นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติแจงหลังราคาหมูหน้าฟาร์มก้าวข้ามต้นทุนได้ 2 เดือน หลังเกษตรกรเผชิญสารพัดปัญหาจนต้องประสบปัญหาขาดทุนในปี 2566-2567 ขณะที่ต้นทุนการเลี้ยงหมูในไตรมาส 1 ปีนี้อยู่ที่ 76 บาทต่อกิโลกรัม
นายสิทธิพันธ์ ธนาเกียรติภิญโญ นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ ได้ให้ข้อมูลการเลี้ยง กรณีผู้บริโภคและผู้ค้าเนื้อสุกร หรือเขียงตามตลาดสดมีการสอบถามเข้ามายังสมาคม ถึงการปรับตัวขึ้นมาของราคาสุกรหน้าฟาร์มในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมาของเดือนมีนาคม 2568
ตลอดระยะเวลาในช่วงปี 2566-2567 ผู้เลี้ยงสุกรทั้งประเทศขาดทุนอย่างมาก มีการหยุดประกอบอาชีพสำหรับฟาร์มขนาดเล็ก กลุ่มฟาร์มขนาดกลางลดการเลี้ยง โดยการลดจำนวนแม่พันธุ์สุกรลง 40-50% เพราะต้องทนต่อการขาดทุนจากการขายต่ำกว่าต้นทุนการเลี้ยงมาเป็นเวลานาน ทำให้ราคาเนื้อสุกรที่ผู้บริโภคคุ้นชินที่อยู่ในช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 2567 มีระดับราคาของห้างค้าปลีก ประมาณ 109-119 บาทต่อกิโลกรัม ในกลุ่มของเนื้อแดงที่เป็นสะโพกและหัวไหล่ ที่สะท้อนกลับเป็นราคาสุกรขุนหน้าฟาร์มที่เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรขาดทุนตัวละประมาณ 500 – 700 บาท โดยเกษตรกรขาดทุนหนักที่สุดช่วงไตรมาสที่ 3 ปี 2566 ที่ประมาณ 40% หรือประมาณ 3,600 บาทต่อตัว
ปัจจุบันราคาสุกรหน้าฟาร์มมีกำไรขั้นต้นอยู่ในระดับประมาณ 13 เปอร์เซ็นต์ ที่ถือว่าเป็นราคาที่มีความยุติธรรมทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภค โดยความเคลื่อนไหวของสินค้าปศุสัตว์ไม่มีความแน่นอน โดยการปรับราคาขึ้นแต่ละครั้งจะเป็นไปตามกลไกตลาด โดยผู้เลี้ยงสุกรให้ความร่วมมือด้วยดีกับภาครัฐเสมอมา กรณีการควบคุมระดับราคาที่จะไม่ให้สูงเกินไป
สำหรับการควบคุมปริมาณผลผลิตในปี 2568 ผู้เลี้ยงสุกรทั้งประเทศจะควบคุมปริมาณแม่พันธุ์ให้อยู่ในระดับ 1.1 ถึง 1.2 ล้านตัว ซึ่งจะเป็นต้นทางในการควบคุมปริมาณสุกรขุนให้ใกล้เคียงกับปริมาณความต้องการการบริโภค ที่จะเป็นผลผลิตสุกรขุนตลอดปี 2568 ประมาณ 21-23 ล้านตัว
สัปดาห์ระหว่างวันที่ 17-21 มีนาคม 2568 ราคาจำหน่ายปลีกสุกรเนื้อแดงสะโพกและหัวไหล่ของกลุ่มห้างค้าปลีกจะอยู่ที่ประมาณ 143 บาทต่อกิโลกรัม ในขณะที่กลุ่มเขียงตามตลาดสดจะอยู่ที่ประมาณ 150 บาทต่อกิโลกรัม ที่เป็นระดับราคาที่เหมาะสมทั้งผู้ผลิต ผู้ค้า และผู้บริโภค
ปัจจุบันการเลี้ยงสุกรทั่วประเทศยังคงมีความเสี่ยงด้านการบริหารสุขภาพสุกร ทั้งอากาศร้อนและมีฝน ซึ่งเป็นสภาพเสี่ยงต่อการเกิดโรคสุกรได้ จึงขอให้ผู้เลี้ยงสุกรช่วยกันดูแลสุขภาพสุกร เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อผลผลิตสุกร ที่อาจเกิดขึ้นจากปัญหาโรคสุกรที่จะกระทบอัตราการตายระหว่างการเลี้ยง
สุดท้ายนายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ ได้กล่าวว่าปกติผู้เลี้ยงสุกรจะดูแลผู้บริโภค สนองนโยบายรัฐด้วยดีเสมอมา โดยสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติและกลุ่มผู้เลี้ยงสุกรมีมาตรการในการควบคุมปริมาณผลผลิตให้สอดคล้องกับปริมาณความต้องการบริโภค เพื่อรักษาระดับราคาที่เหมาะสมทั้งผู้เลี้ยงสุกร ผู้ค้า และผู้บริโภค ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล และกระทรวงพาณิชย์