ผักกาดหอม
ไอ้เสือถอย!
รัฐบาลเพื่อไทยต่อลมหายใจไปได้อีกสักพัก
ร่างกฎหมายกาสิโน ยังอยู่ไม่ได้หายไปไหน แค่รอเวลาเอาเข้าสภาฯ อีกครั้ง ถ้าใจกล้าพอ
ครับ…วานนี้ นายกฯ แพทองโพย แถลงข่าวว่า ได้หารือร่วมกับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล มีมติเห็นตรงกันให้เลื่อนการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร (ร่าง พ.ร.บ.เอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์) ออกไปก่อน อย่างไม่มีกำหนด
เหตุผลเหมือนจะพอรับฟังได้
“…ประเทศกำลังเผชิญวิกฤตหลายด้าน ทั้งภัยธรรมชาติจากแผ่นดินไหว การเยียวยาผู้ประสบภัย และกรณีสหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากไทย ซึ่งรัฐบาลต้องเร่งหาทางออกอย่างเร่งด่วน…”
“…เรื่องนี้ไม่ใช่การซื้อเวลา แต่เป็นการจัดลำดับความสำคัญ…”
“…ร่างกฎหมายดังกล่าวยังคงอยู่ ไม่ได้ถอนออก เพียงแต่ขอเวลาสื่อสารและทำความเข้าใจกับประชาชนให้ชัดเจน โดยเฉพาะในประเด็นที่หลายฝ่ายเข้าใจว่าเป็นการเปิดทางให้กาสิโนถูกกฎหมายทั่วประเทศ…”
“…เราไม่ได้ทำเพื่อกาสิโน แต่เป็นการสร้างพื้นที่ที่มีความบันเทิงหลากหลายสำหรับทุกเพศทุกวัย การให้ใบอนุญาตกาสิโนในพื้นที่นั้น เป็นเพียงส่วนหนึ่ง ไม่ใช่ทั้งหมด…”
“…เรามองว่ากฎหมายนี้จะช่วยสร้างเม็ดเงิน กระตุ้นการท่องเที่ยว และการจ้างงาน แต่หากยังมีความเข้าใจคลาดเคลื่อน รัฐบาลก็จะเร่งชี้แจงให้ชัดเจนยิ่งขึ้น…”
สรุปคือยังต้องการเปิดกาสิโนมอมเมาประชาชนต่อ
ไม่หยุด
แค่เลื่อน
สองสามวันก่อนยังกระเหี้ยนกระหือรือจะผุดกาสิโนให้ได้อยู่เลย
พอมีข่าว “ทักษิณ ชินวัตร” ขู่พรรคร่วมรัฐบาล ใครค้านกฎหมายกาสิโน เชิญออกจากรัฐบาล เท่านั้นแหละ ถอยกรูดทันที
เหตุผลที่ นายกฯ แพทองโพย ยกมา มันย้อนแย้งอย่างสิ้นเชิงกับท่าทีของพรรคเพื่อไทยตลอดหลายวันที่ผ่านมา
อ้างแผ่นดินไหว นี่ก็ผ่านมาสิบกว่าวันแล้ว เพิ่งรู้หรือว่ารัฐบาลควรเน้นไปที่การเยียวยาผู้ประสบภัย
อ้างรัฐบาลทรัมป์ขึ้นภาษีนำเข้าจากไทยเป็น ๓๖% รัฐบาลต้องเร่งหาทางออกอย่างเร่งด่วน นี่ก็แล้วใหญ่
เพราะเวลาไปถามว่าทำไมรัฐบาลแก้ปัญหาสหรัฐฯ ขึ้นภาษีนำเข้าจากไทยช้า จะได้คำตอบว่า รัฐบาลเตรียมพร้อมก่อนที่ โดนัลด์ ทรัมป์ จะรับตำแหน่งประธานาธิบดีเสียด้วยซ้ำ
นายกฯ แพทองโพยตั้งทีมงานทำเรื่องนี้ตั้งแต่เดือนมกราคม
ไม่ได้ช้า!
แล้วทำไมมาหาทางออกเร่งด่วนกันตอนนี้
ฉะนั้นทั้งเรื่อง แผ่นดินไหว สหรัฐฯ ขึ้นภาษีนำเข้า ไม่ใช่เหตุผลแท้จริงที่ทำให้ร่างกฎหมายกาสิโนค้างอยู่ในระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ยังไม่ถูกหยิบยกมาพิจารณา
แต่เหตุผลที่แท้จริงมาจากเสียงค้านจากทั่วสารทิศ จนลามกลายเป็นการขับไล่รัฐบาล
ในพรรคร่วมรัฐบาลเองเริ่มมีเสียงต่อต้าน
“คัมภีร์ ดิษฐากรณ์” โฆษกประธานสภาผู้แทนราษฎร เจตนาช่วย ประธานวันนอร์ ที่ถูกโจมตีว่าเป็นคนเลื่อนระเบียบวาระ ให้ร่างกฎหมายกาสิโน ข้ามหัวกฎหมายอื่นๆ มาพิจารณากันวันที่ ๙ เมษายน
แต่สุดท้ายก็หลุด
“…การพิจารณาร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร ก็ใช้วิธีการงดออกเสียงคือการไม่เห็นด้วย หากเห็นด้วยพี่น้องมุสลิมทั้งประเทศคงจะกล่าวหาว่าไม่ปฏิบัติตามหลักการของศาสนาอิสลาม
เพราะในเรื่องของอบายมุขมอมเมาประชาชน คนไทยส่วนรวมก็ไม่เห็นด้วย รวมถึงพรรคประชาชาติ ซึ่งเป็นพรรคที่มีมุสลิมเป็นหลักก็ไม่เห็นด้วยเช่นกัน…”
น่าอนาถใจครับ นายกฯ แพทองโพย แผ่นเสียงตกร่อง อ้างว่ายังมีความไม่เข้าใจในร่าง พ.ร.บ.กาสิโนอยู่เยอะ ฉะนั้นรัฐบาลต้องใช้เวลาในการชี้แจง
ทำไมประชาชนจะไม่เข้าใจ
กาสิโน เท่ากับ อบายมุข เข้าใจได้ง่ายๆ ไม่มีอะไรซับซ้อน
นายกฯ แพทองโพยต่างหากที่ไม่เข้าใจแล้วดันพูดออกมาว่า “เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ไม่เท่า กาสิโน”
ส่วน “สทร.” นี่ก็เสือกทุกเรื่องจริงๆ
เข้าไปเกี่ยวข้องในทุกงานของรัฐบาล
เรื่อง กาสิโน ก็เข้าไปเจ้ากี้เจ้าการ
ปฏิเสธว่าไม่เคยคิดขับออกจากรัฐบาลหากไม่เห็นด้วยกับร่างกฎหมายกาสิโน แค่ไปถามความเห็นเท่านั้น
“…เป็นการพูดกันไปเรื่อย มีคุยกับน้องๆ ที่เจอกันว่าเป็นอย่างไร ซึ่งเป็นเพียงการถามความคิดเห็น ไม่มีเรื่องข่มขู่ว่าใครไม่สนับสนุนแล้วต้องพ้นจากพรรคร่วมรัฐบาล แบบนั้นไม่มี…”
“…ที่ผ่านมามีการหารือทั่วไปกับพรรคร่วมรัฐบาล แต่เป็นเพียงการถามความคิดเห็นของแต่ละคน ซึ่งเขาก็ไม่ได้ขัดข้อง และวันนี้นายกรัฐมนตรีก็ได้บอกว่าจะพิจารณาเรื่องเร่งด่วนทางเศรษฐกิจก่อน คือเรื่องการขึ้นภาษีของสหรัฐอเมริกา
เราต้องนำเรื่องนี้มาคุยกันเพราะประชาชนอยากรู้เรื่องนี้ ความสำคัญต้องลดหลั่นไป ไม่ได้ยกเลิกเพียงแต่ขอเลื่อนการพิจารณาไปก่อน…”
นายเป็นใคร มีตำแหน่งแห่งหนอะไรในรัฐบาล ถึงได้เสือกไปทุกเรื่องแบบนี้
แต่ก็เป็นการสภาพว่าได้ไปคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลว่าเห็นอย่างไรกับร่างกฎหมายกาสิโนจริง
“ทักษิณ” บอกแค่คุย
คนฟังอาจมองว่าเป็นการข่มขู่ก็ได้
เพราะเห็นความไม่จริงใจของ “ทักษิณ”
“ทักษิณ” ไม่ใช่คนที่น่าไว้ใจครับ
ง่ายๆ แค่เรื่องกาสิโน ยังไม่ยอมบอกกับประชาชนตรงๆ ว่าคือเป้าหมายหลักที่ต้องมี
“…ย้ำว่าไม่มีคำว่ากาสิโน มีแต่คำว่าเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ กาสิโนเป็นเพียงสิ่งเล็กๆ ในนั้น เพราะหลายอย่างที่เราอยากมี ก็มีไม่ได้ ต้องให้เอกชนมาลงทุน
เช่น ฮอลล์หรืออารีนาจัดคอนเสิร์ต คอนเสิร์ตหรือสวนสนุกขนาดใหญ่ ที่จะเข้ามาลงทุน เราต้องการการลงทุนและการจ้างงาน รวมไปถึงนักท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้น และต้องการภาษีอย่างถูกต้อง โครงการนี้เป็นการพัฒนาประเทศ ตามปกติ ไม่มีอะไรซ่อนเร้น…”
จะโกหกทำไม?
ร่างกฎหมายกาสิโน ระบุไว้ชัด ให้กาสิโนเป็นหลัก ที่เหลือคือธุรกิจสถานบันเทิง ๑๐ ประเภท ตามบัญชีแนบท้าย
จิ้มมาเลย ๔ ประเภท มาประกอบกับ กาสิโน แล้วบังคับให้เรียก เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์
ถ้าไม่มีกาสิโน ก็ไม่ใช่เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์
กาสิโน เป็นเพียงสิ่งเล็กๆ อย่างนั้นหรือ
โกหกจนเคยตัว ทั้งพ่อทั้งลูก
