เปลว สีเงิน
ในที่สุด….
“คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ก็กลับมาเป็นองค์ลงประทับ “พรรคประชาธิปัตย์” อีกครั้ง
ผมก็คงต้องกลับไปเลือก “พรรคประชาธิปัตย์” อีกจนได้!
“อภิสิทธิ์….
ก็ยังคงเป็น “อภิสิทธิ์” คนเดิม ในเรื่อง “คมคำ”
เมื่อวันเสาร์ (๑๘ ต.ค.๖๘) หลังจากสมาชิกพรรคเกือบ ๑๐๐% พร้อมใจให้อดีตนายกฯ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” กลับมาเป็น “หัวหน้าพรรค”
แล้วหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่ก็ขึ้นให้ปฎิญญาต่อพรรค ต่อประชาชน ต่อประเทศ ยาวเพราะคงอัดอั้นมานานเป็นสิบปี
เพื่อเป็นใบ “ตรวจหวย” ปฎิญญาการเมือง จะนำคมคำคุณอภิสิทธิ์ “บางตอน” มาบันทึกไว้ เพื่อตรวจดูว่าที่ “พูดวันนี้” กับที่ทำ “ในวันข้างหน้า” จะตรงกันมั้ย?
…………………………………..
“อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ”
๑๘ ตุลาคม ๒๕๖๘
“ผมเป็นลูกพระแม่ธรณี ผมจะยึดถือสัจจะและความซื่อสัตย์เป็นที่ตั้งตลอดไป นอกจากนี้ ….
วันนั้น ผมเคยพูดด้วยว่า “ผมพร้อมจะกลับมาเสมอ หากสมาชิกเห็นว่าผมสามารถทำประโยชน์ได้”
“อยากบอกว่า กลับมาเที่ยวนี้ ส่วนตัวไม่มีทางได้กำไร อย่างมากสุด ก็เสมอตัว ขาดทุนไม่มากก็น้อย น่าจะเป็นสิ่งที่เป็นไปได้มากที่สุด
แต่ผมระลึกอยู่เสมอว่า ชีวิตผมมาถึงตรงนี้ได้ เพราะพรรคประชาธิปัตย์
จะลำบากอย่างไร จะขาดทุนเท่าไหร่ ผมก็ต้องกลับมา เพื่อทำให้พรรคการเมืองนี้ อยู่คู่กับประเทศไทยต่อไปให้ได้
ผมไม่ได้คิดเฉพาะ “เรื่องพรรค”……
แต่ผมเป็นหนี้ประเทศนี้ แผ่นดินนี้ ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่า การเติบโตมาแล้ว เคยใช้ชีวิตในต่างประเทศจนรู้ว่าประเทศนี้มีอะไรดีๆ มากมาย
ผมไม่เคยคิดถึงที่อื่น บางคนแซวผมด้วยซ้ำ หากผมไปเล่นการเมืองที่อื่น ในประเทศที่พัฒนาแล้ว น่าจะรุ่งกว่าในประเทศนี้
แต่ไม่…. ที่นี่คือที่ๆ ผมรัก และเชื่อว่าพวกเรารักที่สุด ผมจึงต้องชดใช้ “หนี้แผ่นดิน” นี้ เหมือนที่ผมต้อง “ชดใช้หนี้” ให้กับพรรคประชาธิปัตย์”
วันนี้เศรษฐกิจติดหล่ม สังคมเหลื่อมล้ำ ความยุติธรรมหดหาย
ทุกคนห่วงใยว่า “ประเทศเราจะเดินต่อแบบนี้ได้หรือ?”
ท่านเชื่อหรือไม่ว่า ปีสุดท้ายที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำรัฐบาล ๒๕๕๔ เป็นปีแรก ที่ประเทศไทยมีรายได้ปานกลางขั้นสูง
แต่เวลาผ่านไป จนถึงวันนี้ ๑๔ ปี
วันนี้ กระทั่งใน “แผนยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี” ไม่มีใครมั่นใจเลยว่า เราจะขยับขึ้นไปอีกขั้นได้เมื่อไหร่?
เป็นไปได้อย่างไร ที่วันนี้ ตัวเลขเศรษฐกิจ หากขยับได้ ๒% ก็ดีใจและโล่งใจแล้ว
เราลุ้นกันได้ “คนละครึ่งพลัส” ซึ่งอาจจะช่วยพี่น้องได้ในยามยากลำบาก
แต่หลังจาก ๓-๔ เดือน ที่โครงการจบ สิ่งที่ทิ้งไว้คือ “หนี้ของรัฐบาล” ที่เพิ่มขึ้น
เป็นไปได้อย่างไร ในวันนี้สังคมไทยผู้สูงอายุจำนวนมาก ทำให้สังคมเราเป็นสังคมสูงอายุอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว
ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพเพิ่มขึ้น ขณะที่โลกเปลี่ยน ชีวิตของคนหนุ่มสาวขาดความมั่นคงและความแน่นอน ทุกคนเพราะประสงค์จะมีสวัสดิการที่ดีเกือบทั้งสิ้น
แต่การเมืองเรา “หลอกตัวเอง-หลอกประชาชน” หรือไม่ว่ากำลังจะยื่นสวัสดิการให้ประชาชนได้?!
แต่กลับเก็บภาษีได้ไม่ถึง ๑๕% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศทุกวันนี้
แม้เศรษฐกิจโต แต่โตแล้วไปอยู่ที่ไหน ?
นับวันความสัมพันธ์ระหว่างการผูกขาดทางเศรษฐกิจกับการผูกขาดอำนาจทางการเมือง มีความแน่นแฟ้นมากขึ้นเรื่อยๆ
เรานิ่งดูดาย ปล่อยให้ประเทศเดินไปแบบนี้ไม่ได้ และอย่างที่ผมบอก ขณะที่ทุกคนเชื่อมั่นในกลไกประเทศ
แต่การเมืองเป็นสิ่งที่ฉุดรั้งไม่ให้ประเทศเดินไปข้างหน้า
วันนี้ ที่ผมนำคนรุ่นใหม่เข้ามา …..
เพราะวันนี้ สิ่งที่ประเทศต้องการที่สุด คือ “เครื่องจักรที่ทำให้ประเทศไทยโตได้” เราพึ่งพาสิ่งที่เคยมี “บุญจากอดีต” ต่อไปไม่ได้
ภาคเกษตรเราเคยภูมิใจว่าอุดมสมบูรณ์ วันนี้ประสิทธิภาพการผลิตเรา “ตามหลังเพื่อนบ้าน”
“ภาคอุตสาหกรรม” ไม่สามารถแข่งขันจากค่าแรงที่ไม่ถูกเหมือนเดิมได้
ขณะที่ “ภาคการท่องเที่ยว” เมื่อนักท่องเที่ยวจีนหายไปครึ่งหนึ่ง ก็เดือดร้อนกันไปทั่วในหลายสาขาธุรกิจ
“เครื่องจักรใหม่” บางครั้งก็เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงของโลก ผมนำคนอย่าง “ดร.การดี เลี่ยวไพโรจน์” (มาเป็นรองหน.พรรค ด้านเศรษฐกิจดิจิทัล)
เพราะเทคโนโลยีจะชี้นำการเปลี่ยนแปลงโลกและเศรษฐกิจ คนไทยใช้เทคโนโลยีเก่งมาก
เรามีซิมโทรศัพท์มือถือกว่าเท่าตัวของประชากร เราเป็นประเทศที่ใช้การโอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์
แต่ขอให้ไปดูสิ่งที่เรียกว่า “เศรษฐกิจดิจิทัล” มูลค่าเพิ่ม ตกอยู่กับมือคนไทยเพียงน้อยนิด
เราต้องนำตรงนี้มาเป็นตัวเทคโนโลยีมีศักยภาพมหาศาล
วันนี้ รำลึกภาพว่าภาคเกษตรกรของเรา โดยเฉพาะเกษตรกรที่ยากจน สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีสมัยใหม่
จะเป็นการใช้โดรน ใช้ปัญญาประดิษฐ์ หรือระบบอัจฉริยะทั้งหลาย ผลผลิตรายได้ “ภาคการเกษตร” จะเพิ่มขึ้นได้มหาศาล
และจะต้องเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เพื่อไม่ให้ถูกกีดกันจากประเทศที่พัฒนาแล้ว
ผมจึงนำคนอย่าง “นายวีระพงษ์ ประภา” (รองหน.พรรคด้านเศรษฐกิจต่างประเทศ) เข้ามา เพราะรู้ว่า ประเด็นที่โลกต้องการและกดดันประเทศไทยคืออะไร?
หนุ่มสาวที่เติบโตมาไม่ได้มองหาโอกาสเติบโตทางเศรษฐกิจเช่นคนรุ่นผม วิถีของคนรุ่นใหม่เปลี่ยนแปลงไป
เพราะต้องการสร้างโอกาสของตัวเองให้มีอิสระ
ผมจึงได้นำคนอย่าง นายจูรี นุ่มแก้ว (รองหน.พรรค ด้านสื่อสารองค์กร) ซึ่งเป็นคนมีชื่อเสียงในติ๊กต็อกเข้ามาช่วยงาน
“วันนี้ ผมไม่ต้องการให้พรรคประชาธิปัตย์ เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการที่นำเรื่อง “สถาบันพระมหากษัตริย์” เข้ามาอยู่ในวังวนของความขัดแย้งทางการเมือง
กล่าวหาว่า “ฝ่ายหนึ่งล้ม” กล่าวหาว่า “ฝ่ายหนึ่งโหน”
ไม่ใช่เรื่องของการเมืองเลย เพราะ “สถาบันพระมหากษัตริย์” คือศูนย์รวมจิตใจของคนไทยที่ต้องอยู่เหนือการเมือง ไม่ว่าเราจะมีแนวคิดทางการเมืองต่างกันอย่างไร”
ต้องไม่เอาองค์กรอย่าง “กองทัพ” เข้ามาเป็นประเด็นทางการเมือง กองทัพจะทำหน้าที่ได้อย่างไร
หากพรรคการเมืองมีอคติต่อกองทัพ?
ไม่ควรนำเรื่องความมั่นคงประเทศ หรือนโยบายการต่างประเทศมาเสี่ยง ผลักภาระให้ประชาชนลงประชามติ
ก่อนตั้งคำถามว่า “จะบอกว่าประชาชนเข้าใจหรือไม่?” ผมก็ไม่แน่ใจ
เราจะปล่อยให้การเมืองฉุดลากทุกสิ่งทุกอย่างจากการทุจริตคอร์รัปชัน เดินต่อไปไม่ได้ หากประชาธิปไตยไม่ได้เริ่มต้นจากการเลือกตั้งที่สุจริตเที่ยงธรรม
แต่เป็นการประมูลซื้อเสียง ซื้อสส. และคอร์รัปชัน กัดเซาะทุกองค์กร เป็นต้นทุนมหาศาล
สิ่งเหล่านี้ จะกลายเป็นการเปิดช่องให้เกิดการทุจริตคอร์รัปชันยังไม่จบไม่สิ้น
วันนี้ เราต้องถือเป็นเรื่องสำคัญที่จะผลักดันให้เกิดความสุจริต ซื่อสัตย์ ในการบริหารบ้านเมือง
ผมพูดเสมอว่า ในช่วงที่ผมดำรงตำแหน่งทางการเมือง ความรับผิดชอบทางการเมือง “สูงกว่า” ความรับผิดชอบทางกฎหมาย
จริยธรรมถือเป็นเรื่องสำคัญ
แต่ไม่ควรนำมาเป็นอาวุธทางการเมืองมาทำลายฝ่ายการเมืองฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
ประชาชนโหยหาทางเลือก เขาเบื่อหน่ายกับพรรคการเมืองที่บอกว่า มีไว้เพียงแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ ดีลลับ สับปลับ วันเว้นวัน
เขาต้องการการเมืองที่อาสาเข้ามาแก้ไขปัญหาให้พวกเขาอย่างแท้จริง
สถานการณ์วันนี้ หากตามกำหนดการที่วางไว้ อีกไม่กี่เดือนข้างหน้าจะมีการเลือกตั้ง
หลายคนเครียดและมากระซิบผมว่ากำลังกังวลเรื่องที่ สส.จะย้ายพรรค ซึ่งผมก็เข้าใจเหตุผลของแต่ละคน
อย่าไปเครียด เพราะประชาธิปัตย์ หากอยากจะอยู่คู่กับประเทศไทย ก็ต้องสร้างคนอย่างต่อเนื่อง
ผมมีงานอดิเรกอยู่ ๒-๓ อย่าง แต่ผมก็แปลกใจว่า “งานอดิเรกวกกลับมาเรื่องการเมืองได้”
ผมพูดถึงพรรคการเมืองที่พยายามดูดสส. ด้วยอำนาจเงิน อำนาจรัฐหรืออะไรก็แล้วแต่
ผมดูบอลอังกฤษ ระวังนะ…ศูนย์หน้าฟอร์มดีๆ ค่าตัวแพงที่สุด ย้ายสโมสรไปแล้ว มันยิงไม่ได้ซักประตู
ผมฟังเพลงตอนเด็กๆ อยู่ต่างประเทศ ฟังเพลงสากล ทุกวันนี้ ผมกลับมาสะสมแผ่นเสียง ล่าสุด เพิ่งซื้อแผ่นเสียงเทย์เลอร์ สวิฟต์ ซึ่งมีคำคมเสมอ
เทย์เลอร์ สวิฟต์ บอกว่า “แก้วที่แตก จะมีความคมมากขึ้น”
ฉะนั้น ใครที่กำลังจะมาทุบประชาธิปัตย์ เหมือนกำลังทุบแก้วที่แตก”
ผมจะบอกว่า “ทุบเสร็จผมจะเอาความคมของแก้วที่แตกไปตัดวงจรอุบาทว์” การซื้อเสียงและการคอร์รัปชัน สิ่งนี้ คือสิ่งที่เราต้องสู้ด้วยหัวใจ
งานอดิเรกงานที่ ๓ ที่ผมทำเป็นประจำ คือผมชอบแหย่ทะเลาะกับเอไอ
เมื่อคืน จึงแกล้งพิมพ์ให้เอไอ ช่วยออกแบบสัญลักษณ์ของความซื่อสัตย์ ความสำคัญของสัจจะ การปราบอธรรมปราบมาร และความอุดมสมบูรณ์ ช่วยออกแบบมาให้หน่อย
เอไอจึงทำให้ ๔ แบบ ซึ่งแต่ละแบบ ก็ยังไม่สามารถทำสิ่งเหล่านี้ได้ ผมจึงถามคำถามที่สองว่า
“เคยคิดถึงพระแม่ธรณีหรือไม่?”
เพราะ “พระแม่ธรณี” คือพยานของความซื่อสัตย์และสัจจะในวันที่มารผจญพระพุทธเจ้าตอนตรัสรู้ และน้ำที่บีบออกจากมวยผม ชำระล้างจนพญามารหนี ทำให้เกิดความอุดมสมบูรณ์
เอไอบอก ยอมผม ๔ อันที่ทำมาไม่สมบูรณ์เท่าพระแม่ธรณี แต่เอไอก็ไม่ยอมแพ้ผมง่ายๆ บอกว่า…..
“ต้องไปออกแบบสัญลักษณ์ให้ดูทันสมัยหน่อย”
ผมจึงอยากบอกกับทุกคนว่า อย่าหวั่นไหว กลับมาวันนี้ก็มีคนปรามาสว่าเหล้าเก่า-ขวดเก่า
ไม่หรอก สัญลักษณ์พระแม่ธรณี ข้อความที่ระบุบนสัญลักษณ์ก็ดี คือคำตอบสำหรับยุคสมัยนี้อย่างแท้จริง
แต่คนที่จะมาทำให้เกิดขึ้นได้ ให้ทันสมัยจริง คือพวกเรา ที่นั่งอยู่ตรงนี้ และวันนี้ ผมขอเชิญชวนคนทั้งประเทศที่เบื่อกับการเมืองที่ท่านเห็นมา มาร่วมกัน
“ผมยอมรับว่าไม่ง่าย แต่มาร่วมกับเราเถอะ เพราะวันที่บรรพบุรุษที่ก่อตั้งพรรคประชาธิปัตย์ วันนี้….แทบไม่เหลืออยู่แล้ว
“แต่ทำไมยังมีประชาธิปัตย์อยู่ถึงทุกวันนี้?”
ก็ถ่ายทอดมาถึงรุ่นสู่รุ่น ผมก็เช่นกัน วันนี้ผมขาวแล้ว ก็เตรียมส่งต่อให้กับคนรุ่นต่อไป
มาช่วยกันเถอะ เราไม่ได้มีเป้าหมายเฉพาะหน้า เป้าหมายสุดท้ายของเรา ไม่เพียงแต่อยู่คู่ประเทศไทย
แต่จะทำให้ประเทศไทยเจริญก้าวหน้า เพื่อคนไทยทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น”
………………………………………..
เพื่อไทย ตายหมาดๆ เพราะพูดแล้ว “ทำไม่ได้”
ภูมิใจไทย อยู่ได้ ส่วนหนึ่งเพราะ “พูดแล้วทำ”
“นกฟินิกซ์-ประชาธิปัตย์” จะเกิดใหม่ ต้องอย่าให้ “คมคำ” กลายเป็นแก้วแตกของ “เทย์เลอร์ สวิฟต์” ย้อนมาบาดคอตัวเอง
ส่วนพรรคประชาชน“…..
เลิกฝันเปียกเพราะหมกมุ่นเรื่อง “ล้มเจ้า” ได้เมื่อไหร่
“ฝันใหม่” มีโอกาส “ได้เป็นจริง”!
เปลว สีเงิน
๒๐ ตุลาคม ๒๕๖๘
