เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2568 จากรณีฝูงสิงโต เข้ามารุมทำร้ายเจ้าหน้าที่ บาดเจ็บสาหัสจนเสียชีวิต ขณะเกิดเหตุมีนักท่องเที่ยว เข้าชมในสวนสัตว์เป็นจำนวนมาก ทั้งไทยและต่างชาตินั้น
ผู้สื่อข่าวได้สอบถาม ดร.สาธิต ปรัชญาอริยะกุล เลขาธิการและผู้อำนวยการสมาคมป้องกันการทารุณสัตว์แห่งประเทศไทย (TSPCA) และคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการป้องกันการทารุณกรรมและสวัสดิภาพสัตว์ ได้แสดงความคิดเห็นส่วนตัวว่า ก่อนอื่นต้องขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้เกี่ยวข้องทุกคน เหตุการณ์ดังกล่าวไม่ควรเกิดขึ้น เพราะเป็นความสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก รวมทั้งเป็นการทำลายภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยว
ส่วนตัวมองว่า สิงโตในประเทศไทย แม้เป็นสัตว์ป่าควบคุม ชนิด ที่มีสายพันธุ์นิสัยดุร้าย มีพฤติกรรมที่รุนแรง คนเลี้ยง ผู้ครองครองหรือผู้เกี่ยวข้องอาจได้รับอันตรายได้ แม้ปัจจุบันจะมีผู้นิยมเลี้ยงมากยิ่งขึ้น นอกจากสวนสัตว์ และเอกชนทั่วไปสนใจ บางรายแสดงเนื้อหาการเลี้ยงสิงโต ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ โซเซียลมีเดีย และติ๊กต็อก (TikTok) โดยพบข้อมูลจากรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช พบว่า ปี 2567 มีผู้แจ้งการครอบครองสิงโต จำนวน 37 ราย จำนวน 223 ตัว ในส่วนของกรุงเทพมหานคร มีผู้แจ้งการครอบครองสิงโต 4 ราย จำนวน 39 ตัว โดยสวนสัตว์ซาฟารีเวิลด์ สถานที่เกิดเหตุอันน่าสลดนี้ มีการแจ้งการครอบครองสิงโต ในปี 2567 จำนวน 45 ตัว แต่ปัจจุบันพบว่าเหลือ 32 ตัว
สำหรับเรื่องดังกล่าวที่ ผ่านมา TSPCA เคยยื่นหนังสือให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการจัดทำมาตรฐานการเลี้ยงสัตว์เพื่อการแสดง รวมทั้งมีการตั้งคณะทำงานในการติดตามกรณีการจัดสวัสดิภาพสัตว์ในสวนสัตว์ เช่น กรณีติดตามกรณีกอริลลา “บัวน้อย”
ดังนั้น ถึงเวลาที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องกลับมาทบทวนมาตรฐานด้านสวัสดิภาพสัตว์ป่าในสวนสัตว์และสัตว์เลี้ยงเพื่อใช้ในการแสดง เพื่อลดการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน รวมทั้งเป็นการป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ที่ดีอีกด้วย
ด้าน นางสาวโซไรดา ซาลวาลา ผู้ก่อตั้งมูลนิธิเพื่อนช้าง เห็นว่าเกิดเหตุสลดในสวนสัตว์ซ้ำแล้ว ซ้ำอีก ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ บางเหตุการณ์ก็มีการปิดข่าวกัน ทำให้สาธารณชนไม่ทราบเรื่อง ขอให้ทบทวนมาตรฐานการจัดการสวนสัตว์ กฎหมายใดที่มีหรือร่างใดที่ทำแล้ว ขอให้ช่วยเผยแพร่ด้วย ความปลอดภัยของทั้งสัตว์ ทั้งคน ต้องมีมาตรการที่ดีขึ้น ทั้งนี้สวัสดิภาพของสัตว์ในสวนสัตว์ไม่ควรถูกปล่อยปละละเลยอีกต่อไป
ส่วน นายสมศักดิ์ สุนทรนวภัทร ผู้ประสานงานภาครัฐ Four Paws International เห็นว่าประเทศไทยถูกต่างประเทศจับตามอง ว่าเรามีจำนวนเสือและสิงโตในกรงเลี้ยงมากเกินไป เกินกว่าจะควบคุมได้ และอาจจะนำไปสู่การค้าที่ผิดต่ออนุสัญญาไซเตสได้ ตามบ้านผู้คน มีการครอบครองเสือประมาณ 200 ตัว และมีสิงโต อยู่ในการครอบครองของเอกชน ไม่ต่ำกว่า 200 ตัว จริงๆ แล้วไม่สมควรให้มีการครอบครองเลย
การนำสัตว์ป่ามาใช้เพื่อการแสดง โดยเฉพาะสัตว์ป่าดุร้าย เช่น สิงโต เสือ และช้าง นอกจากจะมีปัญหาด้านสวัสดิภาพสัตว์แล้ว ก็ยังจะมีความเสี่ยงที่จะถูกสัตวทำอันตรายได้ตลอดเวลา ดังเช่น กรณีนี้ที่สิงโต 5 ตัว รุมขย้ำพนักงาน จนเสียชีวิต
ประเทศไทยมีจำนวนเสือและสิงโตมากเกินความจำเป็น เช่น ตามสวนสัตว์สาธารณะ และตามบ้านส่วนตัว เราเคยเสนอหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้มีการลดจำนวนลง เช่น ให้ยุติการอนุญาตผสมพันธุ์ ยุติการนำเข้า และยุติการให้เอกชนครอบครองตามบ้าน แต่ก็ยังไม่เป็นผล
ดังนั้น กรณีสิงโตขย้ำพนักงานนี้ ควรเป็นอุทาหรณ์ ถึงเวลาที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องทบทวนมาตรฐานต่างๆ และต้องเข้มงวดในการบังคับใช้กฎหมายที่มี และขอฝากรัฐมนตรีคนใหม่ ที่ต้องเอาจริงเอาจังในการจัดการปัญหาดังกล่าว อย่างให้เหมือนการแก้ปัญหาเก่าๆ ที่ผ่านมา เมื่อถึงเวลามีปัญหาก็เสียงดัง พอเรื่องเงียบก็ปล่อยปละละเลย อย่าให้เกิดขึ้นดังเช่นกรณีนี้อีก