เคยสงสัยไหมว่าทำไมเวลายกแขนสูงๆ ถึงรู้สึกปวดไหล่ หรือปวดไหล่จนทำให้นอนไม่หลับ อาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณเตือนของ เอ็นหัวไหล่ฉีกขาด โรคที่ค่อยๆ กัดกินคุณภาพชีวิตให้แย่ลง ซึ่งบางคนอาการอาจรุนแรงจนไม่สามารถใช้แขนได้เหมือนเดิม
นายแพทย์รัฐภูมิ วัชโรภาส ศัลยแพทย์กระดูกและข้อ – เวชศาสตร์การกีฬาและโรคข้อไหล่และข้อเข่า โรงพยาบาลเวชธานี กล่าวว่า เอ็นหัวไหล่ฉีกขาด (Rotator Cuff Tear) เป็นภาวะที่พบได้บ่อยในกลุ่มคนที่ใช้งานหัวไหล่อย่างหนัก ไม่ว่าจะเป็นนักกีฬา ผู้ที่ต้องทำงานยกของหนัก หรือผู้สูงอายุที่มีกล้ามเนื้อและเอ็นอ่อนแอลงตามวัย หรืออาจเกิดจากอุบัติเหตุ ปัญหานี้สามารถส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวและคุณภาพชีวิต
อาการเอ็นหัวไหล่ฉีกขาด จะทำให้ปวดไหล่เวลานอนโดยเฉพาะตอนนอนตะแคงทับ, ปวดไหล่เวลายกแขนขึ้นหรือลงในบางท่า, อ่อนแรงในขณะยกหรือหมุนหัวไหล่ และเสียงเสียดสีในขณะขยับบางท่าของไหล่
เอ็นหัวไหล่ฉีกขาดมีหลายสาเหตุดังนี้
การใช้งานไหล่ที่มากเกินไป คือ การใช้ไหล่ทำงานซ้ำ ๆ เช่น ยกของหนัก หรือเล่นกีฬาที่ต้องใช้แขนมาก เช่น เทนนิส ว่ายน้ำ แบดมินตัน
อาการบาดเจ็บ เช่น การล้ม การสะดุด หรือการเคลื่อนไหวที่ผิดท่าจนอาจทำให้เอ็นหัวไหล่ฉีกขาดทันที
ความเสื่อมตามวัย โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ เอ็นหัวไหล่อาจเสื่อมสภาพ ทำให้มีความเสี่ยงต่อการฉีกขาดเพิ่มขึ้น
โครงสร้างร่างกาย ความผิดปกติในโครงสร้างข้อไหล่อาจทำให้เอ็นเกิดการเสียดสีจนเสียหาย
การวินิจฉัยเริ่มต้นด้วยการตรวจร่างกาย เพื่อประเมินอาการเจ็บปวดและความผิดปกติ จากนั้นแพทย์อาจพิจารณาการทำ MRI เพื่อให้ได้ภาพรายละเอียดของโครงสร้างในบริเวณไหล่อย่างชัดเจน ซึ่งจะช่วยให้สามารถวางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสม ทั้งนี้ การรักษาเอ็นหัวไหล่ฉีกขาดจะขึ้นอยู่กับอาการและระดับความรุนแรง โดยสามารถแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบหลักดังนี้
ระยะอักเสบหรือฉีกขาดบางส่วน แพทย์จะให้รับประทานยาร่วมกับการทำกายภาพบำบัด และพักการใช้งานไหล่ หากรับประทานยาและกายภาพบำบัดแล้วอาการยังไม่ดีขึ้น แพทย์จะแนะนำให้ฉีดสเตียรอยด์หรือยาต้านอักเสบ เพื่อลดการอักเสบ
ระยะฉีกขาดรุนแรงหรือฉีกขาดทั้งหมด แพทย์จะแนะนำให้ผ่าตัดด้วยการส่องกล้องเพื่อซ่อมแซมเส้นเอ็น ซึ่งผู้ป่วยจะมีแผลขนาดเล็ก ฟื้นตัวเร็ว สามารถกลับไปใช้งานไหล่และแขนได้ตามปกติหรือใกล้เคียงปกติเร็วขึ้น
แต่ในผู้ป่วยที่มีเส้นเอ็นขาดขนาดใหญ่ หลังเย็บซ่อมเส้นเอ็น อาจมีโอกาสฉีกขาดซ้ำได้ ปัจจุบันจึงมีวิธีการต่างๆมากมายเพื่อลดโอกาสในการฉีกขาดซ้ำ การใช้ Biologic collagen patch มาช่วยเสริมความแข็งแรงในการเย็บซ่อมเส้นเอ็น สามารถกระตุ้นให้เกิดการสมานเส้นเอ็นกับกระดูกได้ดีขึ้น ถือเป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการพิสูจน์ทางการแพทย์ว่า สามารถช่วยลดการฉีดขาดซ้ำหลังผ่าตัด รวมทั้งช่วยลดระยะเวลาการกายภาพหลังผ่าตัด สามารถกลับไปใช้หัวไหล่ได้เร็วขึ้นส่งผลให้ผู้ป่วยได้ผลการรักษาที่ดีขึ้น
หลังจากการผ่าตัดเอ็นไหล่ฉีก ขั้นตอนการฟื้นฟูเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ผู้ป่วยกลับมาใช้งานได้เต็มที่ โดยทั่วไปจะแบ่งการฟื้นฟูเป็น 3 ระยะดังนี้
1.ระยะพักฟื้นเริ่มต้น 1-6 สัปดาห์แรก
ในช่วงนี้ต้องให้ไหล่อยู่ในสลิงเพื่อป้องกันการเคลื่อนไหวที่อาจทำให้แผลฉีกขาดอีก หลีกเลี่ยงการใช้งานหนัก อาจจะขยับเบา ๆ เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนเลือด เช่น การหมุนข้อมือ หรือการยืดกล้ามเนื้อเบื้องต้น
2.ระยะฟื้นฟูกล้ามเนื้อและการเคลื่อนไหว 6-12 สัปดาห์
เมื่อแผลเริ่มสมานดีแล้ว ให้เริ่มกายภาพบำบัดฝึกการเคลื่อนไหวไหล่แบบเบา ๆ และเพิ่มการยืดหยุ่นของข้อไหล่ รวมถึงการเสริมสร้างกล้ามเนื้อรอบ ๆ ไหล่เพื่อให้มั่นคงขึ้น
3.ระยะฟื้นตัวเต็มที่ 3-6 เดือน
เน้นการออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความแข็งแรงและความคล่องตัว
โดยระยะเวลาฟื้นตัวทั้งหมดจะขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการฉีกขาด ส่วนใหญ่จะใช้เวลาประมาณ 4-6 เดือนในการกลับมาใช้ชีวิตปกติ
อย่างไรก็ตาม เอ็นหัวไหล่ฉีกเป็นปัญหาที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย แต่สามารถป้องกันได้ด้วยการดูแลสุขภาพกล้ามเนื้อหัวไหล่และหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่เสี่ยง หากคุณมีอาการเจ็บปวดหรือข้อไหล่ติดแข็ง ควรรีบมาพบแพทย์ เพราะถ้าหากปล่อยไว้อาจทำให้อาการปวดเรื้อรังและเส้นเอ็นบาดเจ็บมากขึ้น กลายเป็นความทรมานที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต