เปลว สีเงิน
“คุณภูมิธรรม” นี่
ตกงานคราวนี้แล้ว น่าไปตั้งบริษัททัวร์นะ
เพราะจัด “ทัวร์ไฟไหม้” เก่งจริงๆ!
พรรคประชาชนเขาตั้ง TOR ในการประมูลเสียงโหวตให้เป็นนายกฯ ว่า พรรคไหนยอมรับเงื่อนไข เป็นรัฐบาลแล้วต้อง “ยุบสภา” ภายใน ๔ เดือน!
แล้ว ๑๔๓ เสียงของประชาชน จะโหวตให้คนของพรรคนั้นเป็นนายกฯ
พรรคเพื่อไทยเข้าประมูลแข่งกับพรรคภูมิใจไทย ต่างยอมรับ “ทุกเงื่อนไข” ตามสเปกพรรคประชาชน
ผลปรากฏว่า “พรรคประชาชน” พอใจข้อเสนอของพรรคภูมิใจไทยและเชื่อใจในความเป็นสุภาพบุรุษที่จะ “รักษาสัจจะ” มากกว่า
จึงประกาศผลคัดเลือกให้ “พรรคภูมิใจไทย” ชนะ!
๑๔๓ เสียงของพรรคประชาชน…..
จะโหวตให้ “นายอนุทิน ชาญวีรกูล” เป็นนายกฯ คนที่ ๓๒
เพื่อไทย รู้ว่าแพ้ ก็เล่นบทพาล โดยแอบอิง “พระราชอำนาจ” ด้วยการส่งร่างพระราชกฤษฎีกายุบสภาขึ้นทูลเกล้าฯ ทั้งที่ “นายกรักษาการ” ไม่มีอำนาจทำเช่นนั้นได้
แต่ถูก “ตีกลับ” หน้าหงาย!
แทนที่จะสำนึกและละอายและยอมรับความจริงว่า “เพื่อไทย” ใต้เงาตระกูลชิน เดินทางมาถึงจุดสุดท้าย ถึงวันล่มสลายแล้ว!
กลับเป็นเห็บภักดีซาก ไปงัด “สมบัติพระศุลี” ในกรุพรรค “นายชัยเกษม นิติสิริ” ส่งเข้าชิงนายกฯ กับนายอนุทินวันนี้ ทั้งที่รู้ว่าเสียงสู้ไม่ได้
จึงใช้กลยุทธ์การตลาดจัด “โปรไฟไหม้” ล่อใจพรรคประชาชน “เลือกชัยเกษมเป็นนายกฯ “ยุบสภาทันที” ไม่ต้องรอ ๔ เดือน!”
ก็ทำเอาคนพรรคประชาชนบางคนและพวกกองเชียร์เป๋ไปพอสมควรกับข้อเสนอเร้าใจนี้
เลือกชัยเกษม “เคลมเร็ว” แหม…มันถูกใจวัยจ๊าบดังจ๊วบ!
นักข่าวก็เฮละโลไปถามท่านหัวหน้า “ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” ว่า นายภูมิธรรม-เพื่อไทย เขาจัดโปรไฟไหม้ให้อย่างนี้สนใจมั้ย?
ณัฐพงษ์เขาตอบสมกับเป็นผู้มีคุณสมบัติ “ผู้นำพรรค” แบบนวดนิ่มๆ แต่แสบสันต์ถึงกระดูก ว่า
“หากเป็นข้อเสนอก่อนหน้านี้อย่างเป็นทางการ ก่อนที่พรรคประชาชนจะตัดสินใจแถลงออกมาอย่างเป็นทางการ
ผมและสส.ในพรรคจะรับไว้พิจารณา
แต่เห็นได้ชัดเจนว่า กระบวนการที่ผ่านมา ตลอดจนถึงวันนี้ ยังมีการให้ข่าว“กลับไป-กลับมา”จากฝั่งพรรคเพื่อไทย เราก็พอจะประเมินได้ว่า
“พรรคเพื่อไทยไม่ได้มีความจริงจังและจริงใจ ที่จะบรรลุข้อตกลงกับเราตั้งแต่ต้น เป็นเพียงการปล่อยข่าวเพื่อช่วงชิงจังหวะทางการเมืองมากกว่า”
ภายหลังที่พรรคประชาชนบรรลุข้อตกลงเป็นที่เรียบร้อย ก็ยังคงมีการปล่อยข่าวในลักษณะนี้อยู่
ยิ่งแสดงให้เห็นว่า เราไม่สามารถเชื่อคำพูดที่กลับไปกลับมาแบบนี้ได้”
อู้ยยยย…นี่มันคือการ “ลูบหน้าด้วยฝ่าเท้า” กันชัดๆ นี่นา แต่คนที่หน้าด้านไม่รู้สึกหรอก!
พูดถึงเรื่องด้าน ผมว่า “ตูดลิงเสน” ด้านที่สุด
ถ้าใครฟังที่คุณณัฐพงษ์พูดนี้แล้วไม่รู้สึก ไปรับโล่รางวัล “ตูดลิงเสน” ที่คุณณัฐพงษ์ได้เลย!
วันนี้-ศุกร์ที่ ๕ กันยายน ๒๕๖๘ ขึ้น ๑๓ ค่ำ เดือน ๑๐ ปีมะเส็ง ดาวจันทร์เกาะภูมิปาโลฤกษ์ ซึ่งเป็นฤกษ์มงคล
นับเป็นวันที่ดี สำหรับการเริ่มต้น หรือกระทำการใดๆ ที่ต้องการความมั่นคง ความยั่งยืน และความเจริญรุ่งเรืองระยะยาว
ที่สภาผู้แทนราษฏรวันนี้ ตั้งแต่ ๓ โมงเช้าเป็นต้นไป เปิดประชุมสภา มีวาระโหวตเลือก “นายกรัฐมนตรี” คนที่ ๓๒ ด้วย
เป็นการชิงกันระหว่าง “นายอนุทิน ชาญวีรกูล” พรรคภูมิใจไทย ผู้มีสส.พรรคต่างๆ รวม ๑๔๖ คน สนับสนุน นอกเหนือจากพรรคประชาชนอีก ๑๔๓ เสียง
กับ “นายชัยเกษม นิติสิริ” ที่พรรคเพื่อไทยส่งเข้าชิง
ถึงรู้ว่าแพ้ แต่หวังจุดขายจากโปรไฟไหม้ “เลือกชัยเกษม ยุบทันที ไม่ต้อง ๔ เดือน” เผื่อจะดึงดูดใจคนพรรคประชาชนให้หันกลับมาเลือก!
“๑๔๖ เสียง” ที่สนับสนุนนายอนุทินเป็นนายกฯ ตั้ง “รัฐบาลเสียงข้างน้อย” มีพรรคอะไรบ้างล่ะ รู้ไว้หน่อยก็ไม่เสียหลาย ก็มี
พรรคภูมิใจไทย ๖๘ คน
พรรคกล้าธรรม ๓๑ คน
พรรคพลังประชารัฐ ๑๗ คน
พรรครวมไทยสร้างชาติ ๑๖ คน
พรรคเพื่อไทย ๘ คน
พรรคไทยสร้างไทย ๓ คน และ
พรรคประชาธิปัตย์ ๓ คน รวม
จาก ๑๔๖ คนที่สนับสนุนนายอนุทิน เมื่อบวกกับ ๑๔๓ เสียงของพรรคประชาชน ก็จะได้ ๒๘๙ เสียง!
สส.ทั้งหมดตอนนี้มี ๔๙๒ คน ใครจะเป็นนายกฯ ต้องได้เสียงสนับสนุนจากสส.กึ่งหนึ่ง คือต้องได้ ๒๔๗ เสียงขึ้นไป
หมายความว่า นายอนุทินชนะ ได้เป็นนายกฯ จากการโหวตวันนี้แน่ เพราะมีเสียงสนับสนุนท่วมท้นล้นตลาด
“เพื่อไทย-ชัยเกษม” โหวตให้ตาย ได้เสียงสนับสนุนถึง ๒๐๓ เสียง ก็เรียก “เถ้าแก่เฮง” ได้แล้ว!
วันนี้ ก็เปิดโทรทัศน์รัฐสภา ช่อง ๑๐ ดูได้ เพราะเขาต้องขานชื่อ-ออกเสียงเป็นรายตัว กว่าจะครบ ๔๙๒ คน คง ๒ ชั่วโมงขึ้นนั่นแหละ
ดูกันเผินๆ ไม่น่ามีอะไรเป็นอุปสรรคขัดขวางการโหวตเลือกนายกฯ
แต่ดูลึกๆ แล้ว ถ้าผมเป็นทักษิณ ถึงตายก็ตาไม่หลับ
ถ้าปล่อยให้ “นายอนุทิน-ภูมิใจไทย” เหยียบซากเพื่อไทยแหงนหน้าหัวเราะฮ่ะๆๆๆฮ่าๆๆๆ ดังก้องฟ้า “ทีเอ็งข้าไม่ว่า ทีข้าเอ็งก็อย่าโวย”!
เรื่องบุญคุณ ทักษิณจำไม่ค่อยได้ แต่เรื่องความแค้น กลับจำฝังใจ ฉะนั้น…”เมื่อข้าไม่มีความสุข เอ็งก็อย่าหวังว่าจะมีความสุข”
๔ เดือน ของรัฐบาลภายใต้พันธสัญญาพรรคประชาชน กับงานเพื่อชาติบ้านเมืองและประชาชน ภายใต้เวลาจำกัด กองสูงปานภูเขา
นั่นหนึ่งอุปสรรค
แค้นนี้ ทักษิณต้องชำระอีกหนึ่ง
ทั้ง ๒ ประเด็นนี้ จะเป็นปัญหาตรึงแขน-มัดขา “รัฐบาลเสียงข้างน้อย” ของนายกฯ อนุทินให้ยุ่งยากลำบากใจในการทำงานทุกวันไป
“มันเอาแน่” ทั้งใต้ดิน-บนดิน ชนิดไม่ยอมให้ตั้งหลัก เพราะเกมนี้ มี “การดำรงอยู่-การล่มสลาย” ของอาณาจักรเพื่อไทย เป็นเดิมพัน!
นี่…เมื่อวาน (๔ ก.ย.๖๘) ทักษิณก็บินออกนอกประเทศไปแล้ว ด้วยเครื่องบินส่วนตัวจากดอนเมือง
ก็สร้างความวุ่นวายอยู่พักใหญ่ ว่าจะให้เดินทางออกนอกประเทศได้หรือไม่?
การท่าอากาศยาน และตม.ตรวจสอบเอกสารการเดินทางแล้ว พบว่า คดีตามมาตรา ๑๑๒ สิ้นสุดแล้ว
พาสปอร์ตที่เคยถูกอายัดก็ได้รับการปลดล็อกแล้ว สามารถเดินทางออกนอกประเทศได้
ส่วนคดี ป่วยทิพย์ ชั้น ๑๔ ที่ศาลฎีกาฯ นัดให้ไปฟังคำสั่งวันที่ ๙ กันยา.ก็ไม่ได้กำหนดเงื่อนไขจำกัดสิทธิการเดินทางแต่อย่างใด
ทักษิณกับคณะจึงบินไปสบายๆ
ตามข่าวบอกว่า ทักษิณอ้างจะไปพบแพทย์ ตรวจสุขภาพที่สิงคโปร์ ๒ วัน
จะกลับมาฟังคำสั่งศาลในวันอังคารที่ ๙ กันยา.แน่นอน!
แพทย์ที่สิงคโปร์จะเก่งกว่าแพทย์ที่โรงพยาบาลตำรวจหรือโรงพยาบาลพระราม ๙ ขนาดนั้นเชียวหรือ ถึงต้องบินไปตรวจรักษาที่นั่น?
เกิดแพทย์สิงคโปร์ตรวจแล้ว ลงความเห็นว่า เส้นเอ็นเปื่อยยุ่ย อาจอันตรายถึงชีวิตได้ถ้าห่างแพทย์ ให้พักรักษาอยู่สิงคโปร์
แล้ว ๙ กันยา.จะทำยังไง ….
คุกไทยก็ร้างลูกค้าระดับ VVIP ไปน่ะซี!?
