ผักกาดหอม
คนละดอก…
ณ ช่วงเวลานี้ สถานการณ์ทางการเมืองมีความเข้มข้น ดุเดือด พลิกไปพลิกมา มากที่สุดในรอบหลายปี
วันก่อน นายกฯ แพทองโพย พารัฐมนตรีร่วมรัฐบาลจับมือโชว์สื่อ หัวเราะครื้นเครง
จูบปากดีกันแล้ว
นั่นแค่หน้าฉาก
แต่ข้างหลังยังแทงกันยับ!
สดๆ ร้อนๆ วานนี้ (๒๘ กุมภาพันธ์) วุฒิสภาบรรจุญัตติเรื่อง ให้วุฒิสภาพิจารณาปัญหาด้านกระบวนการยุติธรรมและการบังคับใช้กฎหมายที่มี
คนเสนอคือ “พลตำรวจตรี ฉัตรวรรษ แสงเพชร” แกนนำ สว.สีน้ำเงิน
เห็นแค่ชื่อญัตติ คอการเมืองเกาคางแกรกๆ ไม่เห็นมีอะไร แต่ไปอ่านรายละเอียดเถอะครับ นี่มันญัตติถล่มชั้น ๑๔ ควบ ลากไส้ดีเอสไอ ชัดๆ
เหตุผลในญัตติเป็นดังนี้ครับ…
“…กระบวนการยุติธรรมและการบังคับใช้กฎหมายที่ผ่านมา ยังขาดประสิทธิภาพ มีความล่าช้าในการดำเนินคดี
อีกทั้งยังมีการแทรกแซงและครอบงำจากฝ่ายการเมืองในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่
โดยเฉพาะการดำเนินคดีพิเศษ ของกระทรวงยุติธรรมโดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งมีหน้าที่พิจารณาคดีความผิดอาญา ที่มีความซับซ้อนหรืออาจมีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความสงบเรียบร้อย ความมั่นคงของประเทศ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
เช่นคดีทุจริตคอร์รัปชัน คดีฟอกเงิน การกระทำความผิดข้ามชาติ
โดยในการดำเนินคดีพิเศษที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นถึง กระบวนการยุติธรรมที่ยังขาดประสิทธิภาพ มีการดำเนินคดีที่ล่าช้า
รวมทั้งไม่สามารถป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดรวมถึงปกป้องรักษาผลประโยชน์ของรัฐ และประชาชนที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นศรัทธาของสังคม ว่ากระบวนการยุติธรรมไม่อาจเป็นที่พึ่งได้
เช่น การดำเนินคดีกับนายทุนชาวจีนสีเทา ในข้อหายาเสพติด ฟอกเงิน และการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งเป็นปัญหาที่มีมาเป็นเวลานาน และมีแนวโน้มจะทวีความรุนแรงมากขึ้น
นอกจากนี้ ในการดำเนินกระบวนการยุติธรรมยังมีปัญหา ในการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่มีประสิทธิภาพ อย่างเช่นการให้สิทธิแก่ผู้ต้องขังในการได้รับการรักษาพยาบาลอย่างเทียมกัน
ซึ่งที่ผ่านมา มีการดำเนินการที่มีการเลือกปฏิบัติ โดยไม่เป็นธรรม ไม่โปร่งใส ไม่บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด
โดยผู้ต้องขังบางคนได้รับสิทธิในการเข้ารับการรักษาพยาบาล ที่พิเศษกว่าผู้ต้องขังคนอื่นๆ
จึงสมควรที่วุฒิสภาจะได้มีการอภิปรายระดมความคิดเห็น เพื่อพิจารณาปัญหากระบวนการยุติธรรม และการบังคับใช้กฎหมายและเสนอไปยังรัฐบาล เพื่อพิจารณาดำเนินการ…”
อีกดอกคือยื่น ป.ป.ช.เชือด “ทวี สอดส่อง” กับ ดีเอสไอ ข้อหา ฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง
“…การดำเนินการนั้น เป็นการกลั่นแกล้งจงใจให้สมาชิกวุฒิสภาซึ่งเป็นเสาหลักในการบริหารบ้านเมือง และเป็นฝ่ายนิติบัญญัติ ซึ่งเรานั้นได้มาตามรัฐธรรมนูญและพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญโดยชอบสุจริต เพราะผู้ที่มีอำนาจหน้าที่โดยตรงเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดนั้นคือ กกต. แต่ไฉนเลยดีเอสไอจึงบังคับใช้ประมวลกฎหมายอาญา และพระราชบัญญัติที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นการดำเนินการข้ามแดน
ผมมองว่าเป็นการกระทำที่ขัดรัฐธรรมนูญ ถึงขั้นล้มล้างการปกครอง จึงต้องนำเรื่องยื่นต่อประธานวุฒิสภา เพื่อนำส่งต่อให้ ป.ป.ช.ซึ่งเป็นองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ ดำเนินการสืบสวนสอบสวนตามอำนาจหน้าที่…”
นั่นคือคำพูดของ “พลตำรวจตรี ฉัตรวรรษ แสงเพชร” แกนนำ สว.สีน้ำเงิน
คนละหมัดจริงๆ
เมื่อดีเอสไอจะเชือด สว.สีน้ำเงิน
สว.สีน้ำเงินอยู่เฉยไม่ได้ ต้องเอาคืน
นี่คือสภาพการเมืองในขณะนี้
พันกันเป็นงูกินหางครับ
ได้อ่านทวนญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีของพรรคฝ่ายค้านอีกครั้ง เห็นบางข้อความแล้ว นายกฯ แพทองโพยไม่มีราคาเลยครับ
“เป็นนั่งร้านช่วยเหลือต่างตอบแทนกลุ่มบุคคลที่เป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบประชาธิปไตย”
เป็นแค่นั่งร้าน
สมัยที่พรรคเพื่อไทยซักฟอกรัฐบาลลุงตู่ บรรดาแกนนำพรรคประโคมกันยกใหญ่ เป็นยุทธการ “เด็ดหัว สอยนั่งร้าน”
จะเอาให้ราบ!
“ลุงตู่” คือหัว
“นั่งร้าน” เป็นบรรดารัฐมนตรีที่ถูกอภิปราย
วันนี้ “อุ๊งอิ๊ง” มีราคาแค่นั่งร้าน
ไม่ใช่หัว
เป็นประเด็นนะครับ ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ
เมื่อคนเป็นผู้นำประเทศ มีตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ถูกมองแค่นั่งร้าน แสดงว่ามีหัว ที่อยู่สูงกว่านายกรัฐมนตรีอีกที
ไม่มีราคาเลย
สถานการณ์ทางการเมืองมันเริ่มบีบให้ “ทักษิณ ชินวัตร” ต้องตัดสินใจ ว่าจะอยู่รอดหรือตายเดี่ยว
เพราะ “ทักษิณ” เดินเกมโฉ่งฉ่างเกินไป ผลจึงตกไปอยู่ที่ “นั่งร้าน”
การใช้ “ดีเอสไอ” เป็นเครื่องมือล้างบางเครือข่ายสีน้ำเงิน สุดท้ายแล้วไม่คุ้ม เพราะนอกจากปัญหาเรื่องอำนาจหน้าที่ของ ดีเอสไอ สามารถทำคดีเลือก สว.ได้หรือไม่แล้ว “ดีเอสไอ” ยังประสบปัญหาเรื่องความน่าเชื่อถือ
ถูกมองว่าเป็นลูกน้องของรัฐบาล
นั่นทำให้กลุ่ม สว.สีน้ำเงิน เริ่มปฏิบัติการขุดคุ้ย หรือในมุมรัฐบาลมองว่าเป็นการดิสเครดิต การทำงานของดีเอสไอ
สถานการณ์เข้มข้นและงวดเข้ามาทุกที
การซักฟอกรัฐบาลครั้งนี้จึงมิใช่การตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลเพียงอย่างเดียว แต่เป้าหมายของฝ่ายค้านโดยเฉพาะพรรคประชาชน อยู่ที่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองด้วย
หากซักฟอกแล้วไม่หนักหนาจนเกินไป ก็มีแนวโน้มรัฐบาลเดิมกอดคอกันต่อไป และพักความขัดแย้งลงชั่วคราว
ดีเอสไอยุติการตรวจสอบการเลือก สว. ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ กกต.
ส่วน สว.สีน้ำเงินหลิ่วตา ไม่ตรวจสอบชั้น ๑๔
รอจนกว่าใกล้เลือกตั้งศึกระหว่างพรรคเพื่อไทย กับพรรคภูมิใจไทย จะปรากฏขึ้นอีกครั้ง
แต่หาก “ทักษิณ” ยังเล่นบทจ้างร้อยเล่นล้านเหมือนเดิม อภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้คือจุดจบของ “แพทองธาร”
ยากที่พรรคเพื่อไทยจะกลับมาเป็นรัฐบาลอีก
เพราะหมดเวลาของ “ทักษิณ” แล้ว
