงการคัดกรองโรค ตรวจวัดอุณหภูมิ ใช้เจลล้างมือแอลกอฮอล์ ขณะนี้ ศบค. กำลังพิจารณาว่าสถานประกอบการใดสามารถเปิดให้บริการได้ หากสถานประกอบการขนาดใหญ่ที่มีเครื่องมือและทุนทรัพย์พร้อมมากกว่าก็ขอให้ช่วยดำเนินมาตรการอย่างรัดกุมด้วย