ผักกาดหอม
ถึงบทสรุป….
กรณีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สะท้อนการทำงานของรัฐบาลแพทองโพยได้เป็นอย่างดี
โพยไม่มา มือไม่ทำ
คราวนี้เจอโพยจากจีน ถึงกับกุลีกุจอเป็นไฟลนก้น ตัดไฟ ตัดสัญญาณเน็ต ตัดน้ำมัน ไม่ให้เข้าไปในเมียนมา ๕ จุด
แล้วมันแก้ปัญหาได้จริงหรือ?
การจัดการกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เงื้อค้างมาตั้งแต่รัฐบาลเศรษฐา
มีแต่จะทำๆ
หาก หลิว จงอี้ (Mr. Liu Zhongyi) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ไม่เดินทางมากดดัน รัฐบาลก็คงจะยังไหว้ครูอยู่
ไม่ชกสักที
แรกๆ รัฐบาลปฏิเสธว่า การตัดไฟ ตัดเน็ต ตัดน้ำมัน ไม่ได้มาจากแรงกดดันจากจีน
“ภูมิธรรม เวชยชัย” ปฏิเสธเสียงแข็ง ว่ารัฐบาลจีนไม่ได้บีบให้รัฐบาลไทย ทุบจีนเทา
แค่ขอความร่วมมือ
ไม่ว่าจะแปลความว่า กดดัน หรือขอความร่วมมือ แต่ผลไปปรากฏที่ประเทศจีนเรียบร้อยแล้ว
วานนี้ (๗ กุมภาพันธ์) นายกฯ แพทองโพยของเรา เข้าเยี่ยมคารวะ “สี จิ้นผิง” ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน
มีคำพูดของ “สี จิ้นผิง” ที่น่าสนใจครับ
“…จีนสนับสนุนอย่างเข้มแข็งในการปราบปราม ขบวนการหลอกลวง (online scam) การลักพาตัว การค้ามนุษย์ ซึ่งถือเป็นการบั่นทอนผลประโยชน์ของประชาชนจีน
เป้าหมายหลักของทั้งสองประเทศ คือ การปราบปรามกิจกรรมผิดกฎหมาย
ที่ผ่านมาจีนได้ร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านและท้องถิ่นสามารถปราบปรามยาเสพติด จนประสบความสำเร็จ
อาชญากรรมข้ามชาติ ถือเป็นความท้าทาย มีความเสี่ยงสูง
ขอชื่นชมรัฐบาลไทยที่พยายามอย่างเต็มที่และเป็นรูปธรรมโดยเฉพาะการตัดน้ำ ไฟ อินเทอร์เน็ตและน้ำมัน ที่จะสามารถตัดวงจรกิจกรรมที่เป็นอาชญากรรมต่างๆ ได้
และเชื่อว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายปราบปราม จะดูแลความปลอดภัยและผลประโยชน์ของประชาชนทั้งสองประเทศ ด้วยการยกระดับการบังคับใช้กฎหมายทั้งในระดับทวิภาคีและอนุภูมิภาค…”
ทำไม “สี จิ้นผิง” ต้องพูดเรื่องนี้
ไม่ได้เสี้ยมให้ทะเลาะกัน หรือจะให้ไทยเป็นลูกน้องจีนนะครับ
รัฐบาลจีนเขาให้ความสนใจเรื่องจีนเทาที่ออกไปอาละวาดแถบประเทศอินโดจีนมานานแล้ว
ถึงขนาดห้ามคนของตัวเองเข้ามาเล่นกาสิโนในเมียนมา ลาว กัมพูชา รวมไปถึงสิงคโปร์ มาเลเซีย เกาหลีใต้
“สี จิ้นผิง” เคยประกาศชัดเจนว่า เงินจากการพนันไม่มีความสำคัญกับเศรษฐกิจของประเทศจีน
การใช้นโยบายรัฐเพื่อหวังรายได้จากประชาชนผ่านการพนันนั้นเป็นนโยบายที่สิ้นคิด
เพราะการที่ประชาชนติดการพนัน จะทำลายความมั่นคงของชาติ จนทำให้จีนไม่สามารถหยัดยืนเป็นประเทศที่แข็งแกร่ง และต้องตกเป็นเบี้ยล่างของประเทศอื่นในที่สุด!
นี่คือบทเรียนจากสงครามฝิ่นในอดีต ที่จีนเกือบล่มสลาย
ย้อนกลับไปราวศตวรรษที่ ๑๙ ยุคสมัยราชวงศ์ชิง ขณะนั้นจีนอ่อนแออย่างมาก จากปัญหาในราชสำนัก กบฏในประเทศ และการล่าอาณานิคมของชาติตะวันตก
อังกฤษ เข้ามาผ่านบริษัท British East India Company ซึ่งเป็นบริษัทการค้าข้ามชาติของอังกฤษ
บริษัทนี้ มีอำนาจล้น หลังจากรบชนะกองทัพเรือสเปน และทำข้อตกลงกับชาวดัตช์ ในการแบ่งผลประโยชน์การค้าเครื่องเทศ ในอินโดนีเซีย
รวมถึงการล่าอาณานิคมบริเวณ ครอบคลุมตั้งแต่ประเทศอินเดีย ไปจนถึงหมู่เกาะอินโดนีเซีย
แต่การเข้าไปค้าขายกับจีนต่างออกไป เพราะจีนมีระบบการค้าแบบผูกขาดที่แข็งแกร่ง มีการจำกัดการค้าขายกับชาติตะวันตก
จีนยังยึดติดกับระบบบรรณาการ ที่บังคับให้ประเทศที่อยากทำการค้ากับจีน ต้องส่งเครื่องบรรณาการมาถวาย และนับถือจักรพรรดิจีนเสียก่อน
เมื่ออังกฤษไม่สามารถเข้าไปค้าขายในจีนได้สะดวก อังกฤษเองกลับเป็นฝ่ายขาดดุลจีน เพราะต้องนำเข้าสินค้าจากจีนจำนวนมาก แต่ขายของให้จีนไม่ได้
แต่ไม่นานตัวเปลี่ยนเกมกลายเป็น “ฝิ่น”
อังกฤษพบว่า สินค้าที่ขายดีในจีนคือฝิ่น
ฝิ่นเข้าไปทำลายจีนแทบจะย่อยยับ คนจีนสูบฝิ่นตาลอยทั้งวัน งานการไม่ทำ เป็นอย่างนี้อยู่ร่วมสิบปี
ฝิ่นกลายเป็นบ่อเกิดปัญหาตามมามากมาย โดยเฉพาะการคอร์รัปชันในวงราชการ นำไปสู่สงครามฝิ่นถึง ๒ ช่วง
ผลคือจีนแพ้ราบคาบ ถูกบีบบังคับจากอังกฤษ ให้ทำข้อตกลงในสนธิสัญญา ที่จีนเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างมาก
ที่สูญเสียมากที่สุด นั่นคือ ดินแดนในส่วนของเกาะฮ่องกงและเอกราชบนเกาะเกาลูน
นี่คือประวัติศาสตร์ที่ยังฝังใจผู้นำจีนรุ่นหลัง และจะไม่ยอมให้ประชาชนถูกมอมเมาด้วยอบายมุข
“สี จิ้นผิง” ถึงได้ต่อต้านกาสิโนอย่างมาก
โอกาสโกยเงินคนจีนจากกาสิโนไทยจึงแทบเป็นไปไม่ได้
ยกเว้นจีนเทา!
นายกฯ แพทองโพย อาจไม่ลึกซึ้งถึงคำพูดของ “สี จิ้นผิง” ที่บอกว่า “เป้าหมายหลักของทั้งสองประเทศ คือ การปราบปรามกิจกรรมผิดกฎหมาย”
เพราะไทยกำลังจะทำให้กิจกรรมผิดกฎหมาย กลายเป็นถูกกฎหมาย
แต่จีนมีบทเรียนแล้วว่ากิจกรรมผิดกฎหมาย จะนำมาซึ่ง อาชญากรรมข้ามชาติ การหลอกลวง การลักพาตัว การค้ามนุษย์
ต่อให้นำกิจกรรมใต้ดินนี้ขึ้นมาบนดิน
สิ่งที่จะตามมาด้วย ก็ยังคงเป็น อาชญากรรมข้ามชาติ การหลอกลวง การลักพาตัว การค้ามนุษย์ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เหมือนที่ชาติเพื่อนบ้านไทยให้มีกาสิโนถูกกฎหมาย และกลายเป็นฐานที่มั่นของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ การค้ามนุษย์ การลักพาตัว
ลำพังไทยตัดไฟ ตัดเน็ต ตัดน้ำมัน คงได้ผลแค่ระยะสั้น หรืออาจไม่ได้ผลเลย เพราะธุรกิจสีเทาพวกนี้สร้างรายได้มหาศาล
มากพอที่จะทุ่มเงินลงทุนเพิ่มมหาศาล ด้วยการจัดหาพลังงานจากแหล่งอื่น
ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่รัฐของไทย ที่หลับตาข้างเดียวปล่อยธุรกิจสีเทาเติบโตบริเวณชายแดนไทยกับเพื่อนบ้านนั้น รัฐบาลแทบจะไม่พูดถึงเลย
งานนี้ไม่ง่ายครับ
ขณะที่จีนพยายามหนีจากนรก แต่รัฐบาลไทยพาประเทศไปสู่นรก
เปิดกาสิโนในไทยเมื่อไหร่ ปีศาจตามตะเข็บชายแดนจะแย่งกันเข้าไทย
เพราะแท้จริงแล้ว จุดสิ้นสุดของเส้นทางเงินจากธุรกิจสีเทาแนวชายแดน อยู่ในใจกลางกรุงเทพมหานครนี่เอง
![](https://plewseengern.com/wp-content/uploads/2024/09/plew-300x245.jpg)