เปลว สีเงิน
จะพูดว่า “เขมรเสียคน” ก็ดูไม่เป็นธรรมกับคนทั้งประเทศ
ต้องพูดว่า
“ฮุนเซน/ฮุนมาเนต”เสียคน เออ…ค่อยตรงตัวหน่อย!
อย่างล่าสุด คณะเจรจาเขมร ตกลงยอมตามเงื่อนไข ๔ ข้อของไทย ทั้งในวงประชุม GBC และ JBC
และจะเซ็น “สันติภาพไทย-เขมร” กัน ต่อหน้า “ประธานาธิบดีทรัมป์” ที่มาร่วมประชุม “สุดยอดอาซียน” ที่มาเลย์ อาทิตย์ที่ ๒๖ ตุลา.นี้แล้ว
แต่เมื่อข่าวนี้แพร่ไป คนไทยตั้งแต่ระดับยอดหญ้าถึงยอดมะพร้าว มีความเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่า
“ไปเชื่ออะไรมัน…กะเขมร” รับปากทุกครั้ง แต่ไม่เคยทำตามซักครั้ง
ครั้งนี้ก็เหมือนกัน เชื่อหรือว่าเขมรจะถอนอาวุธหนัก จะเก็บกู้ทุ่นระเบิด จะปราบแก๊งสแกมเมอร์ และจะออกไปจากแผ่นดินไทยที่มันรุกล้ำเข้ามา
ฉะนั้น อย่าเพิ่งถอนกำลังและอย่าเพิ่งเปิดด่านเป็นอันขาด”!
นี่เป็นเสียงชาวบ้าน ทั้งด้านอีสานใต้และด้านตะวันออก และเขาบอกด้วยว่า
“ลุยให้มันจบๆ ไปซะเลยดีกว่า พอเราถอน เดี๋ยวมันก็รุกเข้ามาอีก เป็นอย่างนี้ทุกที”!
สรุป ในวงประชุม “เขมรศิโรราบ” ยอมตามทุกเงื่อนไขของไทย กระทั่งเรื่องแผนที่ ที่ตกลงจะนำเทคโนโลยี LiDAR มาใช้ในการทำแผนที่ภาพถ่าย
เพราะ LiDAR จะช่วยให้การสำรวจและการจัดทำหลักเขตแดนเป็นไปอย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ สามารถกำหนด “สันปันน้ำ” ได้ชัดเจน-แม่นยำ
ซึ่งนั่นเท่ากับแผนที่ ๑:๒๐๐,๐๐๐ ถูกยกเลิกไปโดยปริยาย!
แต่ทาง “ฮุนเซน-ฮุนมาเนต” กลับสะบัดลิ้นสองแฉกออกข่าวหลอกชาวเขมรว่า ใช้ ๑:๒๐๐,๐๐๐ เหมือนเดิม!
อย่างนี้ไม่เรียก “เสียคน” แล้วจะให้เรียกว่า “เสีย…” งั้นหรือ?
คนไทยส่วนใหญ่ เท่าที่ฟัง ไม่เห็นด้วยซักเท่าไหร่ ที่ไทยไปเจรจากับเขมร เพราะทุกครั้ง เขมรก็เบี้ยวตามที่ตกลงทุกครั้ง
ลึกๆ ในใจคนส่วนใหญ่ คิดเหมือนๆ กันว่า
“ลุยแม่งมันไปถึงพนมเปญโน่นเลย จะได้รู้แล้ว-รู้แร่ดกันไปซะที”!
คิดน่ะ..คิดได้ แต่มันทำอย่างนั่นไม่ได้ ไทยเราเป็นมวยหลัก ทำเป็นวัยรุ่นหัวร้อนอย่างนั้น มันเสียเปรียบเชิงกลในเวทีโลก
ฉะนั้น จะกินอาหารให้อร่อย ต้องใจเย็นๆ
“สร้างความชอบธรรม” ตามขั้น-ตามตอน เป็นเกราะป้องกันไว้ล่วงหน้าก่อน ถ้าเขมร “พูดแล้วไม่ทำ”
ตานี้แหละ ไทยมีความชอบธรรมที่จะทำ เพราะเขมร “ผิดเงื่อนไข” ใครก็ว่าเราไม่ได้ ในเมื่อผู้ใหญ่ “สั่งสอนเด็กสับปลับ”
“นายกฯ อนุทิน” ตาแหลมและมองการณ์ไกล ที่ไปเชิญ “ท่านสีหศักดิ์ พวงเกตแก้ว” มาเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ
ท่านอ่อนน้อมแทนอ่อนนิ่ม ท่านยิ้มในพูด จนอีกฝ่ายหยั่งใจท่านยาก..เพราะลึก ขณะเดียวกัน ชั้นเชิงการเจรจา เขี้ยวท่านคม-แข็ง ดูแล้วในอาเซียน “สีหศักดิ์” เป็นหนึ่งเซียน ยากใครจะข่ม
ตอนนี้ ท่านอยู่มาเลย์ฯ กับทีมงาน เตรียมการประชุมสุดยอดอาเซียน ระหว่าง ๒๖-๒๘ ต.ค.นี้
และ ๒๖ ตุลา. “ไทย-เขมร” จะลงนามในเอกสาร “กำหนดแนวทางที่จะนำไปสู่สันติภาพร่วมกัน”
โดยมีประธานาธิบดีทรัมป์ และนายกฯ อันวาร์ ประธานอาเซียน ร่วมเป็นสักขีพยาน
ดูให้ดีนะครับ นี่เป็นการลงนามเอกสาร “กำหนดแนวทางไปสู่สันติภาพไทย-เขมร” ตามเงื่อนไข ๔ ข้อ ที่เขมรตกลงกับไทยไว้แล้ว
ยังไม่ใช่ การเซ็นสัญญา “สันติภาพไทย-เขมร” นะครับ!
ทำไมเป็นเช่นนั้น ฟังท่านทูต “สีหศักดิ์” ให้สัมภาษณ์ที่มาเลย์เมื่อวาน (๒๔ ต.ค.)แล้วจะเข้าใจ…..
ว่ารัฐมนตรีต่างประเทศของเรา “เขี้ยว-ทันเกม” ขนาดไหน?
ท่านให้สัมภาษณ์ยาว ผมจะยกตอนสำคัญๆ มาให้ดูนะ
“อาเซียนและสหรัฐฯคุยเรื่องนี้มาตลอด อยากให้สหรัฐฯ ร่วมมือกับเราและเราพร้อม“ปราบปรามสแกมเมอร์”
เป็นเรื่องที่สำคัญ ที่อยากให้สหรัฐฯ ร่วมมือกัน รวมถึงจีน ก็ได้รับผลกระทบ เกาหลีใต้ ทุกประเทศ เน้นเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ
ดังนั้น ควรทำเรื่องนี้เป็น “วาระระหว่างประเทศ” ไม่ใช่แค่วาระของอาเซียน
สำหรับประเทศไทยมีศูนย์ที่ทำหน้าที่ปราบปรามขบวนการเหล่านี้ และใช้เป็นแกนกลางในการร่วมมือประเทศต่างๆ ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร
ทำอย่างไรเพื่อใช้กลไกให้มีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ไทยจะหยิบยกเรื่องดังกล่าวหารือในการ “ประชุมสุดยอดอาเซียน”ครั้งนี้ แน่นอน
โดยเราเชื่อว่า หลายประเทศจะเห็นความสำคัญและร่วมมือกัน ที่สำคัญ ไทยจะเป็น “แกนกลางและแกนนำ”
ในการส่งเสริมกระชับความร่วมมือระหว่างประเทศในภูมิภาคและระหว่างประเทศในการปราบปรามอาชญากรรมเหล่านี้
ซึ่งจะปรากฏในเอกสารผลลัพธ์ของผู้นำอาเซียนและในถ้อยแถลงของ “นายกรัฐมนตรีของไทย” ที่จะนำเสนอเรื่องดังกล่าวเป็นพิเศษ………..
อาเซียนต้องเสริมความเข้มแข็ง เพราะเราเจอความท้าทายทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ เราคงไม่อยากเลือกข้าง
เราไม่ได้ว่าเป็นกลาง เราคงต้องพยายามมีความสัมพันธ์ที่ดีกับ ๒ ชาติมหาอำนาจ ไม่อยากให้เขานำความขัดแย้งของเขามาสู่ภูมิภาคของเรา
เราเน้นการมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับสองมหาอำนาจ ไม่ใช่เฉพาะจีนและสหรัฐฯ ที่สำคัญต่อภูมิภาค แต่ยังมีอินเดีย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย
เราพยายามดึงความร่วมมือของประเทศเหล่านี้ให้มีส่วนสำคัญในการพัฒนาภูมิภาคของเรา…….
การที่สหรัฐฯ และมาเลเซีย จะร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามเอกสารคำประกาศระหว่างไทยและกัมพูชา กำหนดแนวทางที่จะนำไปสู่สันติภาพร่วมกัน ในวันที่ 26 ต.ค.นี้ ว่า
เอกสารที่ไทย-กัมพูชาจะลงนามเรียกว่า Joint Declaration between Thailand and Cambodia on the outcomes of their meetings leading to peace
ถือเป็นการประกาศเจตนารมณ์และข้อตกลงต่างๆ แต่การจะเกิดสันติภาพ คือการปฏิบัติตามเอกสารที่เราจะลงนาม ซึ่งจะต้องมีกัมพูชาร่วมทำด้วย
โดยมีสหรัฐฯ มาเลเซีย และอาจมีประเทศอาเซียนอื่นร่วมเป็นสักขีพยาน ว่าจะนำไปสู่ปฏิบัติ
เพื่อจะได้เดินหน้าไปสู่การร่วมมือ ดำเนินมาตรการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน ป้องกันไม่ให้มีการเผยแพร่ข่าวปลอมที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง
แต่ก่อนการลงนาม……
“ไทยต้องเห็นการปฏิบัติที่ชัดเจนจากฝ่ายกัมพูชาด้วย อย่างเช่น การถอนอาวุธหนักในวันที่ ๒๕ ตุลา.
รวมถึงการกู้ทุ่นระเบิด เราจะเริ่มดำเนินการแล้ว หวังว่าเขาให้ความร่วมมือกับเรา อย่างน้อยต้องกำหนดวันว่าวันไหน จะเริ่มอย่างไร”
เพราะประชาชนคนไทย ต้องการรับรู้สิ่งเหล่านี้ เนื่องจากเกี่ยวข้องกับอธิปไตยและบูรณภาพดินแดน
สำหรับฝ่ายไทย การตกลงกันไม่เพียงพอแค่ “แผ่นกระดาษ” แต่เราต้องการเห็นการปฏิบัติ
เพราะเราต้องการเห็นความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกัมพูชาได้เปิดหน้าใหม่
แต่การ “เปิดหน้าใหม่” นั้น ต้องตอบคำถามประชาชนคนไทยด้วย และคนไทยก็รู้สึกให้ความสำคัญในศักดิ์ศรีของไทย การปกป้องอธิปไตยของไทย
ทั้งนี้ ผมอยากยืนยันว่าการเจรจาของเรายึดหลักนี้ ถ้าเราสามารถบรรลุข้อตกลงได้และไม่ทำให้สูญเสียอธิปไตย ปกป้องศักดิ์ศรีของไทย โดยไม่ต้องใช้กำลังทางทหาร น่าจะดีที่สุด”
และข้อตกลงที่มาด้วยการเจรจาทางการทูตน่าจะมีความยั่งยืนที่สุด
ท่านสีหศักดิ์ ย้ำประเด็นนี้ว่า…….
“ไทยยืนยันที่จะคุยในกรอบ “ทวิภาคี” มาตลอด ขณะที่กัมพูชาต้องการไปศาลโลก
แต่ระยะหลัง ท่าทีกัมพูชาเปลี่ยนไป โดยหันมาเน้นเจรจาระดับทวิภาคี ซึ่งอาจเป็นผลจากการที่สหรัฐฯ เข้ามามีบทบาท รวมถึงมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน
อย่างไรก็ตาม ไทยยืนยันตาม ๔ ข้อตกลงที่เสนอไป โดยจะมีการเสนอให้มีคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียนมาติดตามโดยสมัครใจ”
เอาละ เรื่องการเมืองก็คุยกันไปแล้ว ทีนี้มาคุยเรื่องการบ้านบ้าง
เมื่อวาน เห็นคุณ “กัน จอมพลัง” ถูกคนกลุ่มหนึ่งจับขึ้นขาหยั่ง “เอกซเรย์” เรื่องเงินบริจาคเข้ามูลนิธิ “กัน จอมพลัง”
ผมดูข่าว ในใจก็ร้อง…เฮ้อ!
พอดีอ่าน P.Khondee (พี่คนดี กวีสมัครเล่น) โพสต์ข้อความนี้ซึ่งผมก็มีความคิดเห็นเช่นนั้นด้วยเหมือนกัน ฉะนั้น ขอเกาะ “พี่คนดี” ไปด้วยคนละกัน
……………………………………………
P.Khondee (พี่คนดี กวีสมัครเล่น)
ผมไม่รู้จักกับ “คุณกัน” และไม่เคยติดตามเขามาก่อน
เพิ่งเห็นผลงานเป็นรูปธรรมที่แนวชายแดนก็รู้สึกว่าเป็นขาลุยใช้ได้
เขาจะสนิทกับใครไม่ได้ติดใจ ตราบใดที่เขายังไม่ได้ยุ่งอะไรเรื่องการเมือง
และตราบใดที่ยังไม่ปราฏการทุจริตฉ้อโกง ก็ยังไม่อยากไปตัดสิน ถ้าเขาคิดดี ทำดี ก็ไม่อยากให้เสียกำลังใจ อยากแนะนำเขาว่า
ให้แจ้งกับคนที่หมดความเชื่อ ความศรัทธา ว่าสามารถแจ้งความประสงค์ขอคืนเงินได้ โอนเงินคืนอาจเพิ่มงาน
แต่มันก็จะแฟร์ๆ ถ้ามีความตั้งใจทำดีจริง ก็ควรทำต่อไป แล้วให้กาลเวลาพิสูจน์
420/2025 ถ้าคิดดี
ถ้าคิดดี แล้วโดนล้อม อย่ายอมแพ้
ถ้าคิดแก้ ความเสียหาย ทำง่ายหนา
คืนงินไป หากว่าใคร ไม่ศรัทธา
แม้เงินทุน ลดลงมา อย่าท้อใจ
ใครไม่ให้ กาลต่อไป ไม่ต้องด่า
หรือขัดขา คนศรัทธา ที่จะให้
ใครคิดดี จงมุ่งนำ ทำต่อไป
เงินมากน้อย จะเป็นไร ถ้าใจจริง
กาลเวลา พิสูจน์คน ด้วยผลลัพธ์
การยอมรับ จากทุกฟาก มันยากยิ่ง
ใช้ความตรง ไปตรงมา เป็นฝาพิง
ชักปืนยิง แค่โดนเหน็บ อย่าเก็บปืน
ถ้าไม่มี ลับลม คมในแฝง
แค่ชี้แจง ให้เหมาะสม อย่าขมขื่น
อย่าได้กลัว คลื่นลมซัด จงหยัดยืน
ถ้าหยิบยื่น ความจริงใจ ไทยจะเชียร์
พี่คนดี
24/10/2568
……………………………………….
ผมก็ไม่สนใจ “คุณกัน” เป็นใครในอดีต แต่ชื่นใจในสิ่งที่คุณทำเพื่อสังคมชาติวันนี้
อยากโอนเงินให้คุณกันซัก ๑๐,๐๐๐ บาท ช่วยซื้อกระดาษชำระใส่ตามห้องน้ำทหารที่คุณกันสร้างให้ด้วย
อย่าถือว่า “เงินน้อย” เลยนะครับ
เพราะผม “เบี้ยน้อย-ห้อยลีบ” แต่มีศรัทธาในสิ่งที่คุณทำ ช่วยนำเบอร์ที่จะโอนได้แปะให้เห็นด้วยละกัน!
เปลว สีเงิน
๒๕ ตุลาคม ๒๕๖๘

