“รศ.นพ.ศิระ เลาหทัย” ศัลยแพทย์ผ่าตัดปอดกับความท้าทายที่จะนำการรักษาในประเทศไทยเข้าสู่ระดับนานาชาติ

‘รศ.นพ.ศิระ เลาหทัย’ ศัลยแพทย์ผ่าตัดปอดหมอผู้เชี่ยวชาญด้านการผ่าตัดปอด และทรวงอก ประจำโรงพยาบาลวชิรพยาบาล กับการอุทิศชีวิตเพื่อดูแลรักษา ‘ปอด’ ให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง

ในช่วงเวลา 6 ปีที่กลับมาจากเมืองนอก ได้ช่วยทำการผ่าตัดคนไข้มากกว่า 4,000 ราย เราก็มีทั้งข่าวดี และข่าวไม่ดี ในบางรายก็ยังมีบางส่วนที่เราไม่สามารถช่วยเหลือคนไข้ไว้ได้ เนื่องจากว่าคนไข้มาค่อนข้างช้า แล้วก็หวังว่าอนาคตการรักษาของเรายังคงมุ่งมั่นพัฒนาต่อ เพื่อเรายังคงช่วยคนไข้ทุกชีวิตให้กลับมาสู่เขาได้ต่อไป

เพราะต้องบอกว่าจริง ๆ แล้ว ถ้าสมมติว่าในเมื่อเรายังมีแรงอยู่เราทำได้ แล้วทำไมเราถึงจะไม่ทำ ทุกคน มีเพียงแค่หนึ่งชีวิตก็ต้องการหาที่พึ่ง ถ้าเราอยู่จุดนั้นได้กระทำตามความฝันที่เราสามารถช่วยผู้ป่วยที่จะทำให้เขาหายก็ไปหาเขาได้ จึงเป็นเหมือนคติที่ยังทำผ่าตัดหรือยังรักษาผู้ป่วยอย่างหนักในทุก ๆ วัน เพื่อให้คนไข้กลับมาหาหมอได้ ถ้าครอบครัวป่วยก็จะมีหมออีกคนที่เหมือนเราที่คอยทุ่มเท ทำให้เขากลับมาสู่อ้อมอกอ้อมใจเช่นเดียวกัน

1.ในวัยเด็กของหมอ เจ – ศิระ เลาหทัย กับชีวิตที่หันมาเป็นผู้อุทิศชีวิต และช่วยชีวิตมนุษย์ ได้อย่างไร
จริงๆ ต้องบอกว่าสมัยตอนที่เรียนอยู่ เรามีความใฝ่ฝันที่เราอาจจะเป็นหมอผ่าตัดหัวใจ ฉะนั้นตอนช่วงเวลา 6 ปี เราได้เจอคนไข้หลายรูปแบบมากๆ โดยเฉพาะคนไข้หัวใจที่อัตราการรอคอยในการผ่าตัดนาน เราได้เจอคนไข้หลายคนที่เป็นโรคหัวใจแล้วก็เสียชีวิต เนื่องจากว่าคิวผ่าตัดยาวนาน เขาเข้ามาโรงพยาบาลซ้ำแล้วซ้ำอีก จนสุดท้ายก็ยังไม่ถึงคิวผ่าตัด เพราะว่าหมอผ่าตัดในเมืองไทย มันน้อยมากๆ จนกระทั่งทำให้เราตัดสินใจแล้วว่าเราจะเลือกทางเดินนี้เพื่อที่จะเข้ามารักษาตัวโรคหัวใจ และทรวงอก ก็คือ เป็นหมอผ่าตัดหัวใจ และปอด เพราะในช่วงนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ ในประเทศหมอผ่าตัดมีแค่ไม่กี่หมื่น ตอนสมัยผมเรียนอยู่รุ่นที่มันติด ๆ กันทั้งประเทศมีคนเรียนแค่ 4 คน ทั้งประเทศไทยเลย ฉะนั้นจะเห็นว่ายังมีหมออีกมากที่ขาดแคลน แล้วเราไม่อยากจะเจอหรือสัมผัสว่าคนไข้สูญเสียเป็นมากกว่านี้แล้ว อย่างน้อยเราอาจจะเป็นกำลังหนึ่งที่จะมาช่วยลดอัตราการรอคอยการผ่าตัดในกลุ่มคนไข้หัวใจในประเทศไทยได้ เลยตัดสินใจเข้ามาเรียนการผ่าตัด ในช่วงที่เข้ามาสมัคร หรือเข้ามาเรียนผ่าตัดโรคหัวใจหรือผ่าตัดปอด สำหรับผ่าตัดปอด และหัวใจต้องยอมรับว่าในช่วงที่เรียนนั้น เรียกว่าค่อนข้างจะหนักหน่วงมากๆ ตอนที่เรียนอยู่ไม่มีใครเรียนเลย ที่โรงพยาบาลสังกัดคือ โรงพยาบาลรามาธิบดี คือรุ่นพี่ที่เรียนอยู่ทั้งหมดลาออกหมด เนื่องจากว่าทนความหนักไม่ไหว ผมโตขึ้นมากับความที่เป็นผู้นำ หรือการที่เรียนแล้วต้องดูแลตัวเองแล้ว ก็ดูแลน้องๆ ที่เรียนต่อจากเราเป็นรุ่นถัดๆไป บริหารจัดการทุกอย่างคนเดียวในโรงพยาบาล แล้วก็ต้องดิวกับคนไข้ช่วยผ่าตัดโดยใช้ระยะเวลาประมาณ 5 ปี เพื่อที่จะจบการศึกษามาได้ ทีนี้จุดเปลี่ยนที่สำคัญที่เรามาโฟกัสเรื่องการผ่าตัดปอด ซึ่งเหตุผลก็คือว่า ตอนที่ผมได้เรียนอยู่เวลา 5 ปีที่ผ่านมา เราจะพบว่าจริง ๆ แล้วหมอในประเทศไทยในช่วงนั้น ผมคิดว่าหมอผ่าตัดมีแค่ประมาณ 100 คน นิดๆ ที่ดูแลทั้งประเทศทั้งเอกชน และรัฐบาล ซึ่งมันไม่เพียงพอกับคนไข้ 70 ล้านคน แต่ว่าสิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นก็คือ หมอผ่าตัดปอดมีน้อยกว่านั้นอีก หมายความว่าต้องอธิบายว่าจริงๆ แล้วหมอผ่าตัดทรวงอกคือ เราสามารถผ่าตัดได้ทั้งปอด และหัวใจ แล้วก็คนในประเทศไทย ที่เป็นหมอผ่าตัดร้อยกว่าคนนั้นเขามีความสนใจด้านการผ่าตัดหัวใจค่อนข้างมาก เพราะฉะนั้นการผ่าตัดหัวใจในประเทศไทย ค่อนข้างที่จะทัดเทียมกับระบบนานาชาติ ซึ่งมีความแข็งแรง และมีความเก่งกาจ และมาตรฐานทัดเทียมเลย แต่แค่ผ่าตัดปอดนะ น้อยคนมาก ๆ ที่สนใจการผ่าตัดปอดนี้ ซึ่งน้อยกว่าการผ่าตัดหัวใจ ในช่วงที่ผมเรียนอยู่ ผมรู้สึกได้ว่า มีไม่ถึง 5-6 คน เท่านั้นสำหรับอาจารย์ทั้งประเทศ

2.ประสบการณ์เรียน การทำงานและประสบการณ์ชีวิต
ทีนี้ประเด็นก็คือ พอเราได้เข้ามาอยู่ในวงการผ่าตัดปอด และหัวใจแล้ว พบว่าจริงๆ แล้วยังมีหมอผ่าตัดหัวใจในประเทศไทย เก่ง ๆ หลายท่าน ฉะนั้นกลับกันการผ่าตัดปอดค่อนข้างจะล้าหลังมาก ๆ ซึ่งทำให้เหมือนกับว่าเราเห็นแล้วว่า มันมีช่องว่างขนาดใหญ่ เมื่อเปรียบเทียบระดับของประเทศไทย กับนานาชาติ แต่ว่าผ่าตัดหัวใจค่อนข้างที่จะนิ่งแล้ว นั่นเป็นสาเหตุที่มีความสนใจขึ้นมาว่า เราอยากพัฒนาต่อยอดวงการผ่าตัดปอดในบ้านเราให้สูงขึ้น จึงเป็นที่มาว่าเป็นการสมัครไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ แล้วการไปสมัครต่อที่ต่างประเทศพอดีได้รับทุนไปเรียนต่อที่ประเทศเกาหลี ทุนในนี้เป็นทุนที่เปิดมาให้กับประเทศเอเชียทั้งทวีปเลยปีละ 1 คน ตอนนั้นสมัครไป 2 รอบ รอบแรกไม่ได้รับเลือก ปีต่อมาก็สมัครใหม่ ก็ปรากฏว่าโชคดีมาก ๆ ที่ได้รับเลือก ซึ่งเป็นคนที่ 3 ของทวีปเอเชียที่ได้ไป ดังนั้นทวีปเอเชียก็แข่งกันเกือบ 10 ประเทศ เราก็ได้ไปคนที่ 3 และเป็นคนแรกของประเทศไทย ตอนนั้นน่าจะเป็นปี 2017 เลยได้มีโอกาสไปเรียนรู้เทคนิคการผ่าตัดปอดทุกอย่าง สิ่งที่น่าสนใจมากๆ ก็คือ ตอนที่เราเข้าไปเรียนรู้ในช่วงระยะเวลา 1 ปี เราพบว่ามันมีช่องว่างมหาศาลของประเทศไทย กับของต่างประเทศ โดยรวมต้องพูดง่ายๆ ว่าสัดส่วนการรักษาคนไข้ผ่าตัดส่องกล้องกับการผ่าตัดแบบเปิด ยกตัวอย่างง่ายๆ ประเทศไทยเราในช่วงที่ผมก่อนที่จะไปเรียน คนไข้เข้ามาโอกาสได้รับการผ่าตัดส่องกล้องอยู่แค่ประมาณ 20% เท่านั้นเอง ส่วนถ้า 80% เป็นผ่าตัดแบบเปิด แต่ตอนที่ผมไปอยู่เมืองนอก อัตราส่วนของการผ่าตัดส่องกล้องเรียกว่าแทบจะสูง 80-90% เลย การพัฒนาด้วยเทคโนโลยีทุกอย่าง หรือเทคนิคการผ่าตัดค่อนข้างมีบทบาทมาก โดยเฉพาะการผ่าตัดส่องกล้องที่พัฒนากว่าเมืองไทยมากๆ ฉะนั้นช่วงระยะเวลาที่เราไปอยู่ 1 ปี ทำให้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ขึ้นมา แล้วรู้สึกว่าจริง ๆเป็นสิ่งที่คนไทยควรได้รับด้วยวิธีการรักษา อย่างไรก็ตามก็ยังมองอยู่ว่าแค่นั้นคงไม่เพียงพอที่จะพาประเทศไทยไปสู่ระดับทัดเทียมกับนานาชาติได้ ผมเลยตัดสินใจว่าจะต้องบินไปดูอีกหลายที่ เพื่อดูความแตกต่างของทางเทคนิค เลยได้มีโอกาสไปอยู่ที่ประเทศไต้หวัน ประเทศญี่ปุ่น แล้วก็สหรัฐอเมริกา ไปดูเทคนิคต่าง ๆ ว่าแต่ละประเทศจุดแข็ง จุดอ่อนเขาเป็นอย่างไร และนำเทคนิคต่างๆ มารวบรวมกัน กลับมาเริ่มรักษาคนไข้ที่ประเทศเดียวกัน โดยประมาณปี 2019 ผมก็กลับมาที่เมืองไทย เริ่มเข้ามาทำงานที่วชิรพยาบาลแห่งแรก โดยตอนนั้นตัวรพ.วชิรพยาบาล เรามีหน่วยงานค่อนข้างที่จะเป็นทีมผ่าตัดหัวใจ และปอด แต่การผ่าตัดปอดยังไม่ค่อยมากนัก เราต้องการผ่าตัดปอดในปีนั้นช่วยเหลือคนไข้แค่ประมาณ 40 กว่าราย ซึ่งจริงๆ แล้วอัตราส่วนมันควรจะมากกว่านั้นเยอะ เราเริ่มรันทีมเราให้ความรู้ไม่ว่าจะเป็นทีมพยาบาล ทีมห้องผ่าตัด ทีมวิสัญญีแล้วก็เพื่อนแพทย์ด้วยกัน
โดยเฉพาะเราสร้างทีมสาขาขึ้นมาที่วชิรพยาบาลของเรา ไม่ว่าจะเป็นคุณหมอโรคมะเร็ง คุณหมอโรคปอดเข้ามาร่วมฟอร์มทีมกันเพื่อส่งเสริมการผ่าตัดปอด โดยปีแรกเราทำผ่าตัดจาก 40 รายขึ้นมาเป็น 80 ราย จนปัจจุบันผ่านมา 5 ปีปัจจุบันผ่าตัดคนไข้เกือบ 800 รายต่อปี นับว่าเป็นสถานที่ ที่รับการผ่าตัดช่วยเหลือคนไข้ผ่าตัดเฉพาะปอดมากที่สุดในประเทศไทย ติดต่อกันมา 2 ปีแล้ว ทีนี้การผ่าตัดเนื่องจากว่ามันมีการพัฒนาค่อนข้างมาก เราก็จะมีฝันอีกว่าจริงๆ แล้วการผ่าตัดหรือการรักษาในประเทศไทย ของเราควรจะเทียบเท่านานาชาติ มันเลยเป็น project ถัดไปที่ว่าเราจะทำอย่างไรดีที่จะทำให้นำพาบ้านเมืองของเราเข้าสู่ระดับนานาชาติ เข้าทัดเทียมเกาหลี กับอเมริกา ทำให้คนไทยไม่ต้องบินไปที่ใคร รักษาที่เราก็ได้ผลการรักษาที่เท่าเทียมกัน เลยเป็นที่มาของการเปิด project คือ นำพาการผ่าตัดปอดสู่ระดับนานาชาติ โดยเราเริ่มมีผลงานในช่วง 5 ปีนี้ เราเก็บสะสมข้อมูลคนไข้มากกว่า 2,000-3,000 ราย ที่เราได้ทำการผ่าตัดไป มันมีผลงานตีพิมพ์ระดับนานาชาติ แล้วเรามีผลงานวิจัยที่ได้รับเชิญในระดับเวทีนานาชาติหลายประเทศทั่วเอเชีย ซึ่งส่งผลทำให้มีหมอแต่ละประเทศมีความสนใจเข้ามาดูงานที่ประเทศไทยเรา ปัจจุบันวชิรพยาบาลของเราได้เริ่มเปิดโปรเจกต์คือ เป็นผ่าตัดพี่สอนน้องก่อน ซึ่งเราเริ่มกันมา 5 ปีแล้ว คือเราสอนแพทย์รุ่นใหม่คือ ศัลยแพทย์สมองที่จบไป เข้ามาสู่การอบรมการผ่าตัดส่องกล้อง ซึ่งมีหมอมากกว่า 20 จังหวัดทั่วประเทศ สำหรับใครที่เข้ามาฝึกอบรมที่นี่ตลอดเวลา 5 ปีที่ผ่านมา จนกระทั่งเราก้าวสเต็ปถัดไปคือ การผ่าตัดส่องกล้องระดับนานาชาติคือ เราเปิดระบบฝึกการสอนของหมอต่างชาติ ปัจจุบันมีหมอต่างชาติเข้ามาฝึกอบรมในวชิรพยาบาลมากกว่า 100 ท่าน มากกว่า 5 ประเทศ ส่วนมากจะเป็นอินเดีย มีแพทย์ชาวอินเดีย ,อินโดนีเซีย ,มาเลเซีย และแพทย์ชาวฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นกลุ่มตะวันออกเฉียงใต้ ที่อยู่ใกล้บ้านเรา เขามองเราว่ามีความแข็งแกร่ง และมีศักยภาพในเรื่องของการผ่าตัดปอดในประเทศไทย โดยปัจจุบันการพัฒนาการผ่าตัดปอดในวชิรพยาบาล ของเราสามารถเพิ่มศักยภาพในการส่องกล้อง โดยปัจจุบันโอกาสที่จะผ่าตัดส่องกล้องสำเร็จสัดส่วนอยู่ที่ประมาณ 80-90% เทียบกับเมืองนอกได้ โดยเปลี่ยนจาก 20% เมื่อสมัยก่อนประมาณ 7-8 ปีที่แล้ว เข้ามาสู่ 80-90% ผู้ป่วยสามารถรับการผ่าตัดส่องกล้องได้

3.ภาพรวมของโรคปอดต้องทำหัตถการอย่างไรบ้าง
จริง ๆ แล้วการรักษาในปัจจุบัน เป็นการรักษาโดยการผ่าตัดปอดในปัจจุบันของวชิรพยาบาล ก็ต้องบอกเลยว่าปัจจุบันความปลอดภัยค่อนข้างสูงมากๆ โดยตอนนี้ความเสี่ยง หรือภาวะแทรกซ้อนน้อยกว่า 1% เท่านั้นเอง ฉะนั้นเนื่องจากเทคโนโลยีที่เข้ามา และการผ่าตัดปอดที่เราเทียบกับนานาชาติ ได้ทำให้ความเสี่ยงในการผ่าตัดน้อยกว่า 1% และผู้ป่วยที่เข้ามาก็คือ ความเสี่ยงน้อยมาก ทำให้เขามั่นใจในผลการรักษาในประเทศไทยเรา แล้วก็ call center ให้พวกต่างชาติบินเข้ามาดูงาน ก็ดูว่าทำอย่างไรทำให้ความเสี่ยงหรือภาวะแทรกซ้อนมันน้อยมาก และโอกาสสำเร็จในการผ่าตัดผ่านกล้องสูงมาก

4.เทคนิคการผ่าตัดมะเร็งปอด ทำได้อย่างไร และมีหลายวิธี
จริง ๆ ผ่าตัดปัจจุบันมันก็มีผ่าตัดส่องกล้องปัจจุบันแล้ว แต่มันยังเป็นมาตรฐานอยู่ การผ่าตัดส่องกล้องก็จะส่งผลทำให้เกิดการฟื้นตัว แล้วก็การใช้ชีวิตประจำวันได้เร็วกว่า ผมว่าจริงๆ แล้วพวกนี้เป็นส่วน มันต้องไล่สตอรี่ ผมไล่ก๊อปปี้ของพี่นัทดีกว่า ก่อนที่ผมจะมาเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่รักษาชีวิต หรือว่าเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการผ่าตัดปัจจุบันมากกว่า 1,000 รายต่อปี จริงๆ แล้วสมัยตอนที่ผมเรียนอยู่ที่โรงพยาบาลรามาธิบดี จริงๆ ผมเกรดไม่ค่อยดี เกรดผมอยู่ประมาณเกือบ 3 เกาะกลุ่มอยู่ตรงกลาง แล้วก็เป็นคนที่ไม่ค่อยตั้งใจเรียนมากเท่าไร แต่ว่าพอจังหวะที่มีชีวิตเปลี่ยนก็คือ จังหวะตอนที่เราได้ไปเริ่มทำงานแล้ว ตอนเป็นแพทย์ตอนปี 6 เราได้สัมผัสคนไข้จริงๆ จึงเริ่มรู้แล้วว่าปัญหาของเขาคืออะไร ฉะนั้นตอนที่ผมอยู่ตอนปี 6 เราเจอคนไข้เสียชีวิตจากโรคหัวใจที่เล่าให้ฟังเมื่อกี้ เราเจอว่าคนไข้กลับมานอนโรงพยาบาลแล้ว คิวผ่าตัดอีก 3 ปี 3 เดือนก็มาอีกแล้วหัวใจวาย เลยมาเป็นจุดเปลี่ยน ผมว่ามันถึงเวลาแล้ว ถ้าผมทำได้คนนี้ต้องรอด เลยเป็นที่มาของการเรียนผ่าตัดหัวใจ และทรวงอก ฉะนั้นตอนที่เรียนต่อแพทย์เฉพาะทาง บอกเลยว่ายากมาก หนักมากเพราะว่าอยู่เวรทุกวัน 24 ชั่วโมงคนเดียว ไม่มีใครทุกคนลาออกหมด เพราะว่าทนแรงหนักไม่ไหวเรายืนผ่าตัดตั้งแต่ 8 โมงเช้า บางวันเลิก 2 ทุ่ม บางวันเลิกเที่ยงคืนเสร็จแล้ว ต้องมาเฝ้า ICU ต่อ 7 โมงเช้าเริ่มต้นใหม่เป็นอย่างนี้ตลอด 5 ปี ทำให้จริงๆ แล้วตอนที่ผ่านมาค่อนข้างจะเป็นสิ่งที่หนักหน่วงมากๆ แต่สิ่งที่ทำให้มันยังคงทนอยู่คือ เราคิดว่าไม่ใช่เราคนเดียวที่เราทำงานหนัก ศัลยแพทย์กลุ่มผ่าตัดปอด และหัวใจทุกคนก็ทำงานหนักเหมือนกัน อาจารย์ทุกท่านก็มีชีวิตเหมือนกัน ยืนผ่าตัดด้วยกันแล้วก็มาเฝ้าคนไข้กันต่อ แต่สุดท้ายสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ ผู้ป่วยกลับบ้านได้ ฉะนั้นตัดสินใจว่า เราก็จะเข้ามาเรียนต่อด้านนี้ฉะนั้นตอนที่เรียนมา มันก็ค่อนข้างที่จะหนักมากๆ แต่สิ่งที่เป็นจุดเปลี่ยนก็คือ ช่วงที่อยู่ปี 4 ปี 5 เริ่มรู้เกี่ยวกับโรคนี้มากขึ้น แล้วเราเห็นว่าจริงๆ แล้วมันมีบางอย่างที่มันแย่กว่า มันมีบางอย่างที่ยังสามารถพัฒนาได้มากกว่าก็เลยมาสนใจด้านการผ่าตัดปอด ก็เลยเป็นที่มาของเฟส 2 ที่เล่าไป ทีนี้ตอนที่ผมกลับมาจากเมืองนอกปี 2018 ผมกลับมาที่ประเทศไทยครั้งแรก หลังจากที่ไปมาหลายประเทศ ปรากฏว่ากว่าจะได้ทำงานครั้งแรกคือ ผ่านไป 1 ปี ตอนนั้นเข้ามาด้วยปัญหาหลายๆ อย่าง ทำให้เราไม่สามารถก้าวไปตามความฝันได้ที่จะพัฒนาการผ่าตัดปอด จนปี 2019 ได้เริ่มมาทำงานที่วชิรพยาบาลในครั้งแรก ซึ่งเป็นสถานที่ ที่มีศักยภาพแล้วก็เป็นคณะแพทย์ที่สามารถนำพาทีมเข้ามาช่วยรักษาคนไทยได้มากขึ้น

5.การเตรียมการผ่าตัด หลังการผ่าตัด และทีมงาน
โดยปกติแล้วในความคิดตอนที่ไปดูงานมาผมคิดว่าเขาก็มีสองมือ เราก็มีสองมือถูกไหม ทุกอย่างอุปกรณ์เขาก็มี เราก็มี แล้วทำไมเราถึงทำไม่ได้ ทำไมประเทศไทย เราทำไม่ได้เหมือนประเทศเขา ฉะนั้นในความเชื่อของผมถ้าสมมติเขาทำได้ แล้วถ้าอุปกรณ์มันมีเหมือนกัน เมืองไทยก็ต้องทำได้ ฉะนั้นคนไข้คนไทยที่ต้องการผ่าตัดอยู่ ถ้าเราทำได้เขาไม่ต้องบินข้ามน้ำข้ามทะเลไปผ่าตัดที่ต่างประเทศ หรือเขาอาจจะมีความเชื่อใจหรือมีการพัฒนา ทำให้ครอบครัวเขาอยู่รอดกันไปอีกยาว ซึ่งเหมือนกับว่าสิ่งที่สื่อก็คือ ถ้าเขาทำได้ ผมว่าผมก็น่าจะทำได้ แล้วถ้าผมทำได้เขาก็สามารถอยู่กับครอบครัวเขาได้อีกยาว สามารถช่วยคนได้เยอะ ฉะนั้นผมมองว่าความฝันต่อไปของผมคือ ผมหวังว่าของทางรพ.วชิรพยาบาลของเรา จะสามารถเป็นผู้นำหรือว่าการผ่าตัดของการรักษาการผ่าตัดโรคปอด และสามารถสอนแพทย์รุ่นใหม่ ไม่ว่าจะเป็นคนไทยในต่างชาติ ให้มาเรียนรู้ แล้วสามารถกลับไปเริ่ม setting โรงพยาบาลของตนเองในแต่ละที่ ทำให้เขามีระดับพัฒนา แล้วทำให้ภาวะแทรกซ้อนผู้ป่วยกลับไปฟื้นตัวได้เร็วขึ้น

ฉะนั้นเวลาเขียนบทความมา เท่าที่ผมนั่งไล่ดู หนึ่งอาจจะต้องเกริ่นเนื้อหาไปก่อน แล้วเล่าเรื่องว่าทำไมผมถึงมาเรียนอันนี้ เสร็จแล้วพอมาเรียนตรงนี้ ความลำบากของตัวเรียนแพทย์ประจำบ้าน ตอนที่เรียนอยู่ และตอนที่ไปต่างประเทศ กลับมาตกงานอยู่ปี 1 แล้วไม่ได้เริ่ม ลาออกไปหลายรอบแล้ว ไปทำอย่างอื่น สุดท้ายค่อยมาเริ่ม kick off ในช่วง 5 ปีแรก ก็จะหนักหนาสาหัส เพราะว่ากว่าจะเริ่มจากการเชื่อใจ กว่าจะสร้างทีมขึ้นมาได้ จนปัจจุบันเรามีทีมค่อนข้างจะแข็งแกร่งแล้วก็เริ่มเปิดการเรียนการสอนขึ้นมาทั้งของคนไทย และต่างชาติ โดยปัจจุบันเราก็เป็นผู้นำ และเราสามารถมีต่างชาติเข้ามาฝึกฝน และเข้ามาเรียนรู้ที่โรงพยาบาลของรัฐ แล้วเราเป็นสถาบันที่เราสามารถช่วยเหลือคนไข้ได้มากที่สุดในประเทศไทยในปี 2567 และปี 2566 แล้วเป้าหมายถัดไปเราหวังว่าเราจะสามารถฝึกสอน และเพิ่มศักยภาพของแพทย์รุ่นใหม่ที่สนใจ ให้แต่ละจังหวัดเปรียบเทียบหรือว่าเทียบเท่ากับรพ.วชิรพยาบาล เพื่อจะสามารถช่วยเหลือคนไข้ที่อยู่ตามต่างจังหวัด ทำให้เขาไม่ต้องส่งคนไข้เข้ามาผ่าตัดในกรุงเทพฯ คนไข้จะได้ไม่ต้องเหนื่อย สำหรับการรักษาที่เทียบเคียง หรือในกลุ่มคนไข้ที่จำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดซ้ำซ้อน เราก็เหมือนกับเซนเตอร์รับส่งตัวผู้ป่วยที่อาการหนักต้องใช้อุปกรณ์หลายอย่าง ต้องใช้ทีมหลายๆ อย่าง เพื่อให้คนไข้รอดชีวิตมาได้ สมัยก่อนคนพวกนี้เขาจะมาไม่ถึง เพราะว่ามันยากเกินไปหรือระบบการส่งตัวไม่ดี

6.ลักษณะของคนไข้ที่มาใช้บริการเป็นอย่างไร
เพราะว่าจริงๆ แล้วบางทีตอนที่เรียนอยู่ตอน 5 ปี ด้วยความที่มันอยู่คนเดียว มันเรียนคนเดียว เราเป็นหัวหน้าทีมคนเดียว ตั้งแต่ตอนเป็นแพทย์ประจำบ้านปีที่ 2 เรามองทั้งซ้ายทั้งขวาไม่มีเพื่อนร่วมทาง งานก็หนักอยู่เวร 24 ชั่วโมง ติดต่อกันอยู่ทุกวันๆ แล้วก็มองว่าจริงๆ แล้วมันตอบโจทย์ชีวิตจริงหรือเปล่า ขณะที่เห็นคนอื่นเขามีเวลากับครอบครัว เขามีเวลาไปรับประทานข้าวกับครอบครัว เราไม่มีเลย ชีวิตของเราคือ การผ่าตัด เราดูคนไข้ เราวนลูปอยู่แค่นี้ 5 ปีเต็มๆ แต่ว่าสิ่งที่ทำให้ผ่านมาได้ก็คือ คนไข้หลายๆ คนที่เขาเหนื่อยอยู่หรือเขามีอาการเจ็บแน่นหน้าอก หรือว่าคนไข้ที่เป็นมะเร็งก็สามารถกลับเข้าไป เลยเป็นสาเหตุที่ทำให้เรารู้สึกว่ามันคงอยากกลับไปสู่จุดเริ่มต้น แล้วลองคิดกลับไปว่าทำไมเราถึงมาเรียน ก็คือ การที่เราเห็นคนไข้เสียชีวิตต่อหน้าต่อตา เพราะว่าไม่มีคิวผ่าตัด ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้รู้สึกว่าเรามีความมุ่งมั่นมาก ถ้าเราทำได้ก็จะช่วยคนได้อีกหลายพันคนในอนาคต ฉะนั้นจึงเป็นที่มาว่าต้องกัดฟัน ดังนั้นช่วงระยะเวลา 5 ปี ก็ลำบากมันมีอยากลาออกหลายครั้ง แต่สุดท้ายก็กลับมาดูความมุ่งมั่นในตอนเรียน ตอนที่จะสมัครทำให้มันผ่านไปได้

7.การพัฒนาการให้เป็นศูนย์กลางการผ่าตัดปอดได้อย่างไร
ผมว่ามีคนไข้หลายคนนะ ปัจจุบันมีเยอะมาก มีคนไข้ล่าสุดมาจากภาคตะวันออก คนไข้รายนี้เป็นเด็กหนุ่มอายุ 17 ปี แล้วคนไข้คนนี้มาด้วยอาการเหนื่อยมาก โดยรักษาเป็นโรคหอบหืด ทีนี้เข้าไปในห้องฉุกเฉินก็พบว่ามีภาวะหลอดลมอุดตัน พูดง่ายๆ เวลาหายใจเราเอาลมใช่ไหม ลมพวกนี้มันเอาเนื้องอกขวางอยู่ ซึ่งพอมันขวางอยู่สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ มันทำให้เขาหายใจไม่ได้ เหมือนคนกำลังจมน้ำ กำลังจะตายเป็นเด็กอยู่ ด้วยความที่ว่าโรคเนื้องอกในหลอดลมเป็นโรคที่ค่อนข้างจะซับซ้อนมากๆ แต่ประเทศไทย มีอยู่แค่ไม่กี่โรงพยาบาลที่รักษาได้ สิ่งที่เกิดก็คือ คนไข้คนนี้เขาเกิดเหตุขึ้นมาที่ไกลมากประมาณ 300-400 กิโลเมตร ทั้งภาคตะวันออกไม่มีใครรักษาได้ อาจจะเป็นการผ่าตัด ทีนี้เขาประสานไปเกือบ 15 ถึง 20 โรงพยาบาลไม่มีใครรับ เนื่องจากว่าเตียงเต็ม ขาดอุปกรณ์ทุกอย่าง โดยเฉพาะคนไข้ก็โทรศัพท์มาหาผม ถามว่าช่วยรับตัวไปได้ไหม ตอนนั้นผมบรรยายอยู่ ผมก็บอกว่าโอเคส่งมาเลย ทีนี้การผ่าตัดซับซ้อนมาก ต้องอาศัยคนเกือบ 30-40 คนในการผ่าตัด เหตุผลที่ใช้ 30-40 คน เพราะว่ามันมีหลายทีมเข้ามาร่วมดูแล มันจะเป็นคุณหมอโรคปอด คุณหมอดมยา เครื่องเทคโนโลยีหัวใจ ซึ่งต้องทำการผ่าตัดโดยการใส่เครื่อง เพราะว่าคนไข้หายใจไม่ได้แล้ว ตอนที่เข้าไปดูผ่าตัดหลอดลมเหลือแค่ 2 mm. เท่านั้นเอง เด็กหนุ่มคนนี้กำลังจะเสียชีวิต

ต่อมาสภาพแย่มาก เลยต้องใส่เครื่องพยุงหัวใจเทียม เพื่อทำให้เขาหายใจได้ หลังผ่าตัดผู้ป่วยก็กลับมาหายใจได้อีกครั้งหนึ่ง ไม่ต้องใส่ท่อช่วยหายใจ ผู้ป่วยใช้ระยะเวลานอนประมาณ 5 วันกลับบ้าน จากคนไข้ที่กำลังจะเสียชีวิต เรารับตัวมาทำการผ่าตัด แล้วคนไข้สามารถกลับไป โดยโรคตัวนี้ที่เขาเป็นโอกาสหายขาดมันสูงมากๆ เพราะว่ามันเป็นตัวเนื้องอกชนิดหนึ่งที่อาการมันรุนแรง แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ โอกาสหายหมดก็จะสูง อันนี้จะเป็นอีกกรณีหนึ่งที่เราเจอ หรืออีกกรณีหนึ่งก็คือ กลุ่มคนไข้ที่บินมาจากนราธิวาส มีกลุ่มคนไข้หลายคนที่บินมาจากภาคใต้ เช่น กลุ่มคนไข้ที่เป็นโรคปอด หรือโรคตับ ที่บินขึ้นมา เขาบอกว่าการผ่าตัดแบบเปิดยังไม่ค่อยแพร่หลายในภาคใต้ หลายๆ ท่านไม่มีความมั่นใจในการผ่าตัดแบบส่องกล้อง เขาก็เลยบินข้ามน้ำข้ามทะเลมาเพื่อขึ้นมาผ่าตัดที่รพ.วชิรพยาบาล เพราะว่าการผ่าตัดแบบส่องกล้องมันก็จะฟื้นตัวไวกว่า ฉะนั้นก็จะมีกลุ่มคนไข้ที่บินมาเนื่องจากว่ากลัวการผ่าตัด แต่คนไข้อีกกลุ่มหนึ่งก็คือ คนไข้ที่อายุสูงมากๆ 80-90 แล้วแต่ละที่ปฏิเสธผ่าตัดก็คือ อายุมาก โรคประจำตัวเยอะ แต่ว่าครอบครัวเขาก็ต้องการให้คุณพ่อรอด เขาก็จะเข้ามาปรึกษาทีมเราที่จะเข้ามารักษา ฉะนั้นถ้าสมมติเรามีทีมที่ดี มันก็จะสามารถทำให้ผู้ป่วยฟื้นตัวได้ไว ฉะนั้นปัจจุบันมีคนไข้ที่ผ่าตัด 80 ปีขึ้นไป มากกว่า 100 ราย โดยอายุมากที่สุดที่เราผ่าตัดไปก็คือ 100 ปี ซึ่งเราก็ทำการผ่าตัดให้คนไข้สามารถกลับบ้านได้ ฉะนั้นถ้าเราคุยความเสี่ยงทุกอย่างแล้วผู้ป่วยโอเค แล้วมีการผ่าตัดที่ดี ผู้ป่วยก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตที่บ้านได้ ซึ่งจะแตกต่างจากเมื่อประมาณ 5-6 ปีที่แล้ว

8.ศัลยแพทย์การผ่าตัดปอด จะต้องรักษาและวินิจฉัยโรค และรักษาโรคอะไรบ้าง
ตอนนี้เราวางแผนว่า เราเริ่มมีการบรรยาย และเราตีพิมพ์ผลงานวิจัยนานาชาติ ปัจจุบันเราตีพิมพ์มากกว่า 20-30 ฉบับ เพื่อให้มีการแพร่หลายในวงการผ่าตัดระดับนานาชาติ อันที่ 2 เราเริ่มเปิดโครงการฝึกอบรมของตัวแพทย์ต่างชาติหรือศัลยแพทย์ต่างชาติที่เข้ามาฝึกอบรมที่วชิรพยาบาลของเรา เป็นระยะสั้น 3 เดือน มาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ความรู้ ตอนนี้ที่เข้ามาก็มีหลายประเทศของทวีปตะวันออกเฉียงใต้ เข้ามาดูงาน แล้วนอกจากมีหมอ ฉะนั้นการที่เรามีศูนย์รวมหรือการเปิดพวกนี้ขึ้นมา จะส่งผลให้มีการแลกเปลี่ยนความรู้ และเทคนิคต่าง ๆ ซึ่งนอกจากเราจะส่งเสริมเขา เขายังส่งเสริมเราเช่นเดียวกัน เพื่อสร้างพันธมิตร และต่อยอดในอนาคตได้

9.ความใฝ่ฝันที่ต้องการให้ประเทศไทย กลายเป็นฮับในการรักษาโรคในประเทศไทย ในระดับนานาชาติ โรคใดบ้าง ในระดับอาเซียน เอเชีย และระดับโลก
ปกติต้องบอกเลยว่า จริงๆ ทุกครั้งที่ทำการผ่าตัด เราค่อนข้างที่จะแฮปปี้กับมัน แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่คนไข้มาอยู่กับเรา แล้วเราผ่าตัดหาย แล้วเขาก็มาตรวจเช็กว่ายังมีชีวิตอยู่กับครอบครัว ก็ทำให้เราอยากจะทำงานด้านนี้ต่อ ยกตัวอย่าง ผมมีคนไข้คนหนึ่งอายุ 82 ปี เพิ่งเสียไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว คนนี้ลูกพามาด้วยน้ำท่วมปอด เจอครั้งแรกเป็นมะเร็งระยะที่ 4 ระยะสุดท้ายแล้ว มาถึงปุ๊บ บอกว่าไม่เคยตรวจเลยมันจะเป็นน้ำท่วมปอด พอผมแจ้งข่าวดูจากทุกอย่างปุ๊บนั่งร้องไห้กันทั้งครอบครัวเลย แต่คุณแม่ก็ยังไม่รู้ ฉะนั้นเราก็บอกเลยว่าวิธีการรักษามีอะไรบ้าง หลักการก็คือ เราก็คงเอาน้ำออกมาทำให้หายเหนื่อย เราเอาชิ้นเนื้อเยื่อหุ้มปอดไปตรวจดูว่าให้ยาพุ่งเป้าได้ไหม ถ้าสมมติว่าให้ยาพุ่งเป้าได้ คนไข้กินยาพุ่งเป้าต่อ ก็ต้องให้ยาคีโมต่อ คนนี้โชคดีมากๆ ที่สามารถผ่าตัดส่องกล้องเรียบร้อยดี อายุ 82 ปี แล้วก็เอาน้ำออก แล้วก็กินยาพุ่งเป้าต่อ ปัจจุบันตอนนี้จากตอนแรกที่เขานั่งร้องไห้ ตอนนี้ 85 ปีแล้วเขาก็ยังแข็งแรงไปเที่ยวใช้ชีวิต แล้วก็กลับมาตรวจเช็กกันอยู่ ครอบครัวก็มีความสุขมากๆ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นระยะ 4 แต่ว่าปัจจุบันนวัตกรรมหรือตัวยามันก็พัฒนาไปมาก ผู้ป่วยก็สามารถมีอายุยืนยาวได้มากขึ้นกว่าเดิม เหลืออีกรายหนึ่งตลกมาก ที่ว่าผู้ป่วยเหมือนกัน เป็นพ่อพยาบาลตรวจเจอเป็นมะเร็งปอด อายุ 93 ปีผมก็ถามว่า 93 ปีแล้ว ยังอยากจะผ่าตัดอีกเหรอ เขาบอกว่าอยากให้คุณพ่อมีอายุยืนยาว คุณพ่อยังเดินเที่ยวเล่นไปต่างจังหวัดได้อยู่ก็เลย โชคดีที่ว่าตอนที่เราผ่าตัดไปเป็นระยะเริ่มต้น ตอนนี้ผู้ป่วย 96 ปีแล้วก็ยังแข็งแรง มาตรวจยังอยู่ ฉะนั้นต้องบอกจริงๆ ว่าสิ่งพวกนี้เป็นสิ่งที่ทำให้พวกเรารู้สึกว่าเรายังคงอยากทำงานเฉพาะทางด้านนี้อยู่ ซึ่งอยากให้ผู้ป่วยอยู่กับครอบครัวเขาไปนานๆ

10.ปัจจุบันมีโรคที่จำเป็นต้องรักษาด้วยวิธีการส่องกล้องผ่าตัดปอด มีโรคอะไรบ้าง
จริงๆ แล้วต้องบอกเลยว่า การตระหนักสุขภาพมันเป็นเชิงสำคัญนะ ถ้าเราตรวจสุขภาพได้เร็ว เราจะได้มีโอกาสรักษาหายขาด ทีนี้การรักษาการผ่าตัดในประเทศไทย พัฒนาค่อนข้างมาก ประเทศไทยเราเป็นศูนย์รวมการรักษาของการแพทย์ ที่เรียกว่าดีมากๆ ในโลก มีหลายประเทศบินเข้ามารักษาในประเทศไทย เนื่องจากว่าประเทศไทยมีจุดเด่นนอกจากจะมีการแพทย์ที่ดี ก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวรวมทั้งมีงานวิจัยที่รองรับระดับนานาชาติ ฉะนั้นเราก็จะหวังว่าจริงๆ แล้วในอนาคตเอาไว้แพทย์รุ่นใหม่ที่กำลังจะก้าวเข้ามาสืบสานต่อสิ่งที่ผมทำไว้ ทำให้พาเมืองไทยของเราเข้ามาสู่ระดับนานาชาติ ซึ่งคำว่านานาชาติไม่ใช่เรื่องการรักษา แต่นานาชาติคือ เรารักษาคนไข้ ได้ดีเท่าต่างประเทศ ผลการรักษาได้เทียบเท่าต่างประเทศเพื่อทำให้คนไข้อยู่กับครอบครัวเขาไปได้อีกนาน

11.สุดท้าย รศ.นพ.ศิระ เลาหทัย อยากฝากอะไรไว้ให้กับแพทย์ ผู้ป่วย และประชาชน ทั่วไปบ้าง
ปัจจุบันก็จะมีชาวต่างชาติ โดยเฉพาะแพทย์จากต่างประเทศเข้ามาศึกษาต่อที่รพ.วชิรพยาบาล เนื่องจากว่าค่าใช้จ่ายถูกกว่า มีเทคโนโลยีและเครื่องมือที่ทันสมัย แล้วพวกเขาเชื่อมั่นในวงการแพทย์ไทย โดยเฉพาะศัลยแพทย์ที่เป็นหมอผ่าตัดที่อยู่ตามประเทศต่าง ๆ ก็อยากมาฝึกอบรมที่รพ.วชิรพยาบาล เพื่อมาดูเทคนิคการผ่าตัดใหม่ ๆ ว่าทำอย่างไรถึงได้ผลลัพธ์หรือผลการรักษาที่น่าพอใจ แต่ประเด็นก็คือ เขาอยากจะมาดูเทคนิคต่าง ๆ ซึ่งประเทศเราเป็นประเทศที่ค่อนข้างมาง่าย สะดวก และการแพทย์ทันสมัย.

Written By
More from pp
กรมทางหลวง ระดมเจ้าหน้าที่เร่งคืนผิวจราจร พร้อมอัพเดตสถานการณ์น้ำท่วมบนทางหลวง ประจำวันที่ 13 ตุลาคม 2565 ผลกระทบ 19 จังหวัด สัญจรไม่ได้ 30 แห่ง
นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า กรมทางหลวง (ทล.) ได้เร่งให้ความช่วยเหลือประชาชน จากสถานการณ์น้ำท่วมบนทางหลวงหมายเลข 338 ช่วง กม....
Read More
0 replies on ““รศ.นพ.ศิระ เลาหทัย” ศัลยแพทย์ผ่าตัดปอดกับความท้าทายที่จะนำการรักษาในประเทศไทยเข้าสู่ระดับนานาชาติ”