เปลว สีเงิน
ก่อนจะคุยกัน…
ได้ยินเสียงชาวบ้านที่กันทรลักษ์ ศรีสะเกษ ระบายกับนักข่าวโทรทัศน์ ถึงความพะว้า-พะวัง เพราะไม่รู้ว่าเขมรจะยิงตูมตามเข้ามาอีกตอนไหน
แล้วเธอบอกว่า…..
“ก็จัดหนัก-จัดเต็มให้มันจบๆ กันไป จะได้สงบกันซะที”!
ผมก็ว่า มันน่าจะเป็นอย่างนั้น
แต่ก็นั่นแหละ รัฐบาลเราเป็นประเภท “พระเอกหนังไทย” ต้องยอมเจ็บตัวให้ผู้ร้ายไล่กระทืบก่อน ยอมเสียเปรียบก่อน เพื่อรักษามาดพระเอกสุภาพบุรุษ
น่วมตีนไปทั้งตัวแล้วดีแล้ว ค่อยประคองสังขารขึ้นร้อง สันติภาพ..สันติภาพ!
นั่นมันในหนัง แต่ในชีวิตจริง พระเอก-นางเอก หน้านวลอยู่ในทำเนียบ ในสภา
คนที่เสียเปรียบและถูกไล่กระทืบ คือชาวบ้านและทหารที่ขาขาดจากกับระเบิดที่เขมรลอบเข้ามาวาง!
สงครามน่ะ ไม่ได้ตัดสินที่ความชอบธรรมเสมอไป
เขาตัดสินที่ผล “แพ้-ชนะ” และการยึดครองเป็นส่วนใหญ่
ผู้ยึดครองเท่านั้น จะได้เป็นฝ่าย “เสนอเงื่อนไข” ให้อีกฝ่ายยอมรับโดยไม่สามารถปฎิเสธใดๆ
ตามธรรมนูญสงคราม “ความชอบธรรม” มันอยู่ตรงนี้ตะหาก ไม่เชื่อก็ไปถาม ทรัมป์ ถามปูติน ถามสี จิ้นผิง ถามผู้นำทั้งโลกดูก็ได้!
คำว่า “เข็ดหลาบ” มันใช้ไม่ได้กับเผ่าพันธุ์ลิ้นสองแฉกอย่างเขมร
มันต้องอัดให้ “หลาบจำ-หลาบตีน” นั่นแหละ มันถึงจะแหยง ไม่กล้ามาแหยมกับไทยไปอีกนาน
เพราะอย่างนี้ บุรพมหากษัตริย์ไทยผู้สร้าง “กรุงรัตนโกสินทร์” ท่านจึงวางดวงเมืองไว้ที่ทหาร!
พลเรือนบริหารประเทศก็อย่างที่เห็นอยู่ตอนนี้ เอาแต่รำหน้าฉาก จนตัวโกงมันปล้ำนางเอกอยู่หลังฉากเรียบร้อยแล้ว ก็ยังรำไม่เสร็จ
พูดกันตรงๆ ถ้ากองทัพ..ครับ..กระผม กับรัฐบาลไปทุกเรื่อง
อย่าว่าจะได้พื้นที่ ๑๑ แห่ง…..
“ภูมะเขือ, ช่องอานม้า, ปราสาทตาเมือนธม, ช่องบก, ปราสาทโดนตวล, สัตตะโสม, ช่องจอม, ช่องสายตะกู, พระวิหาร, พลาญยาว และพื้นที่ปราสาทตาควาย กลับคืนมาเลย
เราอาจเสียดินแดนให้เขมรเพิ่มขึ้นอีกซะด้วยซ้ำ จากการรุกล้ำแล้วรัฐบาลทำนิ่งเฉย!
ก็ดูซี คน ๑๐๐ คน ไว้วางใจในการปกป้องผลประโยชน์ชาติของรัฐบาล แค่ ๔ คน แต่ไว้วางใจทหาร ร่วม ๘๐ คน มันบ่งบอกอะไร?
กับเขมร มันตุกติก ลอบกัดไทย จนทหารขาขาดไปแล้ว ๕ นาย บาดเจ็บอีกหลายนาย
แบบนี้ ใครเป็นนายกฯ ต้องโกรธควันออกหู แล้วแอกชั่นทั้งการทูตและการทหารกับเขมรในบัดดล
แต่ภูมิธรรม แทนที่จะโกรธและแอกชั่นกับเขมร กลับโกรธและแอกชั่นกับคนที่ออกมาวิจารณ์บทบาทรัฐบาล!?
เมื่อวานทั้งวัน เรื่องรักษาการนายกฯ ตัดพ้อเชิงตำหนิ “พล.ท.บุญสิน พาดกลาง” แม่ทัพภาค ๒ กรายๆ
ที่ขอรับการสนับสนุน “ลวดหนามหีบเพลง” จากประชาชน เป็นประเด็น “ฮอต-ฮิต” มาก
หลังจาก “นายกฯ รักษาการ” บอกว่า…..
“ที่ผ่านมา ยื่นอะไรมา เราก็อนุมัติหมด ทั้งงบประมาณหรือกำลังพล จริงๆ ยังไม่จำเป็นถึงขั้นขนาดไปขึ้นเพจขอให้ประชาชนมาช่วย
เพราะจะทำให้เกิดความไม่เข้าใจ รัฐบาลไม่มีอะไรขัดขวาง ซึ่งผมจะเรียนให้แม่ทัพภาค ๒ ได้ทราบ เดี๋ยวผมจะโทรคุย….”
“ลวดหนามมันตำใจ” น่ะ!
ตกบ่ายๆ เพจกองทัพภาคที่ ๒ จึงปรากฎข้อความนี้
“ขอแสดงความขอบคุณอย่างสูงต่อรัฐบาล หน่วยงานราชการ ภาคเอกชน และประชาชนทุกภาคส่วน
ที่ได้ให้การสนับสนุนลวดหนามหีบเพลงมายังกองทัพภาคที่ ๒ อย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา
การสนับสนุนดังกล่าว มีส่วนสำคัญยิ่งต่อการเสริมสร้างความพร้อมด้านการป้องกันพื้นที่และรักษาความมั่นคงของประเทศ
ปัจจุบัน กองทัพภาคที่ ๒ ได้รับลวดหนามหีบเพลงเพียงพอต่อความต้องการใช้งานแล้ว เพื่อให้การบริหารจัดการทรัพยากรเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และไม่เกิดการรับเกินความจำเป็น
จึงขอประกาศ “ปิดการรับการสนับสนุน” ลวดหนามหีบเพลงไว้แต่เพียงเท่านี้
กองทัพภาคที่ ๒ ขอขอบคุณทุกความร่วมมือและน้ำใจจากทุกภาคส่วนที่ได้ร่วมกันสนับสนุนภารกิจปกป้องอธิปไตยของชาติ
และขอให้ทุกท่านมั่นใจว่ากองทัพภาคที่ ๒ จะใช้ทรัพยากรที่ได้รับอย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อความปลอดภัยและความมั่นคงของประเทศ”
เรื่องนี้ เอาชัดๆ จากปาก “โฆษกกองทัพบก” ดีกว่า
“พลตรี วินธัย สุวารี” แถลงว่า….
“รัฐบาลและกองทัพ มีงบประมาณเพียงพอ แต่ติดขัดในกระบวนการจัดซื้อตามกฎหมาย ซึ่งต้องใช้เวลาอย่างน้อย ๑ เดือน
และหากไม่ปฏิบัติตามระเบียบ อาจทำให้ผู้จัดซื้อมีความผิด
ซึ่งในสถานการณ์ปัจจุบัน มีความจำเป็นต้องใช้ลวดหนามหีบเพลงทันที
โดยเฉพาะ ๔ จังหวัดชายแดน “อุบลฯ-ศรีสะเกษ-สุรินทร์-บุรีรัมย์” จึงต้องขอรับการสนับสนุนจากประชาชน“
ลวดหีบเพลงสเปกที่ทหารใช้ ไม่มีในท้องตลาด ต้องสั่งผลิตจึงใช้เวลานานขึ้นไปอีก ยืนยันว่า ไม่ใช่เรื่องของงบประมาณ ซึ่งงบประมาณมีอย่างเพียงพอมีแค่เรื่องเวลา”
สรุป…..
เหมือนไฟกำลังไหม้บ้าน ต้องรองบซื้อเครื่องดับเพลิง รอการอนุมัติจัดซื้อ รอการประกวดราคา กว่าจะได้เครื่องดับเพลิง บ้านเหลือแต่ซาก
ที่จะให้รวดเร็ว-ฉับไว เหมือนงบ “ซอฟต์ พาวเวอร์” นั่นน่ะ ก็ต้องดูด้วย…มัน ลูกใคร?!
กับปัญหาเฉพาะหน้า ๔ จังหวัดชายแดน มันก็ต้องขอแรงชาวบ้านรอบๆ นั่นแหละ ช่วยกันก่อน
และเท่าที่ผมดู เห็นเพจกองทัพภาค ที่ ๒ ประกาศขอรับการสนับสนุนตอนกลางคืนที่ ๑๒ สิงหา.
รุ่งขึ้น ดูโซเชียลมีเดีย โอ้โฮ ถนนทุกสายในประเทศ รถบรรทุกลวดหนามหีบเพลง มุ่งหน้าสู่กองกำลังสุรนารี สุรินทร์ ยังกะขบวนกฐิน!
นี่มันเรื่องจิตวิทยาอย่างหนึ่ง ในขณะที่รัฐบาลกลัวเสียหน้า
แต่ทางกองทัพ เข้าใจดีว่า การศึกต้องได้ใจประชาชนร่วม
การขอรับการสนับสนุน ประชาชนไม่รู้สึกว่าประเทศชาติขาดเงิน
ตรงกันข้าม กลับเต็มใจและยินดี
ที่กองทัพให้เกียรติ มีอะไรก็บอกประชาชน ให้ประชาชาชนได้มีส่วนร่วม อย่างนี้ที่เรียกว่า “รักกันจริง”
และข้อเท็จจริงอีกอย่าง ก็เป็นตามที่ “พลตรีวินธัย” แถลง งบประมาณน่ะมี แต่มันมีระเบียบปฎิบัติ กว่าจะได้ลวดหนาม..ก็เป็นเดือน
รอเป็นเดือน ไม่รู้ทหารต้องขาขาดอีกกี่คน?
ประเทศก็เหมือนคน คนมี ๒ ขา ก้าวเดินในจังหวะเดียวกัน ก็ไปถึงจุดหมายสมูธๆ
ประเทศ ก็มี ๒ ขา คือ ขารัฐบาล กับขากองทัพ ก้าวเดินในจังหวะเดียวกันหรือไม่ ถ้าถามใจประชาชน พอมองออก
ถ้าให้ถามใจรัฐบาล ผมก็พอมองออก แต่ “พูดไม่ออก” เท่านั้นเอง!
อ้าว…คุยซะลืมเรื่องสำคัญแล้วไหมล่ะ!
คดี “คลิปเสียงการสนทนา” ระหว่าง “นายกฯ แพทองธาร ชินวัตร” กับ “ฮุนเซน” นั้น
เมื่อวาน (๑๓ ส.ค.) ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล้ว กำหนดนัด ไต่สวนพยานบุคคลอีก ๒ ปาก
คือ “นางสาวแพทองธาร” และ “เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ” ในวันพฤหัสบดีที่ ๒๑ ส.ค.เวลา ๑๐.๓๐ น.
ผู้ร้องหรือผู้ถูกร้องที่ประสงค์จะแถลงการณ์ปิดคดีให้ยื่นเป็นหนังสือต่อศาลภายใน วันพุธที่ ๒๗ ส.ค.หากไม่ยื่นภายในกำหนดถือว่าไม่ติดใจยื่น
ศาลฯ นัดแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือ และลงมติ ในวันศุกร์ที่ ๒๙ สค.๖๘ เวลา ๙.๓๐ น.
นัดฟังคำวินิจฉัย เวลา ๑๕.๐๐ น.เป็นต้นไป ณ ห้องพิจารณาคดี ชั้น ๓ ศาลรัฐธรรมนูญ
อืมมมม….เหมือนกรรมบันดาล
คดีพ่อ “ทักษิณ ชินวัตร” ในความผิดฐานดูหมิ่นสถาบันตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๒ ความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ กรณีให้สัมภาษณ์สื่อทีวีที่เกาหลีใต้ พาดพิงดูหมิ่นสถาบัน เมื่อปี ๒๕๕๘
ศาลอาญา นัดฟังคำพิพากษา ๒๒ ส.ค.๖๘ เวลา ๑๐.๐๐ น.
คดีลูก “แพทองธาร ชินวัตร” ฐานไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และมีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืน หรือไม่ปฎิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง
ศาลรัฐธรรมนูญ นัดฟังคำวินิจฉัย ๒๙ ส.ค. เวลา ๑๕.๐๐ น.
ก็ขอ “ยุติธรรมจงสถิต” แก่ท่านทั้งสอง อาเมน!
เปลว สีเงิน
๑๔ สิงหาคม ๒๕๖๘
