25 มีนาคม 2568 เวลา 15.40 น. ณ ห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชั้น 2 อาคารรัฐสภา ถนนสามเสน เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 26 ปีที่ 2 ครั้งที่ 26 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) เป็นพิเศษ กรณีฝ่ายค้านยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ตามมาตรา 151 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีชี้แจงกรณีการครอบครองที่ดินโรงแรม Thames Valley เขาใหญ่ ว่า นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และรองนายกรัฐมนตรีนายอนุทิน ชาญวีรกูล ได้ชี้แจงในรายละเอียดไปบ้างแล้ว รวมถึงกรมที่ดินได้ชี้แจงในเรื่องการออกโฉนดที่ดินแปลงดังกล่าว ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย และบริษัทของครอบครัวทำทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมายทั้งหมด ในการเข้าประกอบกิจการโรงแรมทุกอย่างเป็นไปด้วยความถูกต้อง เช่นเดียวกับผู้ประกอบการอื่นๆ ในพื้นที่การประกอบกิจการ การทำธุรกรรมเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ
ส่วนประเด็น call center นายกรัฐมนตรีขอบคุณที่ได้ติดตามข้อมูลทั้งหมด รัฐบาลได้ปฏิบัติการและทำไปไกลกว่านั้นแล้ว แก้ปัญหาได้ไกลมากพอสมควร การแก้ปัญหาคอลเซ็นเตอร์ทำมาต่อเนื่องตั้งแต่รัฐบาลอดีตนายกรัฐมนตรีเศรษฐา มีการประสานงานต่างๆ กับประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ว่าจะเป็นเมียนมา จีน และกัมพูชา ในการมาช่วยกัน ซึ่งนายกรัฐมนตรีเองได้เข้ามาตอบกระทู้สดด้วยตัวเองแล้ว ในเรื่องของการตัดน้ำมัน ตัดสัญญาณ มีคำชมจากประเทศจีน และประธานาธิบดีสี จิ้น ผิง ทันที ที่นายกรัฐมนตรีได้เดินทางเยือนว่ามีการตัดสินใจเด็ดขาด และมีการดำเนินการในเรื่องนี้อย่างรวดเร็ว โดยฝ่ายจีนมีการสนับสนุนในเรื่องข้อมูล การข่าวต่างๆ จึงพูดได้ว่าปัญหาคอลเซ็นเตอร์ที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัดมาจากความร่วมมือของทุกประเทศ เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ไทยมีความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศเพื่อนบ้าน และเมื่อเกิดวิกฤตที่คล้ายๆ กัน ประเทศเพื่อนบ้านก็ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ เรื่องการซีลชายแดน ซึ่งสำคัญมาก ต้องขอความร่วมมือจากประเทศเพื่อนบ้าน ช่วยกันและได้ผลอย่างดีมากๆ ทำงานกันเป็นทีม
นอกจากนี้ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม DE ได้จัดตั้งศูนย์ AOC 1441 เพื่อเป็นศูนย์กลางในการบูรณาการทำงานร่วมกัน รับแจ้งเหตุจากพี่น้องประชาชนตลอด 24 ชั่วโมงจำนวน 100 คู่สาย ได้ระงับบัญชีม้าแล้วกว่า 1.92 ล้านบัญชี มีระบบติดตามบัญชีที่มีระบบธุรกรรมทางการเงินที่ผิดปกติ เพิ่มมาตรการธนาคาร ยกระดับการตรวจสอบการเปิดบัญชีใหม่ ตรวจสอบประวัติมากขึ้น เพื่อป้องกันต่อไปในอนาคตให้เปิดบัญชีม้าได้ยากยิ่งขึ้น มีการพิสูจน์ตัวตนมีการกวาดล้างซิมม้าไปแล้ว 2.4 ล้านเลขหมาย ระงับซิมต้องสงสัยที่มีการใช้งานผิดปกติ 2.8 ล้านเลขหมาย ตรวจสอบผู้ใช้ mobile banking ที่ลงทะเบียนหลังวันที่ 1 มกราคม 2568 จำนวน 3.176 ล้านเลขหมาย ตั้งแต่มีมาตรการจริง ตัดน้ำ-ตัดไฟ-สัญญาณอินเทอร์เน็ต-เสาสัญญาณ สถิติการรับแจ้งคดีอาชญากรรมออนไลน์ทั้งหมดของประเทศไทยลดลงไป 20% โดยเฉพาะคดีคอลเซ็นเตอร์ลดลงถึง 67% ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับพี่น้องประชาชนลดลงกว่า 50% จากวันละ 100 ล้านบาทเหลือ 50 ล้านบาท ซึ่งตัวเลขนี้ยังไม่เป็นที่น่าพอใจ รัฐบาลจะดำเนินการให้เข้มข้นมากยิ่งขึ้น รวมทั้งเร่งรัด ร่าง พ.ร.ก. มาตรการป้องกัน และปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งตอนนี้อยู่ในขั้นตอนของกฤษฎีกา และดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งตอนนี้มีการคัดค้านจากหลายองค์กร โดยยืนยันว่า รัฐบาลรับฟังความคิดเห็นต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์
ทั้งนี้ สิ่งที่เป็นนโยบายใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นครั้งแรก เป็นสิ่งที่คุ้นชินกันอยู่แล้ว เพราะรัฐบาลก็ริเริ่มอะไรใหม่ ๆ ที่เป็นประโยชน์ ยาวนานขึ้นเยอะ ไม่ว่าจะเป็นนโยบายดี ๆ ในอดีตที่นำกลับมาใช้ใหม่ ที่เป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เช่น โครงการ ODOS (One District One Scholarship) เป็นสิ่งที่จำเป็นต่อประเทศมาก ๆ เป็นการเตรียมคนรุ่นใหม่ให้พร้อมสำหรับอุตสาหกรรมใหม่ ๆ ในอนาคต การจ้างงานและอาชีพใหม่ ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยรัฐบาลพยายามเพิ่มมิติ เพิ่มโอกาสให้กับคนกลุ่มใหม่ ๆ เพื่อกระจายโอกาส เตรียมคนสู่โลกอนาคต และสำหรับคนในยุคปัจจุบัน รัฐบาลพยายามให้เกิดการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้กับบริษัทที่เข้ามาตั้ง เป็นทางลัดให้คนมีศักยภาพที่ดีมากยิ่งขึ้น ซึ่งสำหรับนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตจะช่วยเพิ่มโอกาสให้คนกลุ่มใหม่ๆ ช่วยกระจายโอกาส และเตรียมคนสู่โลกอนาคต โดยนายกรัฐมนตรียืนยันว่าเป็นนโยบายที่ตรงเป้าแน่นอน ซึ่งในระยะที่ 3 จะมีการพัฒนาอย่างเต็มระบบและรัดกุม โดยจะเริ่มต้นในกลุ่มเยาวชน 16-20 ปี ที่มีกำลังบริโภค มีความตื่นตัวทางเทคโนโลยี เรียนรู้รวดเร็วและจะเป็นกำลังสำคัญในการเรียนรู้ระบบต่างๆ ให้ครอบครัวได้ เป้าหมายระยะยาวของนโยบายนี้จะยกระดับสังคมไทยเป็นสังคมดิจิทัล ซึ่งนายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า ในหนึ่งวาระของรัฐบาลนี้จะเกิดผลเป็นรูปธรรม “ตรงทั้งปกและตรงเป้า”
สำหรับประเด็นที่ฝ่ายค้านกล่าวถึงการพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ ชั้น 14 ของบิดา นายกรัฐมนตรียืนยันว่าขณะนั้นยังไม่ได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และกระบวนการขอพระราชทานอภัยโทษ เป็นสิทธิของผู้ต้องคดีความและมีขั้นตอนถูกต้อง ส่วนการพาดพิงว่าบิดามีอาการป่วยหลอก เป็นการวินิจฉัยของแพทย์ ซึ่งขณะนี้ได้ยื่นเรื่องตรวจสอบต่อแพทยสภา ซึ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกท่านจะยอมรับ พร้อมยืนยันว่าไม่เคยแทรกแซงการทำงานระบบราชการ โดยในยุคปัจจุบันทุกอย่างตรวจสอบได้ นายกรัฐมนตรียังพร้อมทำงานกับทุกกลุ่ม ทุกคน ทุกจังหวัด จะทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีอย่างเต็มที่สุดความสามารถ ขอให้ทุกท่านดู และพิสูจน์ความสามารถในการทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี วิจารณ์ที่การทำงาน เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติต่อไป