สันต์ สะตอแมน
แก่เพราะกินข้าว เฒ่าเพราะอยู่นาน..
นี่..ไม่ได้เกี่ยวกับใคร แค่นึกอยากนำมาคุย-มาเขียน หลังจากที่ได้ยินเสียงโต้เถียงกันลั่นสภา พลันที่คุณวิโรจน์ ลักขณาอดิศร พูดคำ “กีกี้” ขึ้นมากลางที่ประชุม!
ก็แปลกดีนะ คนรุ่นใหม่กลับรู้จักคำคำนี้ ในขณะที่คนเจน B อย่างประธานสภา สส.-รัฐมนตรีกลับไม่รู้ แถมคิดลามกจกเปรตไปเองแบบโง่ๆ ให้เด็ก (ฝ่ายค้าน) หัวเราะเยาะ
เพราะ “กีกี้” ก็อย่างที่คุณวิโรจน์ได้โพสต์เฉลยนอกสภาให้พวกเฒ่าเพราะอยู่นานได้เข้าใจนั่นแหละว่า..
“หลายคนไม่ได้ประท้วง แค่ดาหน้าออกมาพลีชีพ เหมือนลูกสมุนของขบวนการช็อคเกอร์ ที่เวลาออกมาจะร้อง กี้… กี้…
เพื่อให้มดแดงซ้อมเล่น คั่นเวลาก่อนไรเดอร์คิกปีศาจตัวบอส อธิบายไปเขาก็ไม่ฟังหรอกครับ เพราะเขามาพลีชีพ ตอบไปสั้นๆ แค่ #กีกี้ ก็พอครับ จะได้ไม่เสียเวลา”
กีกี้ ไม่ได้เป็นคำสแลงมาจากคำภาษาจีนว่าจีจี้ ซึ่งแปลว่าอวัยวะเพศเบื้องต่ำของสตรี เป็นคำหยาบเป็นคำลามกเป็นคำสแลงที่เขาใช้กันในหมู่คนชั้นต่ำชั้นทรามของจีน
อย่างที่คุณไพศาล พืชมงคล พยายามจะทำให้เข้าใจนั่นหรอก..และผมเชื่อคนอย่างคุณวิโรจน์แม้จะตาเหลือก-ปากจัด..
แต่จิตใจคงไม่ลามกจกเปรต เอาคำพูดต่ำตมมาใช้กลางที่ประชุมของเหล่าท่านผู้ทรงเกียรติให้เสียเกียรติภูมิตัวเอง!
หรือจะลอง (อ่าน) ฟังที่คุณปวริศา บุญเรือง จากไทยพีบีเอสอธิบายหน่อยก็ได้.. “ใครที่อายุ 30 บวกเป็นต้นไป ก็น่าจะเคยดูโทคุซัทสึญี่ปุ่น ก็พวกขบวน 5 สี คาเมนไรเดอร์ทั้งหลาย
เวลาที่เจ้าตัวร้ายเขาจะออกมานี่ เขาจะมีมนุษย์แก๊งชุดดำโผล่มาแล้วก็ร้อง กีกี้..นั่นแหละคนดังโซเชียลที่กำลังถูกพูดถึงอยู่ในนาทีนี้”
ทีนี้..ก็ให้เข้าใจตรงกัน ทั้งรองประธานสภาฯ ท่านพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ทั้งรัฐมนตรี ทั้ง สส.พรรคเพื่อไทย และทั้งคนนอกสภาอย่างเราๆ ท่านๆ
และเมื่อเข้าใจแล้วก็ต้องปรบมือให้ฝ่ายค้านเค้าด้วย โดยเฉพาะคุณวิโรจน์ ถึงจะหนวกหู-รำคาญกับลีลาบ้าง แต่การอภิปรายถือว่าได้น้ำ-ได้เนื้อ เข้มข้น..
สื่อทุกสำนักจึงเลยไม่ได้ทำตามที่คุณอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด วอนให้ช่วยพาดหัวข่าว.. “อนุสรณ์ร้องสภา ขอน้ำปลาให้ฝ่ายค้านด่วน” แต่อย่างใด!
ครับ..พูดถึงรองประธานสภาฯ ที่ทำหน้าที่ประธานในการอภิปราย ต้องบอกเลยว่า คุณภราดร ปริศนานันทกุล กับการ “ห้ามศึกประท้วง” ด้วยคำสั่ง..
“ทุกท่านนั่งลงครับ” ซ้ำหลายครั้งๆ ก่อนที่ตัวประธานจะลุกขึ้นยืนนั้น ได้สะท้อนให้เห็นว่า ในสภาอันทรงเกียรติหากมีประธานที่ทำหน้าที่เป็นกลาง เด็ดขาดแล้ว..
สภาก็จะไม่อลหม่าน วุ่นวายให้ชาวบ้าน-ประชาชนต้องเอือมระอา!
ต่อมา..คุณภราดรร่าย.. “วันนี้เราใช้เวลากันไปทั้งสิ้น ทางฝ่ายรัฐบาลรวมกับคณะรัฐมนตรีได้จัดสรรเวลามา 3 ชั่วโมงครึ่ง
ในขณะที่ฝ่ายค้านได้ 17 ชั่วโมง และฝ่ายประธานได้ 1 ชั่วโมง ท่านทราบไหมครับ เราเสียเวลาประท้วงไปเท่าไหร่?
ฝ่ายรัฐบาลใช้เวลาประท้วงไป 30 กว่านาทีครับ ในขณะที่ฝ่ายค้านใช้เวลาประท้วงไป 30 กว่านาที เกือบ 40 นาทีเช่นเดียวกัน
ท่านประท้วงมาก คนที่ทำหน้าที่เป็นประธานก็ใช้เวลาวินิจฉัยมาก พวกผมได้รับเวลาในการจัดสรร 1 ชั่วโมง ท่านทราบไหมครับ ผมเหลือเวลากี่นาที ผมเหลือ 3 นาทีครับ
แล้วท่านทราบไหมครับ ว่าการประท้วงของพวกท่านเนี่ย พี่น้องประชาชนเขาไม่ต้องการครับ เขาอยากจะเห็นการถาม การอภิปรายในญัตติ
และอยากจะเห็นท่านรัฐมนตรี และท่านนายกรัฐมนตรีตอบ เวลาฝ่ายละ 30-40 นาที ท่านได้เวลาเพิ่มได้ 1 คน ด้วยเนื้อหาสาระ
ซึ่งทั้งหมดทั้งสิ้นพี่น้องประชาชนได้ประโยชน์ ผมขออนุญาต เรื่องที่ไร้สาระ อย่าให้รกสภาดีกว่าครับ”
ทั้งหัวหอก-หัวดำ-หัวล้านต่างนั่งเงียบเสียงกริบ ส่วนผมคล้ายมีเสียงกระซิบข้างหู..จับตาดูนักการเมืองหนุ่มท่านนี้ ไม่ใช่ประเภท “กีกี้” หากแต่..
น่าจะฝากผีฝากไข้ได้!
