“เอกนัฎ” ดัน รทสช.เดินหน้าเป็น สถาบันการเมือง แนะสมาชิกทำงานเพื่อประชาชนผ่านสื่อออนไลน์ และพบปะประชาชนต่อเนื่อง

“เอกนัฎ” ดัน รทสช.เดินหน้าเป็น สถาบันการเมือง แนะสมาชิกทำงานเพื่อประชาชนผ่านสื่อออนไลน์ และพบปะประชาชนต่อเนื่อง ขณะ 3 นักการเมืองรุ่นใหม่ รทสช. โพสต์เฟซบุ๊ก ประเด็นร้อนในสังคม ชาวเน็ตแห่แชร์คึกคัก

เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2566  ที่พรรครวมไทยสร้างชาติ กลุ่มนักการเมืองรุ่นใหม่ อดีตผู้สมัคร ส.ส. กทม.ร่วมกันระดมสมองเตรียมขับเคลื่อนกิจกรรมด้านการเมืองอย่างต่อเนื่อง โดยมีนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค และ พ.อ.เฟื่องวิชช์ อนิรุธเทวา ผู้อำนวยการพรรค ร่วมพูดคุย
นายเอกนัฏ กล่าวว่า ตนเชื่อมั่นในศักยภาพของสมาชิกพรรครุ่นใหม่ทุกคนว่าจะใช้ความสามารถในด้านที่มีความเชี่ยวชาญมาช่วยพรรคทำงานทั้งเรื่องของการเดินหน้านโยบายต่างๆ และการสนับสนุน ส.ส.ของพรรคที่จะเข้าสภาฯ เพื่อให้สามารถทำงานเพื่อประเทศชาติได้อย่างเข้มแข็ง

นายเอกนัฏ กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกันเห็นว่าหลายคนก็มีกิจกรรมหลายอย่างที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม และประชาชน ทั้งการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ หรือการจัดการเสวนาพูดคุยกับผู้สนใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกฎหมาย เรื่องการศึกษา เรื่องเศรษฐกิจ หรืออื่นๆ ผ่านสื่อโชเชียล รวมทั้งยังคงลงพื้นที่เพื่อพูดคุย สอบถามปัญหาต่างๆ ของประชาชนอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็น ส.ส.ก็ตาม แต่ทำให้พรรครวมไทยสร้างชาติกลายเป็นพรรคสถาบันการเมืองในการรวบรวมคนคุณภาพ ทั้งรุ่นใหญ่และรุ่นใหม่มาทำงานเพื่อบ้านเมืองต่อไป

ล่าสุด 3 อดีตผู้สมัคร ส.ส. กทม. พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้นำเสนอบทความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว แสดงความคิดเห็นในประเด็นที่กำลังได้รับความสนใจในสังคม ได้แก่ ประเด็น ต่อไปประเทศไทยคงไม่เหมือนเดิม โดย นายเนวินธุ์ ช่อชัยทิพฐ์ https://rb.gy/dtwex เนื้อหากล่าวถึงนโยบายของรัฐบาลที่ผ่านมาที่มีการทำงานสนับสนุน Digital Law หลายฉบับ รวมถึง พรบ.การปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ และการนำเทคโนโลยีมาช่วยสร้างรายได้ให้กับกลุ่มเอสเอ็มอี และเกษตรกร รวมถึงภาคธุรกิจต่างๆ พร้อมจับตาการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้น

ขณะที่ นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ หรือลอรี่ โพสต์ข้อความเรื่องแยกรัฐปาตานี ฉันทามติของใคร หรือเป็นอธิปไตยคนไทยทุกคน? https://rb.gy/e6rdr ระบุไม่เห็นด้วยกับการเคลื่อนไหวดังกล่าว โดยเห็นว่าเจ้าของที่แท้จริงคือ “ประชาชนคนไทย 66 ล้านคน” ที่มีอธิปไตยในประเทศตนเอง ดังนั้นจึงควรทำประชามติจากประชาชนทุกจังหวัด ไม่ใช่แค่บางพื้นที่ในไม่กี่อำเภอ เพราะคนไทยทุกคนเป็นเจ้าของพื้นที่ โดยเชื่อว่าชาว 3 จังหวัดภาคใต้ ยังสามารถหาทางออกร่วมกับประเทศ และอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรม ต่างชาติพันธุ์ ต่างศาสนา และหาทางออกอย่างสันติวิธีได้

ด้าน นายณัฐนันท์ กัลยาศิริ หรือ ทนายบอน โพสต์ข้อความประเด็น เรื่องจับตานักการเมืองมุ่งแก้ไขมาตรา 116 https://rb.gy/2bz69 โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับข้อถกเถียงในประเด็นทางกฎหมายกรณีมีการกล่าวถึงข้อดีจากการที่มีนักการเมืองออกมาเคลื่อนไหว เพื่อแก้ไขมาตรา 116 พร้อมระบุว่า เป็นเรื่องยากที่คนคิดดีกับบ้านเมืองจะกระทำการปลุกปั่นยุยงให้เกิดความไม่สงบในประเทศ และเห็นว่าเป็นกฎหมายที่สมเหตุสมผลต่อความมั่นคงของประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาผู้ที่เคยเป็นนักการเมืองในอดีตต้องคดีนี้ก็ได้ต่อสู้คดีไปตามแนวทางทางกฎหมายไม่มีใครลุกขึ้นมาเพื่อขอให้ยกเลิก เพราะยอมรับว่ากฎหมายมาตราดังกล่าวจะต้องมีเพื่อความมั่นคง และมาตรา 116 ยังทำให้การยุยงให้เด็ก เยาวชน ลงถนนยากขึ้น ยุยงให้แบ่งแยกดินแดนยากขึ้น ยุยงให้ก่อความสงบยากขึ้น ตนจึงยังมองไม่เห็นข้อไม่ดีของการมี มาตรา 11 6 ดังกล่าว

ทั้งนี้การโพสต์ทั้ง 3 ประเด็นของ 3 สมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาตินั้น ปรากฎว่า มีประชาชน สนใจเข้าไปแสดงความคิดเห็นอย่างคึกคัก โดยผู้สนใจสามารถเข้าไปติดตามรายละเอียดได้ตามลิงก์ดังกล่าว

Written By
More from pp
พีพีทีวี ช่อง 36 ร่วมกับ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เตรียมเปิดเวทีประชันวิสัยทัศน์ “เลือกตั้งผู้ว่าฯ แก้ปัญหาคนกรุง ครั้งที่ 2”  ภายใต้หัวข้อ “กทม.โรคระบาด เมืองระบม”
พีพีทีวี ช่อง 36 ร่วมกับ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เตรียมเปิดเวทีประชันวิสัยทัศน์ “เลือกตั้งผู้ว่าฯ แก้ปัญหาคนกรุง ครั้งที่ 2”  ภายใต้หัวข้อ “กทม.โรคระบาด เมืองระบม” ดึงผู้สมัครเลือกตั้งชิงเก้าอี้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้แก่
Read More
0 replies on ““เอกนัฎ” ดัน รทสช.เดินหน้าเป็น สถาบันการเมือง แนะสมาชิกทำงานเพื่อประชาชนผ่านสื่อออนไลน์ และพบปะประชาชนต่อเนื่อง”