พปชร. กระทุ้งถาม นายกฯ กล้า เปิดเผยข้อมูลเยือนลอนดอน หรือไม่ ระวังคนยื่นร้อง สตง. และปปช. ตรวจสอบ

28 พฤษภาคม 2568 พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ถาม น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กรณีเดินทางโดยเบิกงบประมาณของทางราชการซึ่งเป็นภาษีของประชาชน และเป็นปัญหาที่พี่น้องประชาชนสงสัย โดยกล่าวว่า “ท่านนายกฯ กล้าเปิดเผยข้อมูลบินลอนดอน หรือไม่” ในประเด็นต่างๆ ที่พี่น้อง ประชาชนมีความสงสัย ดังนี้

1.การเดินทางไปเยือนต่างประเทศอย่างเป็นทางการของท่านนายกฯ ในครั้งนี้ และ ไปตามคำเชิญของประเทศอังกฤษ หรือไม่ หน่วยงานใดเป็นผู้เชิญ ภารกิจของนายกรัฐมนตรีในการเยือนอย่างเป็นทางการครั้งนี้ มีการพบปะนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีใดๆ ของอังกฤษ หรือไม่ หรือมีการลงนามทางการค้าใดๆ กับภาครัฐและภาคธุรกิจ ของประเทศอังกฤษ แลหรือมีการลงนามข้อตกลง MOU ใดๆ เพื่อเกิดประโยชน์กับประเทศไทยหรือไม่ และ อย่างไรก็ตามจากการออกข่าวว่า ภารกิจบุกเบิกตลาดอียูที่อังกฤษ นั้น ไปประชุมเรื่องดังกล่าวที่ไหน เพราะ อังกฤษออกจากสหภายุโรป หรือEUด้วยการลงมติ Brexit ตั้งแต่ 23มิถุนายน พ.ศ. 2559 แล้ว

2.การเบิกงบประมาณที่ใช้ทั้งหมดเท่าไร ใช้งบประมาณ 200 ล้านบาทใช่หรือไม่ รายชื่อคณะทีมงานที่ร่วมเดินทาง ตลอดจนกำหนดการทั้งหมด ต้องเปิดเผยได้ ที่สำคัญ มีนายปิฎก สุขสวัสดิ์ และ นายคณาพจน์ โจมฤทธิ์ ร่วมเดินทางหรือไม่ ในฐานะข้าราชการประจำ ข้าราชการการเมือง ที่ปรึกษา หรือฐานะใด และมีการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ สำหรับคนสองคนนี้หรือไม่ ในกรณีไม่ได้เดินทางไปตามคำเชิญนายปิฎกฯ ควรร่วมคณะ และเบิกค่าใช้จ่ายหรือไม่

3.การประชุมที่สถานเอกอัครราชทูตไทยในลอนดอน ทั้ง 3 กลุ่ม และการแจกประกาศให้กับร้านอาหารไทยอังกฤษ ที่ห้องประชุมในสถานเอกอัครราชทูตไทย ในกรุงลอนดอนและใช้เวลาไม่นานนัก เป็นการคุ้มค่าและเหมาะสมหรือไม่

4.เสร็จการประชุม ที่สถานทูตไทย ณ กรุงลอนดอน จัดขึ้นรวบ 3 คณะในที่เดียวกันแล้ว และใช้เวลาไม่นาน แล้วท่านนายกฯ ขอแยกไปภารกิจส่วนตัว ไม่ให้ข้าราชการติดตามหรือทราบภารกิจ นั้นเป็นเรื่องใด เป็นภารกิจลับส่วนตัวหรือภารกิจในฐานะนายกรัฐมนตรี

5.การเดินทางไปเยี่ยมชมร้านขายของชำ wing yip super สาขา Cricklewood และ สถานออกกำลังกายFight City Gym – Moorgateนั้น ได้มีการนัดหมายล่วงหน้ากับผู้บริหารหรือผู้มีอำนาจตัดสินใจ มีการกำหนดหัวข้อพูดคุย หรือมีการลงข้อตกลงใดใดหรือไม่

และที่สำคัญ ท่านนายกฯ อ้างว่า จะเป็นการเพิ่มช่องทางจัดจำหน่ายสินค้าไทย จะทำด้วยวิธีใด เพราะเจ้าของห้างฯ ดังกล่าวเป็นคนจีน และจำหน่ายสินค้าอุปโภคและบริโภค ที่มาจากทั่วเอเชียไม่ใช่ เฉพาะไทย ส่วนสถานออกกำลังกาย Fight City Gym – Moorgate ที่เดินทางไปเยี่ยมชมนั้น ไม่ใช่ค่ายมวยไทยตามที่เสนอข่าว แต่เป็น Gym ทั่วไปที่ใช้เพื่อออกกำลังกายและเปิดสอนศิลปะการต่อสู้ หลากหลาย เช่น คาราเต้ ยิวยิตสู มวยปล้ำ มวยสากล มวยไทยเป็น1ในหลักสูตรที่Gym สอนเท่านั้น ท่านนายกฯมีความเข้าใจเรื่อง soft power แค่ไหน และมีการเจรจาแนวทางพัฒนา soft power มวยไทยอย่างไร และสถานที่ทั้งสองแห่ง ไม่ได้มีศักยภาพในการขับเคลื่อนโครงการใดมากนัก เพราะต้องเป็นไปตามความต้องการของลูกค้า

6.การไปดูแข่งรถF1 ที่ประเทศโมนาโค ได้มีการนัดหมายผู้บริหาร ของ F1 ล่วงหน้าหรือไม่ ประสานงานกับผู้บริหารคนใด หรือไปเพียง ยืนถ่ายรูปประกอบการเบิกเงินหลวง เพราะทาง F1 ไม่ได้มีการออกข่าวว่าจะมาจัดงานที่ประเทศไทยแต่ประการใด

“ภารกิจการเดินทางไปราชการอย่างเป็นทางการ นายกรัฐมนตรีไทยทุกกรณี ถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดินทุกบาท ต้องเดินทางไปทำภารกิจให้กับรัฐบาล ประเทศชาติเท่านั้น ไม่ใช่การเดินทางไปเพื่อภารกิจส่วนตัวใดๆ การนัดหมาย และเตรียมข้อมูล ล่วงหน้าผ่านหน่วยงานต่างๆต้องทำล่วงหน้านานนับเดือน แต่มีข่าวลือ จากสถานทูตไทยประจำกรุงลอนดอน ว่ามีภารกิจด่วนแทรกเข้ามาเพื่อให้ดูเหมือนว่า ไปราชการและในหลายสถานที่ ก็ ไม่ได้พบคีย์แมนคนสำคัญ เพียงแต่พบแค่ผู้จัดการหรือคนดูแลเท่านั้น การใช้งบประมาณภาษีของพี่น้องประชาชน ไปใช้ จำนวนมากเช่นนี้ โดยเปล่าประโยชน์และไม่เหมาะสม แทนที่จะเอางบประมาณดังกล่าว ไปแก้ไขแก้ไขยาเสพติด แก้หนี้ครัวเรือน ให้ทุนการศึกษาเด็กเรียนดีแต่ยากจน ช่วยเหลือเกษตรที่ยากจน หรือส่งเสริมศักยภาพการแข่งขันทางธุรกิจ จะเป็นประโยชน์สำหรับประเทศชาติจะดีกว่า”

พล.ต.ท.ปิยะฯ กล่าวว่า “ขณะที่สภาวะเศรษฐกิจยังคงมีปัญหา ภาคธุรกิจย้ายฐานการผลิต ประชาชนยากจนลงและทยอยตกงาน หนี้ครัวเรือนสูงขึ้น การแก้หนี้ครัวเรือนไม่ได้ผล จากข้อมูลของบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร) เปิดเผยข้อมูลว่า โครงการ “คุณสู้ เราช่วย” คนยังเข้าโครงการต่ำกว่าเป้าหมายที่คาดมีลูกหนี้เข้าข่าย 1.9 ล้านลูกหนี้ มูลค่า 8.9 แสนล้านบาท โดยพบว่ายอดลงทะเบียนเข้าโครงการถึงวันที่ 19 พฤษภาคมมีลูกหนี้ลงทะเบียนแล้ว 1.3 ล้านลูกหนี้ คิดเป็น 1.7 ล้านบัญชี ในจำนวนนี้ยื่นลงทะเบียนเข้ามามีคุณสมบัติผ่านเกณฑ์ ณ วันที่ 30 เมษายน 2568 เพียง 5.8 แสนลูกหนี้ คิดเป็น 30% ของเป้าหมายโครงการ คิดเป็นยอดมูลค่าสินเชื่อรวมที่เข้าโครงการ 4.3 แสนล้านบาท คิดเป็น 48% ของเป้าหมายโครงการ แต่จากลูกหนี้ที่ผ่านเกณฑ์ 5.8 แสนลูกหนี้ ยอดรวมที่ 4.3 แสนล้านบาท เข้ามาทำสัญญาจริงแค่ 3.15 แสนลูกหนี้ คิดเป็น 16.5% ของเป้าหมายโครงการ และมียอดหนี้รวม 3.46 แสนล้านบาท คิดเป็น 39% ของเป้าหมายโครงการ ทำให้เห็นความล้มเหลวของโครงการอย่างชัดเจน”

“การใช้จ่ายเงินงบประมาณที่เป็นภาษีอากรของประชาชนในครั้งนี้ ยังเป็นที่เคลือบแคลงสงสัยของสังคมโดยรวม อยากเตือนระวังคนยื่นร้อง สตง. และปปช. ตรวจสอบ เพราะคณะกรรมการป.ป.ช. เคยมีมติชี้มูลความผิด ข้าราชการ นักการเมือง ระดับชาติ และท้องถิ่น ในการใช้งบประมาณเดินทางราชการไปทำภารกิจส่วนตัวทั้งในและต่างประเทศ ที่ไม่เหมาะสม

ท่านนายกฯพึงระวังการใช้งบประมาณ ให้ถูกต้องตามระเบียบฯ และเหมาะสม เนื่องจากเงินงบประมาณเป็นภาษีอากรของพี่น้องประชาชน ไม่ใช่เงินส่วนตัวของท่านเอง และควรปฏิบัติตามกฎหมายโดยเคร่งครัด มิฉะนั้น จะเกิดปัญหาทางกฎหมายติดตามมาในภายหลัง หลายเรื่องเป็นการที่ทำผิดกฏหมายอย่างชัดเจน

เช่น ในกรณีที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาสั่งยึดทรัพย์ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี 10,028 ล้านบาทจากคดีจำนำข้าวนั้น นายกฯแชร์สตอรีของพรรคเพื่อไทย โดยระบุข้อความว่า “22 พฤษภา ถูกปล้นความยุติธรรมซ้ำแล้วซ้ำเล่า” แสดงว่าท่านไม่ได้อ่านคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดให้ชัดเจน แล้วไปโพสต์ทำนอง ถูกศาลปกครองสูงสุดกลั่นแกล้ง ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการละเมิดอำนาจศาลหรือดูหมิ่นศาล ซึ่งอาจจะเป็นเหตุให้รับโทษทางกฎหมายได้

ถ้าท่านนายกฯ อ่านคำ พิพากษาให้ชัดเจน จะเห็นได้ว่าศาลปกครองสูงสุดมีความปราณีอย่างที่สุด โดยแยกการกระทำของอดีตนายกรัฐมนตรี ออกเป็นสองส่วน และในส่วนหลังซึ่งเกิดความเสียหายกว่า 3 หมื่นล้านบาท ศาลฯ ได้ปราณีให้ชดใช้เพียงครึ่งนึง คือเพียงแค่หมื่นล้านบาทเท่านั้น ถ้าศึกษาในรายละเอียดคดีนี้จะเห็น ตัวผู้กระทำผิดเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาตามกฏหมายของอดีตนายกฯเอง

และในกรณีนี้ ได้มีทั้งหน่วยงาน สตง.และ ปปช. แจ้งเตือน อดีตนายกฯ ทั้งเป็นลายลักษณ์อักษรและ ผ่านช่องทางต่างๆ ซึ่งประชาชนรู้ และวิญญูชนที่มีหน้าที่จะต้องมีการระงับ ยับยั้งไม่ให้ความเสียหายนั้นเกิดขึ้น ซึ่งเป็นการกระทำผิดฐาน จงใจปล่อยปละละเลย หรือละเว้นการปฏิบัติการตามหน้าที่

ซึ่งประเด็นนี้ ศาลฯ มีเพียงคำพิพากษาให้ชดใช้การความเสียหายที่เกิดขึ้น กรณีนี้ ท่านนายกฯแทนที่จะยอมรับและขอบคุณในความปราณีของศาลฯ กลับด่าประจาน ให้ประชาชนหลงเชื่อว่า ศาลฯกลั่นแกล้ง ไม่ยุติธรรม ครั้งแล้วครั้งเล่า ซึ่งเป็นการไม่เหมาะสม”

Written By
More from pp
ไม่เอา ‘ก้าวไกล’ – ผักกาดหอม
ผักกาดหอม โซเชียลร้อนฉ่า! วานนี้ (๒๑ กรกฎาคม) พรรคการเมืองเคลื่อนไหว ชิงไหวชิงพริบกันวินาทีต่อวินาทีเลยทีเดียวครับ ราวกับนัดแนะกันมาก่อน
Read More
0 replies on “พปชร. กระทุ้งถาม นายกฯ กล้า เปิดเผยข้อมูลเยือนลอนดอน หรือไม่ ระวังคนยื่นร้อง สตง. และปปช. ตรวจสอบ”