เปลว สีเงิน
กูบอกมึงแล้วว่า “อย่าแหย่เสือหลับ”
แต่มึง “สองพ่อลูกขแมร์” ก็ไม่เชื่อ
แล้วเป็นไงล่ะ?
เจอตบกบาลสั่งสอนด้วยปฎิบัติการ “จักรพงษ์ภูวนาถ” อันสุนทรและถูกตามนาบด้วย “ยุทธบดินทร์” แบบเอื้ออาทรเข้าเท่านั้นแหละ
อิ่มแปร้ ร้องไม่ออกเป็นหมาจุกตีนไปเลยมั้ยล่ะนั่น!?
แต่สันดานกะล่อนโลกคงเส้น-คงวา ทั้งที่จุกตีน ยังไม่วายตัดต่อภาพปล่อยเฟกนิวส์ คุยโขมงทำเป็นเจ๋ง ว่ายิง F-16 ของไทยตก
โธ่เอ้ย…ไอ้ขแมร์ตูดด่าง
มึงทำได้ก็แค่แหงนคอตั้งบ่า เหมือนหมาเห่าเรือบินเท่านั้นแหละ!
เก่งนัก….
ไม่ใช่รบเก่ง แต่เป็นปากเก่ง กวนตีนเก่ง กะล่อนในทางฟ้องเก่ง ใช้จรวด BM 21 หลับหู-หลับตายิงเข้ามาถล่มไทย
แต่แทนที่จะถล่มใส่ในสมรภูมิสู้รบ
กลับถล่มใส่โรงพยาบาล โรงเรียน หมู่บ้าน ปั๊มน้ำมัน ร้านค้า ทั้งที่สุรินทร์ ที่ศรีสะเกษ ที่อุบลราชธานี และบุรีรัมย์
เรียกว่า ทหารเขมรเปิดแนวรบถล่มไทยพร้อมๆ กัน ๕-๖ จุด ตลอดแนว เป็นผลให้ชาวบ้าน
ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เสียชีวิตเป็นสิบ บาดเจ็บอีกจำนวนมาก!
การยิงถล่มใส่โรงพยาบาลและหมู่บ้าน มันไม่ใช่การสู้รบทางการทหาร
แต่มันเป็นการก่อ “อาชญากรรมสงคราม” โดย ๒ อาชญากร ๒ พ่อลูกขแมร์!
ยิงถล่มใส่ไทยก่อน จะๆ แจ้งๆ เห็นกันทั้งโลกขนาดนี้ ๒ พ่อลูกอาชญากรสงคราม “ฮุนเซน-ฮุนมาเนต” ยังมีหน้าแถลงข่าวว่า“ถูกไทยรังแก”
และฟอร์มสันดานเขมรเขาละ ตีหัวชาวบ้าน แล้วรีบแจ้งความก่อนว่าตัวเองถูกทำร้าย
นี่เหมือนกัน จะรบกับทหารไทย แต่ดันยิงใส่โรงพยาบาล ยิงใส่ชาวบ้าน แล้วรีบทำหนังสือฟ้องให้ยูเอ็นช่วย
ช่วยมาหย่าศึกให้หน่อย เขมรถูกไทยรังแก!
ไอ้สันดานเอ๊ย เขารู้กันทั้งโลกแล้วหละ ว่าเขมรเป็นฟาร์มแกะที่มี ๒ พ่อลูกเป็นคนเลี้ยง เป็นทั้งตัวตลก ทั้งตัวทุเรศ
ในสังคมโลก เขารู้เช่นเห็นชาติ จนแทบไม่มีใครอยากคบด้วย
อย่างเหตุการณ์ เช้า ๒๔ กรฏาคม ๒๕๖๘ เขมรเปิดสงครามย่อย โดยยิงถล่มไทยพร้อมกัน ๖ จุด
ที่ปราสาทตาเมือนธม, ปราสาทตาควาย, ช่องบก, เขาพระวิหาร (ห้วยตามาเรีย/ภูมะเขือ), ช่องอานม้า และช่องจอม
“กองทัพไทย” รู้ล่วงหน้าเป็นเดือนๆ อยู่แล้ว ตั้งแต่เห็นอังเคิล “เฒ่าสารพัดพิษ” เริ่มตั้งแง่กับรัฐบาลที่ช่องบก
เหตุไม่ได้มาจากเรื่องขัดแย้งกับประเทศไทยโดยตรงหรอก
โน่นแน่ะ….
มันมาจากเรื่องผลประโยชน์ที่ตกลงกันไว้แต่ไม่เป็นไปตามที่ตกลงกันนั่นแหละ ระหว่าง ๒ เฒ่าเจ้าเล่ห์โลภ “เขมร-ไทย”!
คงไม่ต้องให้ผมเอ่ยชื่อให้เป็นเสนียดปาก ท่านก็คงรู้ว่ามันคือใคร
ฉะนั้น กองทัพเขา “เดาทาง” จากหัวทะลุหางได้โจ้งโป้ง ว่าอังเคิลฮุนมาไม้นี้ ลงท้ายมันต้องได้ฉึ่งกันแน่นอน!
เพราะสไตล์แบบนี้ของเขมร ไม่ใช่เพิ่ง มีมาตั้งแต่สมัยเจ้านโรดม สีหนุ “ยุค ๒๕๐๐” โน่นแล้ว คือยิงถล่มไทยแล้วฟ้องโลก
ราวๆ ปี ๒๕๐๙-๑๐ สีหนุยิงถล่มเข้ามาทางหาดเล็ก อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด สุดแดนเชื่อมเขมร
ถนนหนทางจากหาดเล็กไปตัวจังหวัดตราด พังเป็นหลุม-เป็นบ่อหมด
ที่จำได้ เพราะไปทำข่าว ขี้เมาหยำเป ผมน่าจะถูกเขมรเชือดไปแล้วตอนนั้น แต่รอดมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ วันหลังจะเล่าให้ฟัง!
กฎกติกาโลกมีอยู่ว่า ในระหว่างประเทศ ฝ่ายไหนยิงก่อน ฝ่ายนั้นผิด!
ฉะนั้น จะเห็นว่า เขมรทำตัวเป็นดาวยั่วมาตลอด หวังให้ไทยเปิดก่อน แต่ไทยก็ไม่ยอมเปิด
อดทน อดกลั้น ขันติไว้ แต่เก็บข้อมูลพฤติกรรมระยำหมาไม่แดกของเขมรไว้หมด เพราะประเมินแล้ว สุดท้าย เขมรอดรนทนไม่ไหว
มันต้อง “เปิดก่อน” แน่!
ก็จริงซะด้วย เขมรสองพ่อลูกเปิดก่อนตลอดแนวรบ บุรีรัมย์ สุรินทร์ อุบลฯ ศรีสะเกษ
ไทยก็เลย “กิน ๓ ต่อ” เข้าฮอสไปเลยรายการนี้!
ต่อแรก เรารู้ โลกรู้ว่า “ไทยถูกรังแก” เพราะเขมรเปิดก่อน
ต่อที่สอง ไทยตอบโต้เพื่อป้องกันประเทศ พร้อมถือโอกาส “สะสางบัญชี” ทั้งเก่า-ทั้งใหม่
ถล่มยึดพื้นที่ช่องบก, ช่องอานม้า, พื้นที่ซำแต อ.กันทรลักษ์,
จุดตรวจการณ์ภูผี ตรงข้ามปราสาทโดนตวล, จุดตรวจการณ์เขาสัตตาโสม,
เขาพระวิหาร, วัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ, ภูมะเขือ (ทำลายกระเช้าส่งกำลังได้บางส่วน)
ช่องจอม, พื้นที่ปราสาทตาควาย และพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม
ต่อที่สาม ให้เขมร ๒ พ่อลูก ขี่ม้าสามศอกไปฟ้องศาลโลกด้วย จ้างก็ไม่มีใครเชื่อคำพูดเขมรที่เป็นครอบครัว “คนเลี้ยงแกะ”
ยุทธการ “ผู้ใหญ่ไม่รังแกเด็ก” ของไทยรอบนี้ ทำให้ฮุนเซน-ฮุนมาเนต กลายเป็น “อาชญกรสงคราม” ที่จะต้องถูกสังคมโลกประณามและลงโทษ!
เพราะกองทัพเขมร ไม่ได้ทำยุทธการกับกองทัพไทย
แต่กองทัพเขมร ฆ่าประชาชนทั้งเด็ก ทั้งผู้ใหญ่ ยิงจรวดถล่มโรงพยาบาล หมู่บ้าน ชุมชน ร้านค้า พินาศ
ผิดทั้งกฎหมาย กฎมนุษย์ และกฎบัตรสหประชาติ
ส่วนทหารไทย แม้เจ็บ-ตาย ในยุทธการ ถือเป็นเรื่องของการยุทธ์ ความจริงรอบนี้ ก็มีแค่ แข้งขาถลอก หัวสิวหนุ่มแตกเป็นหลักใหญ่
แต่ฝ่ายเขมร เจอ F-16 โฉบขึ้นไปหย่อนไข่ถวายรอบเพลและรอบบ่าย น่าจะอิ่มสบายท้องนอนเกลื่อนกลาดไปอีกนานศตวรรษกว่าจะตื่น
สำหรับพี่น้องไทย ๖-๗ จังหวัดทางอีสาน ที่ต้องบาดเจ็บ-ล้มตาย กลายเป็นเหยื่ออาชญากรสองพ่อลูกเขมร นั้น
“เลือด” จำเป็นมากในยามนี้
ประชาชนทุกท่าน บัดนี้ พี่น้องร่วมชาติของเรา ยังต้องการเลือดในการรักษา เลือดไทย “แดงสีเดียวกัน”
ฉะนั้น ถ้าช่วยกันได้ ก็อยากให้ท่านช่วยไปบริจาคเลือดที่
“ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ” สภากาชาดไทย!
ในต่างจังหวัด ก็ไปบริจาคได้ที่โรงพยาบาลจังหวัดนั้นๆ เช่นที่รพ.สุรินทร์ รพ.อุบลฯ รพ.บุรัรมย์ เป็นต้น
ผมเห็นภาพหนึ่งแล้วซึ้งน้ำใจเขามาก ต้องบอกว่า…
คุณได้ใจผมไปเลย!
นั่นคือ “นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” หัวหน้าพรรคประชาชน ได้ไปบริจาคโลหิตที่ “สภากาชาดไทย” เมื่อวาน เพื่อประชาชนและทหารที่บาดเจ็บ
และอีกคนคือ “นายเนวิน ชิดชอบ” ครูใหญ่ของพรรคภูมิใจไทย เปิดสนามช้างที่ใช้แข่งบอลที่บุรีรัมย์ ให้ชาวบ้านใช้เป็นที่พักพิงหลบภัย
ทำดี ไม่ต้องตีปี๊บ มีคนเห็นเอง
ถึงคนไม่เห็น ผีสางนางไม้และเทวดาก็เห็น ถึงเทวดาไม่เห็น ตัวเราก็เห็น เราภูมิใจ-สุขใจกับสิ่งที่เราทำ-สิ่งที่เราให้ นั่นคือที่สุดของที่สุดของความดีแล้ว!
เอาหละ…ไหนๆ เขมรก็เปิดก่อนให้แล้ว
ไทยก็ควรใช้จังหวะผู้ถูกระทำ ตอบโต้-ป้องกันอธิปไตยของชาติตัวเองให้มันสุดๆ ไปเลย
อะไรที่ครึ่งๆ กลางๆ ค้างคาไว้ ก็คิดบัญชีรวมกันไปทีเดียวให้เบ็ดเสร็จ-เข็ดเขี้ยวกันซะที
รอบนี้ “แต้มต่อในเวทีโลก” ของเราตรึม!
ฉะนั้น รุก ๓ ที ต้องให้เขมรจนมุมคากระดาน ให้มันได้รู้จักเข็ดซะมั่ง เท่าที่สดับตรับฟังเสียงชาวโลก
ไม่มีใครเชื่อคำพูดเขมร มีแต่เข้าใจที่ไทยตอบโต้!
“นายกัว เจียคุน” โฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีนยังแถลงไว้ตอนหนึ่งว่า
“จีนรู้สึกวิตกกังวลอย่างยิ่งต่อการปะทะกันอย่างรุนแรงระหว่างไทยและกัมพูชา ที่นับเป็นการยกระดับความขัดแย้งชายแดนที่ดำเนินมายาวนานระหว่างสองประเทศเพื่อนบ้าน
และหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างเหมาะสม ผ่านการเจรจา และการปรึกษาหารือ”
…………………………………..
ความขัดแย้งล่าสุดปะทุขึ้นในวันพฤหัสฯ เมื่อกัมพูชายิงจรวดและปืนใหญ่เข้ามาในฝั่งไทย และกองทัพไทยได้ส่งเครื่องบินรบ F-16 ดำเนินการโจมตีทางอากาศ
กัมพูชาเป็นพันธมิตรที่มั่นคงของจีนมายาวนาน โดยได้รับเงินลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์ แต่อย่างไรก็ตาม จีนจะยืนหยัดอย่างยุติธรรมและเป็นกลางในเหตุปะทะดังกล่าว
“ปักกิ่งได้พยายามและยังคงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อส่งเสริมสันติภาพและการเจรจา
และมีบทบาทสร้างสรรค์ในการส่งเสริมการบรรเทาและลดระดับความตึงเครียดของสถานการณ์”
เห็นมั้ย….
ฮุนสองพ่อลูก ทำตัวเป็นเด็กเลี้ยงแกะตะโกน “ไทยรุกราน…ไทยยิงเขมรก่อน”
แต่โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีนระบุในคำแถลงเลยว่า
“ความขัดแย้งล่าสุดปะทุขึ้นในวันพฤหัสฯ เมื่อกัมพูชายิงจรวดและปืนใหญ่เข้ามาในฝั่งไทย”
เป็นไงล่ะ “กัมพูชายิงจรวดและปืนใหญ่เข้ามาในฝั่งไทย”
จบมั้ย….ว่าเกมนี้ “ใครเปิดก่อน”?
ไทยน่ะ…ตั้งแต่ประวัติศาสตร์ชาติแล้ว ไม่เคยไปรุกรานใครก่อน แต่ถ้าใครรุกรานมาละก็
ไทยจะ “รุกกลับ” ให้มันรับจน ”ม่อยกระรอก” ไปเอง!
เปลว สีเงิน
๒๕ กรกฎาคม ๒๕๖๘
