เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2568 เวลา 17.40 น. ณ อาคารรัฐสภา นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ชี้แจงกรณีการใช้งบประมาณด้านประชาสัมพันธ์ว่า การใช้งบในด้านนี้มีความจำเป็น เพื่อฟื้นฟูภาพลักษณ์ประเทศไทยในสายตานักท่องเที่ยวต่างชาติ หลังถูกดิสเครดิตจากบางฝ่าย ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของต่างประเทศโดยตรง พร้อมระบุว่า “ท่านสามารถวิจารณ์รัฐบาลได้ แต่อย่าดิสเครดิตประเทศตัวเอง เพราะสิ่งที่พูดนั้นกระทบต่อภาพลักษณ์ไทยในสายตาต่างชาติ”
นายสรวงศ์กล่าวว่า งบประมาณของกระทรวงฯ ในปี 2569 ไม่ได้มาก แต่จำเป็นต้องใช้ในการเสริมสร้าง Soft Power และประชาสัมพันธ์เพื่อรักษาความเชื่อมั่น โดยเฉพาะในช่วงที่นักท่องเที่ยวจากบางภูมิภาค เช่น จีนและเอเชีย ลดลงจริง ขณะที่ตลาดยุโรปและตะวันออกกลางมีแนวโน้มดีขึ้น เช่น อังกฤษเพิ่มขึ้น 20% อิตาลีเพิ่มขึ้น 22% ตอกย้ำว่านโยบายของรัฐบาลเน้นเรื่องคุณภาพและการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยว มากกว่าจำนวนนักท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียว
ส่วนกรณี “โครงการแอ่วเหนือคนละครึ่ง” ที่ถูกวิจารณ์ในสภาฯ นายสรวงศ์ชี้แจงว่า เป็นเพียงข้อเสนอในที่ประชุมเพื่อช่วยฟื้นฟูพื้นที่ท่องเที่ยวในภาคเหนือที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ไม่ใช่นโยบายหลักของรัฐบาล โดย ททท. มีอำนาจอนุมัติงบประมาณไม่เกิน 8 ล้านบาท และถือเป็นความร่วมมือภายในชุมชนเพื่อเร่งฟื้นตัวช่วงก่อนเข้าสู่ไฮซีซั่น
รัฐมนตรีฯ กล่าวย้ำว่า แม้จะมีสถานการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวหลายด้าน เช่น ตรุษจีนตรงปลายเดือน ม.ค. การเกิดแผ่นดินไหว ฯลฯ แต่รัฐบาลไม่เคยหยุดขับเคลื่อน ยืนยันว่าการโฆษณาและพีอาร์จำเป็นในยุคที่ข่าวลบแพร่เร็ว โดยระบุว่า “เราไม่ได้ปกปิดข่าวร้าย แต่ต้องสร้างสมดุลภาพรวมของประเทศ เพราะองค์กรใด ๆ ก็มีทั้งคนดีและไม่ดี อย่าเหมารวม”
ในประเด็นด้านกีฬา นายสรวงศ์เผยว่า กระทรวงฯ กำลังเร่งแก้ไขปัญหาโครงสร้างพื้นฐานที่ค้างคา เช่น การก่อสร้างสนามกีฬาของการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ที่ยังไม่แล้วเสร็จหรือยังไม่สามารถถ่ายโอนไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้ ซึ่งการเร่งรัดให้แล้วเสร็จนั้น จะช่วยเปิดโอกาสให้เยาวชนได้ใช้พื้นที่ในการฝึกซ้อมกีฬาและพัฒนาทักษะอย่างจริงจัง
พร้อมกันนี้ กระทรวงฯ ได้เสนอแผนการลงทุน “Domestic Power” ในปีงบประมาณ 2569 เพื่อสร้างระบบพัฒนาเยาวชนเข้าสู่เส้นทางนักกีฬาอาชีพอย่างเป็นรูปธรรม ตั้งแต่ระดับโรงเรียนจนถึงระดับทีมชาติ โดยจะเชื่อมโยงกับนโยบายส่งเสริมกีฬาเป็นอาชีพ ผ่านความร่วมมือกับหน่วยงานทั้งภาครัฐ เอกชน และองค์กรกีฬาในภูมิภาคทั่วประเทศ
นายสรวงศ์กล่าวว่า “การสร้างนักกีฬาอาชีพไม่ใช่แค่การจัดแข่งหรือมอบทุนเท่านั้น แต่ต้องลงทุนกับโครงสร้างพื้นฐาน โค้ชที่มีคุณภาพ และการดูแลอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เยาวชนไทยมีเส้นทางสู่การเป็นนักกีฬาระดับโลกได้จริง”