พ่อลูก “กรวดในรองเท้า” #เปลวสีเงิน

เปลว สีเงิน

หน้าที่รบ “เป็นของทหาร” หน้าที่เจรจา “เป็นของรัฐบาล”
ฉะนั้น วันนี้ (๒๘ ก.ค.๖๘)
นายภูมิธรรม นายกรักษาการของไทย กับนายฮุนมาเนต นายกฯ เขมร จะไปนั่งโต๊ะเจรจากันที่ประเทศที่ ๓ คือ มาเลเซีย
โดย นายกฯ อันวาร์ เป็นตัวกลาง

ถามว่า เพราะเจ้าโลก “ทรัมป์”สั่ง ด้วยเงื่อนไขว่า…
ถ้าไทย-เขมรไม่เจรจา “ยุติการสู้รบ” กันละก็ “เขาจะไม่เจรจาข้อตกลงการค้ากับทั้งสองประเทศอย่างนั้นใช่ไหม?”

คำตอบจากผมมีว่า “ก็คงมีส่วน” แต่ไม่ทั้งหมด
เพราะอย่างไรก็ตาม เมื่อถึงจุดหนึ่ง “ไทย-เขมร” ก็ต้องเจรจากันอยู่ดี

แต่เมื่อเจ้าโลกอุตส่าห์สวมบท “ท้าวมาลีวราช” ทอดสะพานให้เดิน ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ไทยเราจะต้องเกี่ยงงอน
เพราะประเด็นหลักของปัญหา “ไม่ได้อยู่ที่การเจรจา”
แต่มันอยู่ที่ผลการเจรจานั้น เป็นไปตาม “หลักการ-เงื่อนไข”ว่าด้วยอธิปไตยในดินแดนของไทยหรือไม่ ก่อนที่จะไปสู่จุด “ยุติการสู้รบ”?

อีกอย่าง การได้เผชิญหน้าซึ่งกันและกัน อย่างน้อย ก็จะได้รู้ท่าทีของอีกฝ่ายที่นำไปสู่การประเมินสถานการณ์ได้ ดีกว่าไม่เห็นหน้าและท่าที่ฝ่ายตรงข้ามเลย

คณะที่ไปกับนายภูมิธรรม ก็มีนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ, พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม และนพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช

ก็อย่างที่บอกนั่นแหละครับ “เจรจาก็ส่วนเจรจา” ฝ่ายรัฐบาลก็ว่ากันไปบนโต๊ะ

ส่วนในสนามสู้รบ ในเมื่อเขมรไม่ยอมหยุด “เปิดก่อน” ตลอด ๔ วัน ทหารไทยก็ต้องทำหน้าที่พิทักษ์อธิปไตยเหนือดินแดนไทยต่อไป แบบมีคุณธรรม

คือ แม้เขมรจะใช้โล่มนุษย์ แต่ไทยยอมเสียเปรียบ ตอบโต้เฉพาะทหาร หลีกเลี่ยงที่จะทำให้ชาวบ้านบาดเจ็บล้มตาย เหมือนอย่างที่เขมรทำกับไทย!

สรุป คือ…..
รัฐบาลเจรจา ก็ว่ากันไป
แต่ทหาร ก็รบรักษาแผ่นดินไทยต่อไป ส่วนจะยุติการสู้รบกันเมื่อไหร่-ตอนไหนนั้น
อยู่ที่รัฐบาล เมื่อไปเจรจามาแล้ว ต้องเอาประเด็นที่ไปตกลงและไม่ตกลงกับเขมรมาแบให้ทหารดูว่า จะโอเค.ตามนั้นหรือไม่?

ถ้าเรื่องไหนรัฐบาลไปตกลงกับเขมรมา
แต่ทหารบอก “ไม่เอาด้วย”
มันก็ต้องรบเพื่อปกป้องและเอาแผ่นดินไทยในส่วนที่เขมรรุกล้ำเข้ามายึดครองไปเอากลับคืนมาต่อไป

ดังนั้น พวกเรา-ชาวบ้านทั้งหลาย ไม่ต้องห่วง ไว้ใจกองทัพของเราได้ ไม่มีทางที่จะปล่อยให้นักการเมืองไปมุบมิบตกลงกับเขมรเหมือนตอนยุค “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์”

บางท่าน เมื่อเห็นนายภูมิธรรม “ยาสามัญประจำบ้าน” ของทักษิณเป็นคนไปเจรจา ก็ระแวง
ไม่ต้องระแวงหรอก เพราะอย่างน้อย คำที่พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม บอกนักข่าวก่อนบินไปร่วมเจรจากับเขมรที่มาเลย์ เมื่อวานว่า….

“ระหว่างนายภูมิธรรมพูดคุยกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ผม, เลขาธิการนายกฯ, รมว.ต่างประเทศ, เลขาฯสมช.อยู่ในวงพูดคุยด้วย
ทางเราบอกไปว่า “รับดำเนินการ”

แต่ขอให้เป็นไปตามกลไกและกระบวนการ เพราะประเทศไทยปกครองระบอบประชาธิปไตย
เราฟังเสียงประชาชน มีกลไกรัฐบาล แตกต่างจากทางกัมพูชาที่ ปกครองโดยคนสองคนหรือสามคน
เขาจึงสามารถตอบได้ทันทีว่า เยสหรือโน

แต่ของเรา ต้องหารือในรัฐบาลก่อน ไม่สามารถที่จะตอบได้เพียงแค่คน-สองคนหรือสามคน ต้องมีคณะพูดคุย คณะเจรจา ที่สำคัญต้อง “ฟังเสียงประชาชน” ด้วย

และนายภูมิธรรมเอง ก็พูดเป็นมั่น-เป็นเหมาะว่า….

“นายโดนัล ทรัมป์ เองเห็นว่าสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้น เป็นความรุนแรงที่เขาไม่ประสงค์อยากจะเห็น ซึ่งเราก็เห็นตรงกัน
แต่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ก็ให้ความเห็นว่า หากยังไม่หยุดยิงก็ไม่สามารถเจรจาทำการค้ากับทั้งสองประเทศได้
ซึ่งผมได้ยืนยันว่า “ไม่มีปัญหาเพราะเป็นไปตามหลักการอยู่แล้ว” แต่อย่างไรก็ตามยืนยันว่า

“เงื่อนไขของเราคือ ต้องการให้เขมรสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนไทย ไม่ใช่ว่ายอมหรือไม่ยอม แต่เรายึดถือประชาชนเป็นหลัก”

ผมบันทึกลงแผ่นทองคำหนัก ๒ สลึงไว้แล้วว่า

ทั้งนายกรักษาการและทั้งรมช.กลาโหม ซึ่งเป็นตัวแทนทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายทหาร ยืนยันหนักแน่นเป็นหลักการไว้แล้วว่า

ไทยจะยุติยุทธการ “สั่งสอนเขมร” หรือไม่ นั้น
“ต้องฟังเสียงประชาชน” ด้วย รัฐบาลจะไปมุบมิบตกลงกันเองไม่ได้!

“รัฐบาลเพื่อไทย” ท่านได้ยินเสียงสะท้อนจากชาวบ้านผ่านคลิปตามโซเชียลขณะนี้บ้างหรือไม่?

เขาไม่เชื่อรัฐบาล, ไม่เชื่อ-ไม่เอา นายกฯ แพทองธาร, ไม่เชื่อ-ไม่เอา นายทักษิณ
เขาเอา-เขาเชื่อกองทัพ, เขาเอา-เขาเชื่อทหาร!

ไม่ได้หมายความว่า ประชาชนต้องการให้ทหารยึดอำนาจ แต่เขาหมายถึง รัฐบาลนี้ นอกจากพึ่งไม่ได้ แก้ปัญหาให้ประชาชนไม่ได้แล้ว

“นายกฯ และพ่อนายกฯ” ยังเป็นตัว “นำปัญหา” มาสู่บ้านเมืองจนเกิดการกระทบกระทั่งด้วยอาวุธระหว่างไทย-เขมรตามชายแดน

นอกจากทหารต้องกรำศึกแล้ว….
ประชาชนพลอยเดือดร้อน ต้องบาดเจ็บ-ล้มตาย โดยไม่รู้อิโหน่-อิเหน่ไปด้วย

จากเหตุ “พ่อลูกตระกูลชิน” ผลประโยชน์ขัดกันกับ “พ่อลูกตระกูลฮุน”!

เมื่อประชาชนกับทหารมีอุดมการณ์เพื่อชาติ, ศาสน์, กษัตริย์ตรงกัน ประเด็นแรก ก็มั่นใจ อุ่นใจ ได้ว่าประเทศชาติบ้านเมืองไปรอดและไปรุ่งแน่

ประเด็นที่สอง รัฐบาลจะไปตกลงอะไรกับเขมร ต้องเคลียร์ให้กองทัพและประชาชนได้รู้เรื่องจนเข้าใจ และพอใจ
ขืนไปงุบมิบ แบบ “มีนอก-มีใน” หรือเอาอธิปไตยไทยไปแลกกับ “ภาษีทรัมป์” ซึ่งเป็นแค่ “เศษเนื้อข้างเขียง”
มีเรื่องแน่….

ไม่เพียงประชาชนไม่ยอม ผมมั่นใจ กองทัพก็ไม่ยอมด้วย!

เราคงได้ยินนิทานชาวบ้านเรื่อง “ตาอินกับตานา” กันมาแล้ว ประเด็นพิพาทชายแดนไทย-เขมร นี่เหมือนกัน

ความจริง เทียบกับปัญหาโลกขณะนี้ มันจิ๊บจ๊อย แค่ขนตาหล่นเข้าตา กะพริบสองสามทีก็ออก
แต่ถึงขนาดทรัมป์ต้องคุยด้วยตัวเองกับ ๒ ประเทศให้เจรจาสงบศึก ขณะบินไปสกอตแลนด์ ในขณะที่ไทยกำลังจะ “เผด็จศึก”เขมรแบบเบ็ดเสร็จ

ไม่ฉงนใจกันบ้างหรือว่า ทำไมทรัมป์ต้องให้ความสำคัญกับปัญหาเด็กตีกันถึงขนาดนี้?

ต้องไม่ลืมว่า อะไรที่สหรัฐฯ ไม่มี “ผลได้-ผลเสีย” แค่หางตา สหรัฐฯ ก็ไม่แล!

แต่นี่ ทรัมป์ลงมาเป็นท้าวมาลีวราช เปิดทางหนีตายให้เขมร ก็ลองช่วยกันเดาซิว่า
สหรัฐฯ กำลังต้องการอะไร “จากเขมร” หรือ “จากไทย” ที่โดดมาทำหน้าที่ “ตาอยู่”?

อย่าลืม….เรื่องสงครามน่ะ ไทยหยุด (นาน) แล้ว
แต่เขมร…ปากว่าหยุด แต่มันถล่มใส่ก่อนพระออกบิณฑบาตทุกเช้า!

แล้วเชื่ออะไรมันได้ ถึงมีสัญญิง-สัญญา ก็มีไป แต่มันหาปฎิบัติตามไม่
ฉะนั้น ต้องสั่งสอนให้สุด หยุดเมื่อมันศิโรราบตามแผนที่ ๑:๕๐๐๐๐!

เปลว สีเงิน
๒๘ กรกฏาคม ๒๕๖๘

Line Open Chat *เพิ่มช่องทางการรับข่าวสาร จากเว็บไซต์ *อ่านคอลัมน์ เปลว สีเงิน ก่อนใคร *ส่งตรงถึงมือทุกคืน *เปิดกว้างเพื่อแฟนคอลัมน์พูดคุยแบบกันเอง ทุกเรื่องราว ข่าวสารบ้านเมือง สังคม ฯลฯ
Written By
More from pp
เพิ่มสวัสดิการคนเมือง ทำได้ทันทีภายใน 100 วันที่ ‘วิโรจน์’ เป็นผู้ว่าฯ กทม.
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. เบอร์ 1 พรรคก้าวไกล เดินทางถึงชุมชนตึกแดง เขตบางซื่อ ด้วยรถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง (มอเตอร์ไซค์วิน) เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการกระจายรายได้และสนับสนุนประชาชนคนตัวเล็กในพื้นที่
Read More
0 replies on “พ่อลูก “กรวดในรองเท้า” #เปลวสีเงิน”