‘เหล้าใหม่’ ในไหเก่า #เปลวสีเงิน

เปลว สีเงิน

กับเรื่องบางเรื่อง…..
เราให้ความเงียบในหัวใจของแต่ละคนตอบ กระจ่างจิตจะมีผลด้านสะท้อนคิดของแต่ละตัวคนเป็นคำตอบที่ “ทรงอิทธิพล” ยิ่งกว่าฟังศาสดาใดสอน

อย่างกรณีนี้……….
เมื่อวาน (๑๑ พ.ค.๖๘) ตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เพ็ญกลางเดือน ๖ เป็น “วันวิสาขบูชา” คือเป็นวันที่ “พระพุทธองค์ ประสูติ-ตรัสรู้-ปรินิพพาน” ตรงวันเดียวกัน

หลายท่านบอกคำสอนพระพุทธองค์มีมากถึง ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ อยากทราบว่า ธรรมข้อไหนเป็นหัวใจพระพุทธศาสนา?

พระพุทธองค์ได้แสดงหลักการที่เรียก “หัวใจพระพุทธศาสนา” ไว้ใน “พระปาฏิโมกข์” ว่า

“สัพพะปาปัสสะ อะกะระณัง”
-การไม่ทำบาปทั้งปวง

“กุสะลัสสูปะสัมปะทา”
-การทำกุศลให้ถึงพร้อม

-“สะจิตตะปะริ โยทะปะนัง”
-การชำระจิตของตนให้ขาวรอบ

“เอตัง พุทธานะ สาสะนัง”
ธรรม ๓ อย่างนี้ เป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย

เท่าที่ผ่านมาในรอบใกล้ร้อยปี เท่าที่ผมเห็น เมืองไทย “วันวิสาขบูชา” เป็นวันสำคัญยิ่งใหญ่ ชาวบ้านทำบุญตักบาตร เวียนเทียน แต่ละวัดจัดแต่งประทีปโคมไฟและประดับธงทิวธรรมจักร

สมที่ไทยได้รับยกย่องให้เป็น “ศูนย์กลางพระพุทธศาสนา” ในปัจจุบัน
แต่เมื่อวาน โทรทัศน์ “ช่องวัน” รายงานภาพและข่าว ดังนี้
……………………………………………….

“ข่าวช่องวัน”

พิธีทำบุญตักบาตรเนื่องในวันวิสาขบูชา ที่ “วัดพระธาตุดอยสุเทพ” จ.เชียงใหม่ พระเณร 700 รูป แต่มีคนใส่บาตรไม่ถึง 50 คน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในสังคมออนไลน์จังหวัดเชียงใหม่ ได้แชร์ภาพบรรยากาศการทำบุญตักบาตรเนื่องในวันวิสาขบูชา ที่วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร อ.เมืองเชียงใหม่ ในช่วงเช้าวันนี้

ซึ่งเป็นภาพที่พระสงฆ์สามเณรเกือบ 700 รูป จากวัดต่างๆ ที่นิมนต์มารับบาตรบริเวณบันไดนาค
แต่มีประชาชนไปรอใส่บาตรกันน้อยมากไม่ถึง 50 คน ทำให้พระเณรหลายรูปต้องอุ้มบาตรเปล่ากลับวัด

สำหรับประเพณีดังกล่าว พุทธศาสนิกชนร่วมกันสืบสานกันมานานเกือบร้อยปี โดยในช่วงค่ำก่อนวันวิสาขบูชา จะมีประเพณีเตียวขึ้นดอยสุเทพ

ศรัทธาประชาชนจะพากันเดินเท้าจากหน้ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ขึ้นสู่ “วัดพระธาตุดอยสุเทพ”
เพื่อให้ไปถึง “วัดพระธาตุดอยสุเทพ” ในช่วงเช้ามืดของวันวิสาขบูชา เพื่อร่วมทำบุญตักบาตรและเวียนเทียนเป็นพุทธบูชา

จากนั้นจะร่วมทำบุญตักบาตรก่อนเดินทางกลับ

ซึ่งในอดีตจะมีศรัทธาชาวพุทธพากันนำข้าวสารอาหารแห้งไปใส่บาตรกันเป็นจำนวนมาก
แต่ปัจจุบันแม้จะมีคนร่วมประเพณีเตียวขึ้นดอยหลายหมื่นคน แต่จำนวนคนใส่บาตรกลับหายไปมากจนน่าตกใจ
#สำนักข่าววันนิวส์
……………………………………

ก็ไม่แปลกหรอกครับ ที่พระ-เณรต้องอุ้มบาตรเปล่ากลับวัด เพราะไม่มีคนมาทำบุญตักบาตรในวันวิสาขบูชาเหมือนก่อนๆ
เพราะสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลปัจจุบันที่เขามีตรงข้ามกับคำสอนพระพุทธศาสนา

-สนับสนุนการทำบาปทั้งปวง
-สนับสนุนการทำอกุศลให้ถึงพร้อม
-การทำจิตให้หมกมุ่นกับอบายมุขโดยรอบ

ก็เห็นมั้ยล่ะ เป็นยุคกระเบื้องเฟื่องฟู ชูคอกันสลอน วันโกนก็ไม่ละ-วันพระใหญ่ก็ไม่เว้น
วันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา วันอาสาฬหบูชา วันเข้าพรรษา ที่ห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

“นายกฯ แพทองธาร” สั่งยกเลิกข้อห้ามนั้น ให้ขายได้ตามสบาย
-ในสนามบินที่ให้บริการเที่ยวบินระหว่างประเทศ
-ในสถานบริการตามกฎหมายว่าด้วยสถานบริการ

-ในสถานที่เปิดให้บริการในลักษณะที่คล้ายสถานบริการที่ตั้งอยู่ในพื้นที่หรือบริเวณที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว
-ในโรงแรมตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรม
-ในสถานที่ซึ่งใช้จัดกิจกรรมพิเศษระดับชาติหรือนานาชาติ และมีคนจำนวนมาก ไปทำกิจกรรมร่วมกันตามรายชื่อสถานที่ที่ รมว.สาธารณสุขกำหนด โดยคำแนะนำของ รมว.ท่องเที่ยวฯ

ยังขาดอยู่อีกอย่าง ให้โคโยตี้เข้าไปเต้นรูดเสาได้ในวัด?!
เมืองพุทธ รัฐบาลเพื่อไทย ก็จะให้พิสุทธิ์ด้วย “กาชิโน” คอมเพล็กซ์
และ “พนันออนไลน์” เด็กเล่นได้-ผู้ใหญ่เล่นดี บริการออนไลน์ห้าบาท-สิบบาทแทงได้ถึงในห้องเรียน ห้องสอบ ในวัด ในรถเมล์ ในรถไฟ ในมุ้ง ตลอด ๒๔ ชั่วโมง

กามบริการก็มีพร้อมทุกประเภทเพศ อะไรที่เรียกอบายมุข ยุครัฐบาลนายกฯ แพทองธาร นักท่องเที่ยวต้องการอะไร มีเสนอสนองพร้อมสรรพ

แถมเข้ามาวีซ่าก็ไม่ต้อง ต้องการปริมาณ เพราะอย่างนั้น นักท่องเที่ยวกเฬวรากทั่วโลกถึงแห่กันมาและสร้างปัญหาต่างๆ นานา

จนภาพลักษณ์ท่องเที่ยวไทย กลายเป็น “ชุมทางนักเที่ยวต่ำมาตรฐาน” เป็นแดนอันตราย ไม่ปลอดภัยที่จะมาท่องเที่ยวไปแล้ว

ไทยรุ่งเรือง ร่มเย็นอยู่ได้ตลอดมาด้วย สถาบันกษัตริย์ ศาสนา วัฒนธรรม ประเพณี น้ำใจเอื้อเฟื้อ คุณธรรมเผื่อแผ่
แต่เมื่อรัฐบาลใต้เงาอสูรเข้ามาบริหาร

เปลี่ยนไทยจาก “ให้” ไปเป็นไทยจะ “เอา” ซึ่งเท่ากับเปลี่ยน “สังคมธรรม” เป็น “สังคมวัตถุ” มุ่งเงินโดยไม่เลือกรูปแบบเป็นสรณะ

นั่นเท่ากับ “ผีห่าเข้าธานี ชี้ชักชาวบุรี ให้ทิ้งธรรม คร่ำอบาย”
ลงท้าย “ฉิบหาย-ขายประเทศ”!

นี่ขนาดเห็นบ่วงที่จะรัดคอแกว่งไกวอยู่ตรงหน้า ทั้งจากมติแพทยสภา ทั้งจากศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมือง และทั้งจาก ป.ป.ช.

ก็ยังไม่ละที่จะเอากาสิโนให้ได้ เขาให้ทำ “ประชามติ” ถามประชาชนก่อนเอาด้วยหรือไม่เอา ก็ไม่กล้า!
เพราะรู้ ขืนทำก็พัง ประชาชนส่วนใหญ่ “ไม่เอาด้วย” แน่ จึงส่งสมุนในคอกออกตระเวนไปกระซิบถามชาวบ้านตามส้วม แล้วกลับคุย ชาวบ้านส่วนใหญ่มีความเข้าใจดีขึ้น

มีแต่ควายเท่านั้น ที่เห็นควายด้วยกัน แต่เผอิญชาวบ้านเป็นคน เขาจึงเห็นที่พูดนั้น…มันภาษาควาย!
การเมืองตอนนี้ ระหว่างพรรคร่วมเพื่อไทย-ภูมิใจไทย “เย็นนอก-ร้อนใน” รัฐบาลจะอยู่-จะไปวันไหน เป็นได้ทุกเมื่อ

“เพื่อไทย” คำนวณตามสูตรคณิตศาสตร์การเมืองแล้วว่า ถึงไม่มีพรรคภูมิใจไทย เพื่อไทยก็ยังเป็นรัฐบาลเสียงข้างมากอยู่ได้

ปริ่มน้ำนิดหน่อย เอากล้วย-อ้อยไปล่อสัตว์ต่างคอก “ฝูง-ครึ่งฝูง” มาเติมก็ไม่ยาก
พูดง่ายๆ ยังไงๆ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี ๒๕๖๙ ที่จะพิจารณากันปลายเดือนพฤษภา.เสียงพออยู่แล้ว

ฉะนั้น เพื่อไทยจึงเล่น “เกมแรง” กับภูมิใจไทยในเรื่องฮั้ว สว. พลันที่แพทยสภาแถลงผล “ไม่เป็นคุณ” กับทักษิณ

วันเดียวกัน DSI ขมีขมันเป็นประวัติศาสตร์ต่อจากยุคธาริต ตีปี๊บโครมครามกลบข่าวแพทยสภา ทั้งที่เป็นงาน กกต. แต่ DSI ออกหน้า-ออกตา

เที่ยวตระเวน “ปิดหมายเรียก” สว.ตามบ้านนั้น-บ้านนี้ ตั้งแต่ประธาน, รองประธาน สว. รวมทั้งหมด ๕๐ กว่าคน ให้ไปรับทราบข้อหา “ฮั้วเลือก สว.” ที่ กกต.

ตีป่า “กลบข่าว” บ่วงแพทยสภาจะรัดคอนายใหญ่นั่นละไม่ว่า!
จะต้องทำอะไรตึงตัง โครมครามขนาดนั้น…หือ ไม่ไว้เกียรติ-ไม่ไว้หน้ากระทั่งประธาน สว.และรองประธาน ถามตรงๆ ระดับคนปิดหมาย กล้ามั้ย?
…..ถ้าไม่มี “ผู้ใหญ่สั่ง”?

เรื่องยังไกล ห่างหัวใจ อีกเป็นศอก-เป็นวา เอาเป็นว่า “รัฐบาลคว่ำไปก่อนแล้ว” เรื่องนี้ ก็ยังสอบไม่เสร็จ

สว.น่ะ เขาจะหนีไปไหน แค่ส่งจดหมายลงทะเบียนไปบ้านเขาก็ได้ ไม่เห็นจะต้องทำเหมือนยกทัพไปจับโจรให้สื่อถ่ายไปออกจอเลย

พูดกันตรงๆ แบบลูกทุ่ง แบบนี้ ทำเพื่อประจาน “หักหน้า-หักเหลี่ยม” เชิงท้ารบกันชัดๆ!
“เพื่อไทย-ภูมิใจไทย” ถึงนาทีนี้ อยู่ร่วมโลกกันได้
แต่ “อยู่ร่วมรัฐบาลกัน” ไม่ได้ซะแล้ว!

เพราะ “หยามหน้า” ทั้งจงใจ “โค่นล้ม-ทำลาย” ชนิดขุดราก-ถอนโคนกันเกินไป

ฉะนั้น ถึงตอนนี้ เลิกพูดเรื่อง “ปรับ ครม.”
“ยุบสภา-ลาออก-เข้าคุก-หนีช่องหมาลอด” โยนไม้คว่ำ-ไม้หงายและเขย่าติ้วเสี่ยงเอา!

“อนุทิน ชาญวีรกูล” นั้น เท่าที่ผมสังเกต ท่านเป็นเซียนหมากฮอส แหย่เบี้ยป้อนให้กินตลอด
แล้วดูเหอะ เพราะอีกฝ่ายกินเพลินนั่นแหละ จึงเข้าตาหมากกล อนุทินกินทีเดียว ๓ ต่อ ๔ ต่อ “เข้าฮอส” เลย!

“ครูใหญ่” เขาติวมาดีน่ะ!

ไอ้เรื่องจะคว่ำ พ.ร.บ.งบประมาณ หรือโดดจากพรรคร่วมก่อน นั่นมันแต้มหมากสนามหลวง ภูมิใจไทยไม่บ้องตื้นขนาดนั้นหรอก

สมัยโบราณว่า “ไม่เข้าถ้ำเสือจะได้ลูกเสือหรือ?”
สมัยใหม่ว่า “ไม่ดูแลลูกเสือจะได้ใจพ่อเสือหรือ?”

ในมุมมองผม “ยุบสภา” ไม่น่ามี
“เหล้าใหม่” ในไหเก่า มีความน่าจะเป็น!

เปลว สีเงิน
๑๒ พฤษภาคม ๒๕๖๘

Line Open Chat *เพิ่มช่องทางการรับข่าวสาร จากเว็บไซต์ *อ่านคอลัมน์ เปลว สีเงิน ก่อนใคร *ส่งตรงถึงมือทุกคืน *เปิดกว้างเพื่อแฟนคอลัมน์พูดคุยแบบกันเอง ทุกเรื่องราว ข่าวสารบ้านเมือง สังคม ฯลฯ
Written By
More from pp
“อนุทิน” เร่งเครื่อง 3 กระทรวงใหญ่ในกำกับ “มท.-ศึกษาฯ- อว.” ทำ MOU เพิ่มความร่วมมือสางปัญหายาเสพติด ลดผู้เสพหน้าใหม่ปกป้องอนาคตชาติ ลุยคัดกรองบุคลากรในสังกัด นักเรียน นักศึกษาแบบสมัครใจไม่ให้กระทบสิทธิ์
"อนุทิน" เร่งเครื่อง 3 กระทรวงใหญ่ในกำกับ "มท.-ศึกษาฯ- อว." ทำ MOU เพิ่มความร่วมมือสางปัญหายาเสพติด ลดผู้เสพหน้าใหม่ปกป้องอนาคตชาติ ลุยคัดกรองบุคลากรในสังกัด นักเรียน...
Read More
0 replies on “‘เหล้าใหม่’ ในไหเก่า #เปลวสีเงิน”