3 กันยายน 2568 พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า “วันนี้ เป็นที่น่าดีใจที่นายณัฐพงศ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน แถลงสนับสนุนนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นนายกรัฐมนตรีและได้ลงนามในเอ็มโอยูตามข้อตกลง 5 ข้อนั้น เป็นการทำการเมืองแบบใหม่ตามวิถีประชาธิปไดย ต่างจากบางพรรคการเมืองใช้วิธีสกปรก โดยไม่คำนึงถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นกับระบอบประชาธิปไตย”
“วันนี้ สังคมได้เห็น ธาตุแท้พรรคการเมืองบางพรรค ที่ใช้นิสัยนักการเมืองเก่าๆพยายามปล่อยข่าวให้เกิดความสับสนในสังคม การยุบสภาเป็นพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ (มาตรา 103 วรรคหนึ่ง) พระมหากษัตริย์ในฐานะประมุขแห่งรัฐทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจที่จะยุบสภาผู้แทนราษฎรเพื่อให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใหม่ แต่จะทรงใช้พระราชอำนาจนั้นได้ก็ต่อเมื่อนายกรัฐมนตรีเสนอเท่านั้น ซึ่งในวันนี้ น.ส.แพทองธารฯ อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ถูกศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้พ้นหน้าที่เนื่องจากฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง และมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (5) ทั้งนี้ นับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคําสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 ประกอบมาตรา 82 วรรคสอง และเมื่อความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (5) แล้ว รัฐมนตรีทั้งคณะต้องพ้นจากตําแหน่งตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 167 วรรคหนึ่ง (1) โดยให้นํามาตรา 168 วรรคหนึ่ง (1) มาใช้บังคับกับการปฏิบัติหน้าที่ของคณะรัฐมนตรี”
“ทั้งกฎหมายรัฐธรรมนูญ และคำพิพากษาศาลรัฐธรรมนูญคดีดังกล่าว บอกไว้อย่างชัดเจนว่า รัฐมนตรีทั้งคณะต้องพ้นจากตําแหน่งตามรัฐธรรมนูญ นั่นหมายความว่า “สถานะความเป็นรัฐมนตรีหมดไปแล้ว” ไม่สามารถดำเนินการใดๆได้ เว้นแต่กรณี มีเหตุผล”ความจำเป็น“ตามกฏหมายเท่านั้น ซึ่งเรื่องนี้ตามกฏรัฐธรรมนูญและ พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 ระบุไว้ชัดเจน และนายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ยืนยันชัดเจนว่า ไม่สามารถทำได้”
พล.ต.ท.ปิยะฯ กล่าวว่า “เหตุที่ยุบสภา ในขณะนี้ สภาผู้แทนราษฎร ก็ปกติดี ไม่ได้ทำความผิดกฎหมาย หรือฝ่าฝืนระบอบประชาธิปไตยแต่อย่างใด เหตุผลในการยุบสภาไม่มี จะอ้างว่า คืนอำนาจให้ประชาชนได้ตัดสินใจเลือกตั้งใหม่ ก็ไม่สามารถอ้างได้ เพราะสภาฯนี้ก็มาจากการเลือกตั้งของประชาชน พรรคเพื่อไทยจะอ้างว่า ถึงทางตัน และโยนบาปไปให้พรรคประชาชน ก็ทำไม่ได้แล้ว เพราะขณะนี้ ทุกพรรคการเมืองเดินถูกต้องตามครรลองประชาธิปไตย ที่มีปัญหา ก็คงเป็นพรรคเพื่อไทยที่ไม่มีใครสนับสนุนแล้วขี้แพ้ชวนตีมากกว่า”
“ขณะนี้ พี่น้องประชาชน ได้เห็นชัดแล้ว พรรคเพื่อไทยพยายามทุกวิถีทางไม่ว่า จะทำลายระบบนิติรัฐหรือระบอบประชาธิปไตยเพื่อให้ได้ครองอำนาจต่อถึงวันที่ 9 กันยายนนี้ เพื่อหวังให้มีผลเปลี่ยนแปลงในการพิจารณาในคดีชั้น 14 ที่จะถึงนั่นเอง
นายภูมิธรรมฯ และหลายๆคน คงจะคิดว่า ตนเองเป็นรักษาการฯมีอำนาจ แต่คำพิพากษาศาลรัฐธรรมนูญคดีดังกล่าว บอกไว้อย่างชัดเจนว่า รัฐมนตรีทั้งคณะต้องพ้นจากตําแหน่งตามรัฐธรรมนูญ นั่นหมายความว่า นายภูมิธรรม พ้นจากการเป็น รมต.แล้ว เพียงแค่ให้ “ทำหน้าที่” เพื่อรอคณะรัฐมนตรีใหม่มารับตำแหน่งเท่านั้น การเสนอที่เป็นปัญหา เพื่อ กราบบังคมทูลฯ อาจจะเป็นการกระทำที่ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี จะต้องยึดถือแนวทางตามหนังสือ ที่ นร 0508/ว 3447 ลงวันที่ 7 ธ.ค. 2564 โดยเคร่งครัด ถ้าไม่มีการเสนอหรือไม่มีโปรดเกล้าฯ ให้มีการยุบสภา นายภูมิธรรมฯ นายสรวงศ์ฯ นายวิสุทธิ์ฯ จะรับผิดชอบอะไรบ้าง”