เปลว สีเงิน
ถ้าผมเป็น “ทักษิณ” นะ จะอวยยศ “สมศักดิ์ เทพสุทิน”
เป็น “สมศักดิ์ เทพทักษิณ”
สลักชื่อลงแผ่นทองคำผนึกไว้หน้าบ้าน “จันทร์ส่องหล้า” เป็นการเชิดชูเกียรติ “ชีวิตนี้เพื่อนาย” ให้เป็นที่ประจักษ์สืบไปของเหล่า “บริวารในคอก” ทั้งหลาย
ก็ดูซี มติแพทยสภา “ลงโทษ” ๓ หมอ ที่ช่วยให้ทักษิณป่วยทิพย์ นอนชั้น ๑๔ รพ.ตำรวจแทนคุก จนถึงวันพักโทษ
สมศักดิ์ในฐานะ “สภานายกพิเศษ” ก็สู้เพื่อนายด้วยการวีโตมติแพทยสภา ชนิ “ตัวตายขอให้นายรอด” เป็นวีรกรรมทิ่มลูกตา ฮือฮากันทั้งแผ่นดิน
เมื่อวาน (๑๒ มิ.ย.) ก็ดังที่ทราบ ผลประชุมชี้ขาดของ ๗๐ กรรมการแพทยสภา ยืนยันมติเดิมแพทยสภา คือ ๓ แพทย์มีความผิด
-พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ แพทย์ใหญ่ รพ.ตร. ถูกพักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม
-พล.ต.ท.โสภณรัชต์ สิงหจารุ อดีตแพทย์ใหญ่ รพ.ตร. ถูกพักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม
ทั้ง ๒ รายนี้ ถูกลงโทษจากเหตุ…….
“ให้ข้อมูลเอกสารทางการแพทย์ที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง”
ส่วนอีกคน “พญ.รวมทิพย์ สุภานันท์” แพทย์ รพ.ราชทัณฑ์ ลงโทษว่ากล่าวตักเตือน ในกรณีประกอบวิชาชีพเวชกรรมไม่ได้มาตรฐาน
เป็นอันว่า ถึงสมศักดิ์แพ้มติ!
แต่การ “สู้เพื่อนาย” จนหยดสุดท้าย ชนิดเงยหน้าไม่อายฟ้า ก้มหน้าไม่อายกิ้งกือ จนเป็นที่นับถือใจในเหล่าอสูรครั้งนี้
ต้องขอนำ “วรรคทอง” ที่สภานายกพิเศษแถลงต่อที่ประชุมแพทยสภาถึงเหตุผลที่เขาต้องวีโต้มติแพทยสภามาบันทึกไว้เป็นเกียรติตรงนี้ ดังนี้
……………………………………
“นายสมศักดิ์ เทพสุทิน” สภานายกพิเศษ
“ท่านทั้งหลายรู้สึกไหมว่า ……
ในเวลานี้ มีผู้คนจํานวนมากขึ้นเรื่อยๆ เริ่มจะเชื่อ ว่าการลงโทษหมอสามคนนี้ เป็นการ “ตีวัวกระทบคราด”
ท่าน “อดีตนายกรัฐมนตรี”เดินทางกลับประเทศภายใต้กระบวนการยุติธรรม และเหลือโทษจําคุกเพียง ๑ ปี
เมื่อเดินเข้าเรือนจํา
ท่านก็ได้รับการตรวจร่างกายเบื้องต้น ตามหลักเกณฑ์ที่ใช้กับผู้ต้องขังแรกรับทุกคน
โดยมีเป้าหมายเพื่อประเมินสุขภาพและความจําเป็นในการรักษา ซึ่งเป็นมาตรฐานเดียวกันกับผู้ต้องขังรายอื่น
เพียงแค่ผู้ป่วยอย่าง “อดีตนายกรัฐมนตรี”คนหนึ่ง ได้รับการส่งต่อไปยังโรงพยาบาลที่มีศักยภาพรองรับการรักษาเฉพาะทางตามความจําเป็น
กลับกลายเป็นเหตุให้แพทย์ ๔ คน ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาในห้วงเวลาดังกล่าว ต้องถูกตั้งข้อกล่าวหาว่า
“ประพฤติผิดจริยธรรม”
ทั้งที่กระทําไปด้วยความรับผิดชอบในวิชาชีพ เพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้ป่วย เท่านั้นหรือ”
อื้อหือ…..
เป็นถ้อยแถลงที่กินใจมาก ท่านสภานายกพิเศษ ทำเพื่อนายชนิดไม่แคร์เสียงโห่ ไม่หวั่นเกี๊ยะที่ปลิวว่อน มีซักกี่คนในคอก “ทำเพื่อนาย” ได้อย่างนี้บ้าง?!
เพื่อไทยนาทีนี้ ต่อให้ไอ้พวกหลี่กงกงในห้องแอร์ ต่อให้นายกฯ น้อยอย่างภูมิธรรม เมื่อเทียบกับผลงานสมศักดิ์ “ชิดซ้าย” ตกส้วมกันหมด
ยอวาทีวีรกรรมท่านสภานายกพิเศษสมศักดิ์ไปแล้ว
ทีนี้ มาฟังคำแถลง “ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา” อุปนายกแพทยสภา ถึงมติที่ประชุมคณะกรรมการแพทยสภาเมื่อวานกันบ้าง
…………………………………….
“ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา” อุปนายกแพทยสภา
“กรณีการพิจารณาคดีจริยธรรมของแพทย์ที่เป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ในกรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตํารวจเกี่ยวกับการประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม
การประชุมคณะกรรมการแพทยสภา ครั้งที่ ๖/๒๕๖๘ ประจําเดือน มิถุนายน ในวันที่ ๑๒ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๖๘ มีวาระสําคัญ คือ
การพิจารณาหนังสือ “ยับยั้งมติลงโทษ” ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของคณะกรรมการแพทยสภา จากสภานายกพิเศษแห่งแพทยสภา
วาระนี้ มีกรรมการแพทยสภาเข้าร่วมประชุม จํานวน ๖๘ คน จากจํานวนกรรมการแพทยสภาที่มีสิทธิลงคะแนนทั้งสิ้น ๖๙คน
ได้พิจารณาการ “ยับยั้งมติแพทยสภา” ของสภานายกพิเศษ
มีมติด้วย คะแนนเสียง “เกินกว่าสองในสาม” ของคณะกรรมการฯที่มีสิทธิลงคะแนนทั้งคณะ
ยืนยัน “ตามมติเดิม”………..
ของคณะกรรมการแพทยสภาเมื่อวันที่ ๔ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๖๘
กระบวนการต่อไป แพทยสภาจะออกคําสั่งบังคับตามมติและแจ้งให้ผู้เกี่ยวข้อง ได้ทราบต่อไป
……………………………………..
“เทวาสุรสงคราม” ครั้งนี้ พิศดูให้ดี เราจะเห็นอะไรที่ไม่เคยเห็น เพราะไม่เคยมีปรากฎมาก่อนในสังคม
และต้องขอบอกว่าเป็น “นิมิตหมายที่ดี” ของบ้านเมืองไทย ทั้งเป็นสัญญานให้รู้ว่า นับแต่บัดนี้ไป
“สุระ” คือเหล่า “อสูร” ที่เริงเมืองมาช้านาน ถึงคราต้องพ่ายให้กับ “เทวะ” คือเหล่า “เทพ” ที่พร้อมใจกันโดยมิได้มีใครนัดหมายออกมา “พิทักษ์คุณธรรม-นำสังคมชาติ” หลุดพ้นจากวงล้อมอสูร
เป็นปรากฎการณ์ใหม่ทางสังคมขณะนี้ ที่ต้องสนใจจับตามองต่อๆไป เพราะนี่คือ “พลังแห่งทรัพยากรบุคคลคุณภาพของประเทศ”
-กรรมการแพทยสภา มี ๗๐ ท่าน มาประชุมถึง ๖๘ท่าน!
-แพทย์เกือบทุกรุ่น-ทุกสถาบัน นับพัน-นับหมื่น ออกมาสนับสนุน
-มวลชนเพื่อชาติ “ทั้งประเทศ” ให้กำลังใจแพทยสภาทำหน้าที่
ไม่เพียงเรื่องแพทยสภาเท่านั้น
ทั้งเรื่องต่อต้านรัฐบาลที่จะออกกฎหมายทำบ่อนกาสิโน-พนันออนไลน์ โดย “สอดไส้” เอนเทอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์”
“ปัญญาชน-คณาจารย์-บัณฑิตยสภา-นักกฎหมาย-องค์กรศาสนา-เยาวชน” พรั่งพรู-พร้อมเพรียง ออกมาประสานเป็นหนึ่งเดียว
ไม่เอา “กาสิโน-พนันออนไลน์”!
และล่าสุด กรณีเขมรเหิมเกริมรุกล้ำแดนไทย บังอาจทึกทักเอาปราสาทตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด ปราสาทตาควาย ที่สุรินทร์ และช่องบก ที่อุบลฯ ว่าเป็นของเขา
แถมซ่า จะไปฟ้องร้องต่อศาลโลก!
ปรากฏว่า “ไทยรวมเป็นหนึ่งเดียว” โดยพลัน ทหารเป็นแนวหน้า ประชาชนไทยเป็นแนวหลัง ทหารต้องการอะไร พรึ่บเดียวไปกองให้ถึงที่
ในขณะที่ทหารเขมร แทบจะต้องตัดเล็บเท้าไปต้มเกลือคลุกข้าวกิน!
มันเป็นปรากฎการณ์ที่เรียกว่า “ศุภนิมิตมงคล” ของชาติบ้านเมืองไทย ประชาชนทุกหมู่เหล่า “รวมใจ-สามัคคี” ต่อให้ภูเขาขวางหน้า พลังไทยก็ผ่าทะลุ
สังคมชาติกำลังเปลี่ยนยุค ประเทศไทยกำลังลอกคราบสู่ศตวรรรษใหม่ ประชาชนกำลังมีความคิดใหม่ในฐานอนุรักษ์เก่าเป็นแกนของใหม่ด้วยภูมิปัญญาไทยอารยะ
คอร์รัปชันในวงราชการ โกงบ้าน-กินเมือง ในหมู่นักการเมือง จะเป็นสัตว์ในวงศ์เหี้ยยุคสุดท้าย ที่จะถูกประชาชนรุมตีนกระทืบตาย ก่อนศตวรรษใหม่จะมา
ย้อนมาเรื่อง “มติแพทยสภา” เมื่อวาน
ที่ ๙๙.๙๙% เขี่ยการวีโตของ “สมศักดิ์ ณ ชินวัตร” ทิ้งลงถังขยะไป และยืนยันลงโทษ ๓ หมอ “ผิดจริยธรรมแพทย์” ตามมติเดิม
ฐาน “ให้ข้อมูลเอกสารทางการแพทย์ที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง” จนเกิดคำว่า “ทักษิณ-ป่วยทิพย์”
นอนชั้น ๑๔ แพทย์ รักษา ๖ เดือนไม่หาย แต่พอได้รับพักโทษ กลับหายวัน-หายคืน นั้น
นั้นคือ “ใบเสร็จ” จากแพทยสภา ที่ยืนยันว่า “ทักษิณป่วยทิพย์” ซึ่งข้อเท็จจริงนี้ จะมีน้ำหนักต่อการพิจารณาของ “ศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมือง” ในวันนี้(๑๓ มิ.ย.)มากทีเดียว
ถึงวันนี้ ศาลฯ ฟังคำชี้แจงข้อเท็จจริงจากทุกฝ่ายแล้ว แม้จะยังไม่มีคำสั่งไปทางใด-ทางหนึ่ง
ผมอยากให้ทุกท่านได้ทราบถึงประเด็นที่ศาลฯ กำลังค้นหาความจริง คือ ศาลฯ อยากทราบว่า….
“การดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการ “บังคับโทษจำคุก” แก่นายทักษิณ นั้น เป็นไปตาม “หมายจำคุก” เมื่อคดีถึงที่สุดของศาลหรือไม่ อย่างไร?”
เมื่อ “แพทยสภา” ลงมติด้วยเสียงระดับ ๙๙.๙๙%
ว่า “แพทย์ผู้ให้การรักษาให้ข้อมูลเอกสารทางการแพทย์ที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง”
นั่นคือ การให้นักโทษเด็ดขาดทักษิณ นอนชั้น ๑๔ นาน ๖ เดือน ก็พอตอบกันได้เองแล้วมิใช่หรือว่า
การ “บังคับโทษจำคุก” แก่ทักษิณ นั้น เป็นไปตาม “หมายจำคุก” หรือไม่?
อีกไม่ช้า-ไม่นาน…….
เขมรอาจมี “สมเด็จอัครมหาเสนาบดี เดโช ทักษิณ” คู่กับ “เดโช ฮุน เซน” ก็มีความน่าจะเป็นนะ!
เปลว สีเงิน
๑๓ มิถุนายน ๒๕๖๘
