16 กรกฎาคม 2568 – ที่ศาลอาญา ศาลนัดสืบพยานฝ่ายจำเลยคดีหมายเลขดำที่ อ.1860/2567 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และ พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 จากกรณีที่นายทักษิณให้สัมภาษณ์กับสื่อเกาหลีใต้เมื่อปี 2558
โดยบรรยากาศบริเวณโดยรอบอาคารศาลอาญาพบว่า มีบรรดามวลชนกลุ่มคนเสื้อแดงจำนวนหนึ่ง เดินทางมาปักหลักเพื่อรอส่งกำลังใจให้นายทักษิณ นอกจากนี้ ยังมีนักการเมืองคนสำคัญทยอยเดินทางมาที่ศาลอาญาเพื่อให้กำลังใจนายทักษิณ เช่น นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เช่นเดียวกับ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ก็ได้เดินทางมายังศาลอาญา โดยบอกกับผู้สื่อข่าวว่า วันนี้มาให้กำลังใจนายทักษิณในฐานะที่เป็นแฟนคลับตัวยงประจำ ทั้งนี้ ไม่ได้เป็นพยานฝ่ายจำเลยของนายทักษิณในคดีนี้ แต่มีทีมทนายความที่เตรียมพยานหลักฐานต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ ซึ่งก็ขึ้นกับดุลพินิจของศาลว่าจะวินิจฉัยอย่างไร ส่วนวันนี้จะมีลูกสาวนายทักษิณเดินทางมาให้กำลังใจหรือไม่ นายสมชายกล่าวว่าตนไม่ทราบ แต่ที่แน่ ๆ คือมีมวลชนและบุคคลรอบข้างมาให้กำลังใจนายทักษิณอยู่แล้ว
ขณะเดียวกัน ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สน.พหลโยธิน ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจศาล กระจายกำลังรักษาความปลอดภัยในพื้นที่บริเวณโดยรอบศาลอาญา
ทั้งนี้ นายทักษิณได้เดินทางมาถึงศาลอาญาในเวลาประมาณ 09.13 น.โดยเดินทางด้วยรถยนต์ Mercedes-Maybach สีดำ – เงิน ทะเบียน ธษ 267 กรุงเทพมหานคร จอดเทียบส่งที่บริเวณประตูด้านข้างอาคารศาลอาญา
ซึ่งนายทักษิณสวมชุดสูทเนคไทสีเหลือง เดินทางมาคนเดียว มีนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความประจำตัวนายทักษิณ ได้มาต้อนรับด้วยตนเองก่อนที่ทั้งคู่จะเดินขึ้นฝั่งประตูข้างอาคารศาลอาญา อย่างไรก็ตาม บริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่หวงห้าม สื่อมวลชนไม่ได้รับอนุญาตให้บันทึกภาพบริเวณดังกล่าว
สำหรับการสืบพยานพิจารณาคดีในวันนี้ จะใช้เวลาตลอดทั้งวันและเป็นการพิจารณาคดีแบบลับ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนหน้านี้ศาลได้สืบพยานโจทก์เสร็จสิ้นในช่วงวันที่ 1-3 ก.ค.ที่ผ่านมา วันนี้เป็นนัดสืบพยานจำเลยนัดเเรก
ภายหลังจากการสืบพยานเสร็จสิ้นเวลา 12.00 น. ทีมทนายความได้แถลงหมดพยาน และศาลนัดพิพากษาคดีนี้ในวันที่ 22 สิงหาคม 2568 เวลา 10.00 น. ส่วนนายทักษิณได้เดินทางกลับโดยรถเบนซ์คันเดิมออกทาง ประตู 7 หน้าศาลแพ่ง ซึ่งขบวนรถของนายทักษิณเข้ามายังเลนซ้ายสุดและสื่อมวชลสังเกตเห็นนายทักษิณโบกมือทักทายสื่อมวลชนและคนเสื้อแดงจากภายในรถยนต์โดยไม่ลดกระจกลงมา ทำให้กลุ่มคนเสื้อแดงโห่ร้องด้วยความดีใจ
ด้านนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้ได้นำพยานจำเลยเข้าสืบรวมทั้งหมด 3 ปาก โดยปากแรกเป็น นายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรี ปากที่ 2 นายธงทอง จันทรางศุ อดีตปลัดกระทรวงยุติธรรม และนายทักษิณ เป็นพยานจำเลยปากสุดท้าย หลังจากการเบิกความได้ปรึกษากับทางทีมงานและตัวนายทักษิณแล้ว จึงแถลงหมดพยาน และไม่ประสงค์สืบพยานอีก จึงแถลงปิดคดีเป็นลายลักษณ์อักษรภายใน 15 วัน ศาลพิจารณาแล้วได้นัดฟังคำพิพากษาคดีนี้ในวันที่ 22 ส.ค. 2568 เวลา 10.00 น.
นายวิญญัติ กล่าวอีกว่า จากเดิมได้เตรียมพยานเอาไว้ 14 ปาก แต่เนื่องจากว่าการสืบพยานที่ผ่านมาทั้งการสืบพยานโจทก์และพยานจำเลยเพียงพอและเหมาะสมแล้ว จึงแถลงหมดพยาน ซึ่งคงจะเปิดเผยรายละเอียดในคดีหรือว่ารายละเอียดการสืบพยานไม่ได้ เพราะเป็นการพิจารณาลับ ทำได้เพียงแจ้งความคืบหน้าแก่สื่อมวลชนเท่านั้น ส่วนเอกสารแถลงปิดคดี ขึ้นอยู่กับศาลว่าจะนำมาพิจารณาประกอบการเขียนคำพิพากษาหรือไม่
เมื่อถามว่าตอนนี้หลังจากสืบพยานทั้งโจทก์และจำเลยแล้วมีความหนักใจหรือไม่ นายวิญญัติ กล่าวว่า ไม่ตอบว่ามั่นใจหรือไม่ แต่เชื่อว่าเรื่องนี้จะได้รับความเป็นธรรม แนื่องจากพยานหลักฐานโจทก์ที่ผ่านมา มีหลายส่วนที่ยังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ และมีหลายส่วนที่เป็นพยานบุคคลที่เป็นพยานความเห็นทั้งสิ้น และทีมทนายความได้พยายามหักล้างว่าเป็นพยานที่มีความอคติและอยู่ฝ่ายตรงข้ามของนายทักษิณแทบทั้งสิ้น อย่างไรก็ตามต้องเรียนตามตรงว่าโจทก์ไม่มีประจักษ์พยานที่จะพิสูจน์ทราบการกระทำความผิดได้ชัดเจน
เมื่อถามว่าเหตุใดจากที่เตรียมพยานไว้ตอนแรกไว้ 14 ปาก แต่กลับเหลือแค่ 3 ปาก นายวิญญัติ กล่าว่า ในส่วนนี้เป็นการประเมินคดีและได้ปรึกษาร่วมกับนายทักษิณแล้วว่าสมควรยุติการสืบพยานเท่านี้ สำหรับฝ่ายจำเลย เนื่องจากการพิจารณาคดีของศาลอาญา ศาลจะพิจารณาพยานฝั่งโจทก์เป็นหลักว่ามีหลักฐานเพียงพอที่จะพิสูจน์ทราบการกระทำความผิดของจำเลยได้มากน้อยเพียงใดหรือไม่ ซึ่งก็ได้ประเมินดูมาโดยตลอด
เมื่อถามว่านายวิษณุ และนายธงทองมาเป็นพยานและให้ความเห็นในด้านใด นายวิญญัติ กล่าวว่า ทั้งคู่เป็นพยานที่เกี่ยวข้องกับช่วงเวลาที่นายทักษิณถูกกล่าวหา และช่วงที่ยังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และเป็นบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญทางกฎหมายและด้านภาษา รวมทั้งเคยแปลและรับรู้ถึงการแสดงออกการกระทำของนายทักษิณว่ามีความจงรักภักดีอย่างไรอยู่แล้ว
เมื่อถามว่านายทักษิณจะเดินทางมาที่ศาลอีกครั้งแค่ในวันนัดฟังคำพิพากษาหรือไม่ นายวิญญัติ กล่าวว่า จะต้องมาอีกครั้งในการรายงานตัวตามคำสั่งศาลในช่วงต้นเดือน เนื่องจากได้รับการปล่อยชั่วคราวเกี่ยวเนื่องจากคดีนี้ จากนั้นจะมาศาลอีกครั้งในวันที่ 22 ส.ค. ซึ่งเป็นวันพิพากษา อย่างไรก็ตามคำสั่งกำหนดนัดรายงานตัวและห้ามออกนอกราชอาณาจักร จะมีผลสิ้นสุดลงหลังจากการฟังคำพิพากษาในศาลชั้นต้น
เมื่อถามว่าท่าทีของนายทักษิณเป็นอย่างไรหลังการสืบพยานเสร็จสิ้น นายวิญญัติ กล่าวว่า วันนี้ตัวนายทักษิณอารมณ์ดี และรู้สึกว่าต้องได้รับความเป็นธรรม
เมื่อถามว่าหลังจากฟังคำพิพากษาแล้วจะมีการเดินทางออกนอกราชอาณาจักร หรือไม่ นายวิญญัติ กล่าวว่า ตนยังไม่ตอบในส่วนนี้ รอดูคำพิพากษาก่อนว่าผลจะเป็นอย่างไร ซึ่งหลังจากนั้นจะมีกำหนดการของการทำงานของนายทักษิณอย่างแน่นอน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับวันนัดฟังคำพิพากษาวันที่ 22 ส.ค.2568 จะเป็นวันครบ 2 ปีที่นายทักษิณเดินทางกลับจากต่างประเทศมาเข้าสู่กระบวนการบังคับโทษพอดี