เปลว สีเงิน
ดูโผครม. “เศรษฐา ๑” แล้ว ต้องบอกว่า
“บิ๊ก” แท้ คือ “บิ๊กทิน”!
เป็น “คนแรก” จะถูกปลดจากเก้าอี้ “รัฐมนตรีกลาโหม”
แล้วนายกฯ เศรษฐาจะมานั่งควบแทน เป็น “บิ๊กเศรษ”
แต่โผที่ “นักโทษเจิม” วานซืน
ครูบ้านนอกชื่อ “สุทิน คลังแสง” เหนียวหนับอยู่เป็น “บิ๊กทิน” ตามเดิม
นายกฯ ที่หมายมั่นจะควบ กห.ก็…. “กห.” จริงๆ
คือ “เก้าอี้รัฐมนตรีคลังหาย”
ถูกริบไปให้ “คนนอกพรรคเพื่อไทย” แต่เป็นคนในของนายเหนือพรรค นามว่า “พิชัย ชุณหวชิร” มานั่งแทน!
มาเล่นทาย “อะไรเอ่ย” สนุกๆ ซักวันดีมั้ย ท่านนายกฯ
ผมทายก่อน…..
“อะไรเอ่ย….เดิมนั่ง ๒ เก้าอี้ ๗ เดือนผ่านไป เหลือ ๑ เก้าอี้ แล้วอีก ๗ เดือนต่อจากนั้น จะเหลือกี่เก้าอี้?
ตอบไม่ได้ ก็ยอมแพ้ซะ แล้วผมจะเฉลย
“เศรษฐาอนาถา….ไม่เหลือเลยซักเก้าอี้” นั่นไงล่ะ!
สำรับ “นายพิชัย ชุณหวชิร” คนนี้ ผมอยากให้ตัดคำว่า “คนของนาย-นายส่งมา-มือทำงานให้นาย” ออกไป
ทำใจว่างๆ แล้วมอง ก็จะพบว่า “นายพิชัย” มีคุณสมบัติด้าน “การเงิน-การคลัง-การบัญชี” คู่ควรกับตำแหน่ง “รัฐมนตรีคลัง” ครบถ้วน
มีผลงานเป็นความสำเร็จในงานเรื่องใหญ่ๆระดับแสนๆล้านบาทมาแล้ว หลายผลงาน
หากแต่นายพิชัย ชอบเป็นนักทำ ไม่ชอบเป็นนักโม้-อวดตัว สังคมภายนอกทั่วไป จึงไม่รู้จัก “คุ้นหน้า-คุ้นชื่อ” นัก
“ประสบการณ์” ส่งให้นายพิชัยสู่ระดับ “ทรัพยากรบุคคล” ทรงคุณค่าในวงการ
แท้จริงแล้ว นายพิชัยไม่ใช่ “คนของนาย”
หากแต่ด้วยงานธุรกิจ-ธุรกรรมการเงินหมุนเวียนอยู่ในวงจรสัมพันธ์งานกัน “ใช่-ไม่ใช่” ก็ต้องใช่ ในเส้นทางนั้น ที่ปฎิเสธได้ แต่คนไม่เชื่อ
แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า นายพิชัยใช้ความเชี่ยวชาญ-ประสบการณ์ “ฟอกถ่าน” ผ่านธุรกิจการเงิน-การบัญชีให้นายหรือให้ใครโดยตรง จึงตีตรากันว่า “พิชัย-คนของนาย”
เพราะ “มีฝีมือ-มีประสบการณ์-มีความเชี่ยวชาญ” ในระบบบัญชีและการเงินเป็นที่ประจักษ์นั่นแหละ
“ไม่ว่าพระ-ไม่ว่าโจร”……
เมื่อมีงานใหญ่ ก็ต้องการได้คนฝีมือระดับนายพิชัยไปทำงานด้วยกันทั้งนั้น!
ผมไม่รู้จักตัวหรอก แต่การ “ค้นคน” จากข่าวมา ๔๐-๕๐ ปี ทำให้พอมองเห็น “ตัวตนแท้”
ว่านายพิชัย ไม่ใช่น้ำกลั่นเติมแบตเตอรี่ ที่บริสุทธิ์ไร้แร่ธาตุจนกินไม่ได้ นำไปรดต้นไม้ เลี้ยงปลาก็ไม่ได้
ไม่ใช่น้ำครำ ที่ดำโสโครก จะใช้แค่ล้างมือ-ล้างตีน ก็ยังใช้ไม่ได้ เพราะเต็มไปด้วยเชื้อโรค และ แร่ธาตุอันตราย
“น้ำกลั่นธรรมชาติ” รู้จักกันมั้ย?
“น้ำฝน” คือ “น้ำกลั่นธรรมชาติ” นายพิชัยมี “คุณสมบัติเป็นกลาง” ประมาณ “น้ำฝน”
“น้ำฝน” ซึมผ่านเซลล์, ช่องว่างต่างๆ ในร่างกายได้ดี ช่วยชะล้างสารพิษ นำสารพิษออกจากเซลล์ผ่านระบบน้ำเหลืองกำจัดออกไปจากร่างกายได้ด้วย
ส่วนน้ำฝน เป็นพิษหรือไม่เป็นพิษ ไม่ได้อยู่ที่น้ำฝน มันก็อยู่ที่การเก็บรักษาน้ำฝนหรือน้ำธรรมชาตินั้น ได้ดีหรือไม่เป็นหลักใหญ่
ถ้าใช้ภาชนะสะอาดใส่ ดูแลป้องกันสิ่งปนเปื้อนปลิวตกลงไปได้ดี ก็ใช้ดื่มกิน ใช้หุงต้ม กระทั่งใช้อาบได้ดี
ถ้าตรงกันข้าม มันก็ทำให้ “มีโทษ-มีพิษ” ได้
กระนั้นก็เถอะ ในความเป็นน้ำธรรมชาติ น้ำฝนที่ไม่สะอาด ใช้อาบ ใช้ล้างถ้วย-ล้างชามแล้ว หรือขังอยู่ในแอ่งตีนควายก็ตาม
ก็ยังนำไปใช้รดผัก รดต้นไม้ นำเข้าระบบรีไซเคิล นำกลับมาใช้เป็นน้ำสะอาด ใช้ดืม ใช้กิน ใช้ประโยชน์ได้อยู่
นายพิชัยนั้น เหมือน “ภาพซ้อน” อยู่ที่คนมอง
ว่ามองผาดหรือมองพิศ?
มองผาด ก็เหมือนมองผ่านน้ำ ตามแม่น้ำ ลำคลอง หนอง บึง กระทั่งน้ำล้างบ้าน-ล้างส้วม
เห็นแต่ความขุ่นตม สกปรก น้ำสกปรก ใช้ไม่ได้แล้ว
ถ้ามองพิศ…
ก็จะเห็น “ต้นราก” ในความเป็นน้ำกลั่นธรรมชาติผ่านภาพ “น้ำสกปรก-ขุ่นตม” นั้นว่า
เป็นน้ำตกจากฟ้า ลงป่า ลงดิน ยังคงแร่ธาตุสมบูรณ์ เพราะซ่อนรูปบริสุทธิ์ผ่านโคลนตม ผ่านสิ่งปฎิกูล ภาพเฉพาะตา จึงเป็นโคลนเลน-ขุ่นคลั่ก
แต่ “โคลนเลน-ขุ่นคลั่ก” เคล้าปฎิกูลนั่นแหละ
เรานำกลับมา “ดื่มกิน-สารพัดใช้” กันทุกวันนี้ โดยที่เรามองข้ามมันไปเท่านั้นเอง
น้ำสกปรกจากต้นธาตุคือ “น้ำกลั่นธรรมชาติ” นั้นแหละ เรานำมาเข้าระบบรีไซเคิล กลั่น-กรอง-ต้ม
กลายเป็นน้ำประปา น้ำขวด สารพัดยี่ห้อ ที่ซื้อกินกัน!
“นายพิชัย” ที่จะมาเป็น “รัฐมนตรีคลัง” ก็คือคนประเภท
“น้ำกลั่นธรรมชาติ”
ที่เห็นต่างๆ กันไป อยูู่ที่ใครมองนายพิชัยในภาพน้ำคลองหรือน้ำประปาเท่านั้น
หรือบางคน รู้ว่าดื่มกินได้ แต่รังเกียจสลากยี่ห้อ “น้ำดื่มตราแม้ว”
ทำให้ไม่แน่ใจคุณภาพว่า “ดื่มกินได้-ปลอดภัย” เหมือน “น้ำดื่มตราสิงห์-ตราช้าง” หรือไม่?
ครับ….
ผมเพียง “อุปมา-อุปมัย” ให้เข้าใจ-รู้จัก “นายพิชัย” ที่จะมาเป็นรัฐมนตรีคลัง และใช้ความเป็น “น้ำกลั่นธรรมชาติ” ซึ่งเป็นธาตุเดิม ตัดสินใจว่า
ในฐานะรัฐมนตรีคลัง “กู้ ๕ แสนล้าน” มาแจก เหมือนเอา ๕ แสนล้านไปซื้อผักชีมาโรยหน้า GDP โตปี-ครึ่งปี ๕% เพื่อโม้ทางการเมือง
แต่ต้องรีดภาษีประชาชนไปใช้หนี้ยาวนาน ๒๐-๓๐ ปี ชนิดไม่มีเงินเหลือพัฒนาประเทศ
มันคุ้มกันมั้ย มันใช่มั้ย?
“นักการเงิน-การบัญชี” มืออาชีพระดับนายพิชัย ว่ามันควรทำมั้ย และมันผิดกฎหมายมั้ย?
“คนสั่งได้เงิน-คนทำได้คุก” เหมือนกรณีจำนำข้าว จะยอมทำให้เขาอย่างนั้นมั้ย?
“นายพิชัย” นี่แหละ คือ “จั๊กจั่นทองลอกครอบ” ให้หัวหน้าคอกและนายกฯ ในคอก
เพราะเขาถอยเอง “เสียหน้า” ไม่เท่าไหร่”
แต่ “เสียพรรคเพื่อไทย” นี่ซี เท่ากับเสียหมา เลือกตั้งครั้งต่อๆไป จะมีคนตาบอดหลงให้เสือเหนือคุกแดกซักกี่คน?
ผมมั่นใจนายพิชัยนะ
เรื่องใหญ่ๆ ในตลาดทุน ฉลาด…พาเขารวยระดับหมื่นล้าน-แสนล้าน
แต่จะโง่ในเรื่องเล็กๆ ตัวเองติดคุก เพื่อให้เขารวยกันระดับหมื่นล้าน-แสนล้าน จากเงินโกงชาติ-ลวงประชาชน
ถ้ายอมโง่แบบนั้น ก็สมน้ำหน้านะ!
ฉะนั้น สรุปได้ว่า การที่ส่งนายพิชัยมาเป็นรัฐมนตรีคลัง
ก็เพื่อนำทัพ “ไอ้เสือ…ถอยยย” ชนิดมีเชิงตามยุทธศาสตร์การทัพกินเมืองนั่นเอง
“เศรษฐา-เพื่อไทย” ถอยเอง ล้มทับตีนคน ๑๐ ล้านคน ที่ผิดหวังใน “สัญญาว่าจะให้” แน่
แต่อาศัย “ขุนคลังพิชัย” พออ้างเอาตัวรอดได้ “ผมแจก แต่รัฐมนตรีคลังเขาไม่แจก”
จ๋อยแล้วก็ต้องจบแบบนี้
กลับไปตั้งต้นแจกใหม่เฉพาะกลุ่มเปราะบาง ตามที่ “ผู้ว่าฯแบงก์ชาติ” แนะนำ มันก็ต้องไปตามทางนั้น
ก็จะแจกได้ไง ดูงบบัญชีธกส.ที่จะไปเอาเงินเขา ๑.๗๒ แสนล้านมาสมทบแจกก่อนเถอะ
……………………
“สำนักข่าวอิศรา”
@เปิดงบดุล‘ธ.ก.ส.’พบมีหนี้รอชดเชยจากรัฐบาล 6.19 แสนล.
งบดุล ธ.ก.ส. งวด 9 เดือน ปีบัญชี 2566(สิ้นสุด 31 ธ.ค.2566)
ธ.ก.ส.มีสินทรัพย์รวม 2,244,588.99 ล้านบาท
ในจำนวนนี้ เป็นรายการเงินสด 20,724.59 ล้านบาท,เงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้และดอกเบี้ยรับสุทธิ 1,154,250.77 ล้านบาท
เงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้ตามธุรกรรมนโยบายรัฐและดอกเบี้ยค้างรับสุทธิ 71,087.52 ล้านบาท
และลูกหนี้รอชดเชยจากรัฐบาลตามธุรกรรมนโยบายรัฐ 619,173.81 ล้านบาท เป็นต้น
@รัฐบาลยังค้างหนี้‘จำนำข้าว’ปี 54-57 กว่า 2.26 แสนล้าน
ทั้งนี้ เมื่อพิจารณารายละเอียดรายการ ‘ลูกหนี้รอชดเชยจากรัฐบาลตามธุรกรรมนโยบายรัฐ’ จำนวน 619,173.81 ล้านบาท
พบว่ารัฐบาลมีหนี้สินค้างชำระ ธ.ก.ส. ในโครงการรับจำนำสินค้าเกษตร (รวมทุกผลผลิตการเกษตร) ปีการผลิต 2552 ,ปีการผลิต 2554/55 ,ปีการผลิต 2555/56 และปีการผลิต 2556/57 รวมทั้งสิ้น 236,306.89 ล้านบาท
แต่หากนับเฉพาะโครงการรับจำนำข้าวเปลือก 3 ปีการผลิต รวม 4 โครงการ
ได้แก่ โครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2554/55 ,โครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปี 2555 , โครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต 2555/56 ครั้งที่ 2 และโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต 2556/57
ปรากฏว่า รัฐบาลมีหนี้ค้างชำระ ธ.ก.ส. รวมทั้งสิ้น 226,272.57 ล้านบาท
แบ่งเป็นเงินทุนที่ ธ.ก.ส.สำรองจ่ายไปก่อน จำนวน 53,056.59 ล้านบาท
และเงินทุนที่ ธ.ก.ส.กู้จากแหล่งเงินอื่น(กู้ยืมสถาบันการเงินอื่น)สำหรับนำมาให้รัฐบาลกู้ต่อ
เพื่อใช้จ่ายในโครงการฯจำนวน 173,215.98 ล้านบาท
………………………
เป็นไง…?
รัฐบาล “หนี้คาตูดธกส.” อยู่ตั้ง ๖ แสนกว่าล้าน ยังไม่จ่ายเลย แล้วจะแฮปอีกร่วม ๒ แสนล้าน
เห็นอย่างนี้ “ขุนคลังพิชัย” คงบอก….
ใครอยากเป็น “นักโทษเทวดา” ก็เป็นไปเถอะ แต่ผมไม่เป็นด้วยหรอก!
เปลว สีเงิน
๒๗ เมษายน ๒๕๖๗