ผักกาดหอม
ประเทศไทยมาถึงขั้นนี้ได้ไง…
วานนี้ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย “จิรวัฒน์ อรัณยกานนท์” แถลงข่าว ฟังดูแล้วไม่น่าเชื่อ การเมืองไทยมันจะผิดเพี้ยนไปได้ถึงขนาดนี้
“….ขอยืนยันเสถียรภาพของรัฐบาลภายใต้การนำของน.ส.แพทองธาร ชินวัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม อีกครั้งว่า ท่านมีความมุ่งมั่น ตั้งใจเพื่อที่จะรับผิดชอบร่วมกันในฐานะรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรีและพรรคการเมืองต่างๆ ที่มาร่วมกันลงเรือลำเดียวกัน ที่จะต้องนำนโยบายที่เคยแถลงไว้ต่อรัฐสภา นำไปสู่การปฏิบัติจริงให้ได้มากที่สุด เพื่อประโยชน์ของประชาชนคนไทย…”
“อ้วน-ภูมิธรรม” นั่งหัวโด่ รักษาการตำแหน่งนายกรัฐมนตรี อำนาจเต็มมือ แต่คนในพรรคเพื่อไทยด้วยกันกลับมองไม่เห็น
ราวกับว่าศูนย์กลางอำนาจได้ย้ายจากทำเนียบรัฐบาลไปอยู่ที่กระทรวงวัฒนธรรมเสียแล้ว
เป็นเรื่องตลกร้าย!
รัฐบาลนี้อยู่ภายใต้การนำของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม
พวกที่เอาแต่กลัวรัฐประหาร กลัวรัฐบาลเผด็จการสืบทอดอำนาจ ก็ดูไว้ เผด็จการสืบทอดอำนาจจากการเลือกตั้งก็มีให้เห็นเหมือนกัน
พระราชบัญญัติ ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ หมวด ๖ การรักษาราชการแทน
มาตรา ๔๑ ในกรณีที่นายกรัฐมนตรีไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ให้รองนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รักษาราชการแทน ถ้ามีรองนายกรัฐมนตรีหลายคน ให้คณะรัฐมนตรีมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีคนใดคนหนึ่งเป็นผู้รักษาราชการแทน ถ้าไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ให้คณะรัฐมนตรีมอบหมายให้รัฐมนตรีคนใดคนหนึ่งเป็นผู้รักษาราชการแทน
ฉะนั้น จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยถอดถอนหรือไม่ถอดถอน “แพทองธาร ชินวัตร” เพราะละเมิดจริยธรรมร้ายแรงหรือไม่ “ภูมิธรรม” คือผู้ที่ต้องนั่งหัวโต๊ะในการประชุมคณะรัฐมนตรี
ไม่ใช่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม
รักษาการนายกฯ มีอำนาจและหน้าที่เกือบเท่านายกรัฐมนตรี
แต่มีข้อจำกัดคืออำนาจในการบริหารงานบุคคลและงบประมาณ การแต่งตั้งหรือโยกย้ายข้าราชการการเมือง รวมถึงการอนุมัติงบประมาณแผ่นดินที่อยู่ในอำนาจของนายกรัฐมนตรี
หากรักษาการนายกฯ จะดำเนินการอย่างไรต้องได้รับความเห็นชอบจากนายกรัฐมนตรีตัวจริงก่อน
สำหรับการยุบสภา ที่ถกเถียงกันมากว่า รักษาการนายกฯ มีอำนาจยุบสภาหรือไม่
การยุบสภาเป็นอำนาจเฉพาะตัว
ฉะนั้น รักษาการนายกฯ ไม่สามารถตัดสินใจยุบสภาได้ด้วยตนเอง ในขณะที่นายกรัฐมนตรีตัวจริงยังดำรงตำแหน่งอยู่ แม้จะถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ก็ตาม
แต่ที่พรรคเพื่อไทยยังยึดติดอยู่กับ “แพทองธาร” นั่นเพราะ พรรคเพื่อไทยมีเจ้าของ
และเจ้าของมิใช่ประชาชน
นับเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของการเมืองไทย ที่รัฐมนตรีเข้าทำงานวันแรก มีรองนายกรัฐมนตรีนำคณะข้าราชการการเมือง ข้าราชการประจำ คณะใหญ่ร่วมแสดงความยินดี
แม้ไม่ผิด กฎ ระเบียบ
แต่ขัดประเพณี วิธีปฏิบัติ
มุมหนึ่งเหมือนเป็นการต่อต้านคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ ต้องการแสดงให้เห็นว่าแม้จะถูกพักงานในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่ยังสามารถโชว์การเป็นศูนย์กลางอำนาจในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมได้
ใครจะทำไม!
กระทรวงวัฒนธรรม ในยุครัฐมนตรีคนก่อนคือ “สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล” ไม่ค่อยมีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจมากนัก
คิดอะไรไม่ออกบอก ซอฟต์พาวเวอร์
แต่ยุค “แพทองธาร” กระทรวงวัฒนธรรมกำลังจะเปลี่ยนไป ถนนทุกสายจะมุ่งสู่กระทรวงวัฒนธรรม
ร้อยวันพันปี งานของกระทรวงวัฒนธรรม โฆษกรัฐบาลไม่เคยเอามาแถลง
แต่วันนี้โฆษกรัฐบาลทำหน้าที่โฆษกกระทรวงวัฒนธรรมไปเรียบร้อยแล้วครับ
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โฆษกรัฐบาล “จิรายุ ห่วงทรัพย์” แถลงข่าวใหญ่ กระทรวงวัฒนธรรมตกเป็นข่าวครึกโครม ขึ้นหน้า ๑ หนังสือพิมพ์หลายฉบับ
ในสื่อโซเชียลไม่ต้องพูดถึง
เป็นไฟลามทุ่ง!
จะมีจัดงาน Soft Power ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ “SPLASH-Soft Power Forum 2025” ระหว่างวันที่ ๘-๑๑ กรกฎาคม ณ Hall ๑-๔ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
ภายใต้ความร่วมมือของกระทรวงวัฒนธรรม กรมส่งเสริมวัฒนธรรม คณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ คณะกรรมการพัฒนาและอนุกรรมการทุกสาขา โดยประสานพลังภาครัฐ เอกชน ชุมชน และเครือข่ายนานาชาติ ร่วมจัดงานขึ้น
“จิรายุ ห่วงทรัพย์” แถลงว่า วันที่ ๘ กรกฎาคม เวลา ๑๔.๐๐-๑๕.๓๐ น. นางสาว แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม จะกล่าวเปิดงานในหัวข้อ “Thailand Rising: Tourism, Education and the New Soft Power Frontier”
วันที่ ๙ กรกฎาคม เวลา ๑๓.๐๐-๑๔.๐๐ น. ดร.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีคนที่ ๒๓ จะมาถ่ายทอดวิสัยทัศน์ในหัวข้อ “Crafting the Future: From OTOP to ThaiWORKS and Beyond”
และวันที่ ๑๐ กรกฎาคม เวลา ๑๒.๔๕-๑๓.๔๕ น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีคนที่ ๓๐ ร่วมเสวนากับ “บัวขาว บัญชาเมฆ” และ “เทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ ในหัวข้อ “Rethinking Thai Sports in a Disruptive Era” เป็นงานรวมพล ๓ นายกฯ
ถือป็นบุญของกระทรวงวัฒนธรรมครับ เพราะหากรัฐมนตรีคนเดิมยังบริหารอยู่ ความยิ่งใหญ่ของงานคงได้ไม่เท่านี้
“ทักษิณ” มาเพื่อ?
วิญญาณเสือกทุกเรื่องกลับเข้าสิงร่างอีกแล้วหรือ
แม้ OTOP กับกระทรวงวัฒนธรรมพอถูไถไปได้ เหมือนพยายามหาประเด็นให้ “ทักษิณ” พูด แต่ ณ เวลานี้ ยังไม่ใช่เวลาของ การโชว์วิสัยทัศน์ OTOP
จุดประสงค์ของ “ทักษิณ” ในงานนี้คืออะไร
ตอนไปศาลนั่งรถกันกระสุนหนีนักข่าว
ตอนว่างก็หลบอยู่แต่ในบ้านจันทร์ส่องหล้า
คิดจะกอบกู้ศรัทธาของรัฐบาลคืนมาอย่างนั้นหรือ
ไม่น่าใช่เพราะมันไม่ง่ายขนาดนั้น
แต่ “ทักษิณ” มาเพื่อแสดงถึง “อำนาจ” ที่ยังคงอยู่ต่างหาก
“ทักษิณ” เงียบกริบไม่พูดอะไรที่เกี่ยวข้องกับ “ฮุน เซน” เลย จนพายุถาโถมใส่ลูกสาวอย่างหนัก จนต้องถอยทัพมาเริ่มต้นที่กระทรวงวัฒนธรรม
การไร้ “ทักษิณ” ของรัฐบาลแพทองธาร ก็ไม่ต่างจากลูกแหง่ขาดพ่อแม่
ในขณะที่มีข่าว พรรคส้มกับภูมิใจไทยอาจช่วงชิงตั้งรัฐบาลหาก “แพทองธาร” ถูกถอดถอน พรรคร่วมรัฐบาลคงคิดหนักพอควรว่าจะเดินไปทางไหนต่อ
“ทักษิณ” จำต้องกัดฟันออกมาเป็น สทร.อีกครั้ง เพื่อสร้างความมั่นใจว่า หากลงเหวก็ขอให้พรรคร่วมรัฐบาลกอดคอไปด้วยกัน
ทุรนทุรายครับ!
