ผักกาดหอม
แผ่นเสียงตกร่อง
มาแนวเดียวกับลุงป้าติดคุกเพราะเก็บเห็ดเลยครับ
๔๔ สส.พรรคส้มถูก ป.ป.ช.ออกหนังสือเชิญให้ไปรับทราบข้อกล่าวหา คดีร่วมลงชื่อแก้ ม.๑๑๒ มีความผิดต่อมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง
สส.พรรคส้มเขาเถียงคอเป็นเอ็น แค่แก้กฎหมายตามหน้าที่ จะผิดต่อมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรงได้อย่างไรกัน
“คำพอง เทพาคำ” สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน โพสต์ข้อความหลังได้รับหนังสือลับจาก ป.ป.ช. ข้องใจในความผิดของตัวเอง
“…เป็นผู้แทนราษฎร ถูกซื้อให้เป็นงูเห่าเกือบร้อยล้านไม่เอา ไม่เคยรุกเขารุกป่ารุกลำน้ำ ไม่มี หจก.บริษัทรับเหมา ไม่มีสนามกอล์ฟทั้งของตัวเอง และครอบครัว
ไม่เคยล่วงละเมิดทางเพศใคร ทำงานร่วมกับเพื่อน สส.พิจารณาออกกฎหมายตามหน้าที่
แล้วมา กล่าวหาว่าข้าฯ ล่วงละเมิดจริยธรรมร้ายแรง ?…”
นับว่าประเสริฐอย่างยิ่งแล้วล่ะครับ ที่ไม่เป็น สส.งูเห่า ไม่ล่วงละเมิดทางเพศ รุกป่า คดโกง อย่างนักการเมืองตั้งแต่ระดับท้องถิ่นยันระดับชาติเขาทำกัน
แต่อย่าเข้าใจผิดเกี่ยวกับ “ละเมิดจริยธรรมร้ายแรง” อย่างเด็ดขาด
ละเมิดจริยธรรมร้ายแรง เป็นประโยคที่ปรากฏใน มาตรฐานทางจริยธรรมของ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดํารงตําแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ. ๒๕๖๑ ซึ่งนำมาใช้กับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรด้วย
ฉะนั้น มันมากกว่าการโกง ข่มขืน หรือการเป็น สส.ขายตัว
มันเกี่ยวกับการทำหน้าที่ด้วย
รัฐธรรมนูญ ๒๕๖๐ หรือรัฐธรรมนูญปราบโกง ที่พรรคส้มกระเหี้ยนกระหือรือจะฉีกให้ได้ กำหนดให้ต้องสร้างมาตรฐานทางจริยธรรมขึ้นมา เพราะนักการเมือง องค์กรอิสระ ในอดีตมีปัญหาเรื่องจริยธรรมซ้ำซาก
มีอยู่ ๒ มาตราครับ
มาตรา ๗๖ วรรคสาม ก.พ.และองค์กรกลางบริหารงานบุคคลเจ้าหน้าที่ของรัฐแต่ละประเภท ร่วมกันจัดทำขึ้น สำหรับ ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ของรัฐในกำกับของฝ่ายบริหาร
มาตรา ๒๑๙ ให้ศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ ร่วมกันกำหนดมาตรฐานทางจริยธรรม สำหรับ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา และคณะรัฐมนตรี
มาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง แบ่งออกเป็นทั้งหมด ๔ หมวด
หมวดที่สำคัญที่สุดคือ “หมวด ๑ มาตรฐานทางจริยธรรมอันเป็นอุดมการณ์”
สาระสำคัญอยู่ในข้อ ๕-๑๐ ดังนี้
ข้อ ๕ ต้องยึดมั่นและธำรงไว้ซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
ข้อ ๖ ต้องพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ เอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งอาณาเขตและเขตที่ประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตย เกียรติภูมิและผลประโยชน์ของชาติ ความมั่นคงของรัฐ และความสงบเรียบร้อยของประชาชน
ข้อ ๗ ต้องถือผลประโยชน์ของประเทศชาติเหนือกว่าประโยชน์ส่วนตน
ข้อ ๘ ต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไม่แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ เพื่อตนเองหรือผู้อื่น หรือมีพฤติการณ์ที่รู้เห็นหรือยินยอมให้ผู้อื่นใช้ตำแหน่งหน้าที่ของตนแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ
ข้อ ๙ ต้องไม่ขอ ไม่เรียก ไม่รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดในประการที่อาจทำให้กระทบกระเทือนต่อการปฏิบัติหน้าที่
และ ข้อ ๑๐ ต้องไม่รับของขวัญของกำนัล ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด เว้นแต่เป็นการรับจากการให้โดยธรรมจรรยา และการรับที่มีบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ระเบียบ หรือข้อบังคับให้รับได้
สามี ภรรยา อายุ ๔๐ กว่า ถูกศาลลงโทษจำคุก สื่อบางสำนักตั้งชื่อคดีว่า “ตายายเก็บเห็ด” แต่ความจริงคือ ไม่มีการเข้าไปเก็บเห็ดใดๆ ทั้งสิ้น
ทั้งคู่โดนคดี เรื่องการลักลอบตัดไม้ทำลายป่า และมีไม้สงวนไว้ในครอบครอง
ศาลฎีกาพิพากษาว่า การกระทำความผิดของจำเลย ส่งผลกระทบต่อสภาพนิเวศน์ทางธรรมชาติ และยากที่จะทำให้ป่าไม้ฟื้นคืนสมบูรณ์ได้ในเร็ววัน จึงถือเป็นเรื่องร้ายแรง และสั่งจำคุกทั้งคู่ทันที
อย่างไรก็ตาม จากการให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ทำให้เจ้าหน้าที่ทำงานได้ง่าย จึงลดโทษ เหลือจำคุกคนละ ๕ ปี ขณะที่เรื่องของความเสียหายต่อทรัพยากรธรรมชาติ กรมป่าไม้เรียกร้องจากผู้ต้องหาเป็นจำนวนเงิน ๒.๕ ล้านบาท
ปัจจุบันทั้งคู่พ้นโทษไปแล้วครับ เพราะได้อภัยโทษ
เช่นกัน สส.และอดีต สส.พรรคส้ม ๔๔ คน เข้าชื่อขอแก้ ม.๑๑๒ วันนี้มีการประโคมให้เชื่อว่า แค่แก้กฎหมายตามหน้าที่ถึงขั้นผิดจริยธรรมร้ายแรงเลยหรือ
ไม่ได้ผิดศีล ๕ ซะหน่อย
มันไม่ใช่แค่แก้กฎหมายครับ
เป้าหมายของพรรคส้ม รู้ๆ กันอยู่ว่ามิได้จบที่แก้ ม.๑๑๒
มันมากกว่านั้น!
มีการอ้างว่ามาตรฐานทางจริยธรรมเป็นเรื่องเชิงอุดมการณ์ นามธรรม จับต้องยาก
แต่ลองไปอ่านมาตรฐานจริยธรรมให้ดีนะครับ
ข้อ ๕ และ ข้อ ๖ บัญญัติไว้ชัดเจน
ต้องยึดมั่นและธำรงไว้ซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
ต้องพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ เอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งอาณาเขตและเขตที่ประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตย เกียรติภูมิและผลประโยชน์ของชาติ ความมั่นคงของรัฐ และความสงบเรียบร้อยของประชาชน
กลับไปดูคำพิพากษาศาลรัฐธรรมนูญ คดีพรรคก้าวไกล และ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” นำประเด็นแก้หรือยกเลิก ม.๑๑๒ ไปหาเสียงเลือกตั้ง
“… บทบัญญัติมาตรานี้คุ้มครองมิให้ใช้สิทธิ หรือเสรีภาพที่จะส่งผล เป็นการบั่นทอน ทำลายหลักการพื้นฐานของรัฐธรรมนูญ และสั่นคลอนคติรากฐาน ของการปกครองระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขของไทยที่ดำรงอยู่ให้เสื่อมทราม หรือสิ้นสลายไป จึงบัญญัติให้มีกลไกปกป้องระบอบการปกครองจากการถูกบั่นทอน บ่อนทำลายโดยใช้สิทธิเสรีภาพ ทางการเมืองที่เกินขอบเขตของบุคคลหรือพรรคการเมืองไว้…”
“…การที่ผู้ถูกร้องทั้งสองเสนอให้มาตรา ๑๑๒ ออกจากลักษณะหนึ่งความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร เป็นการกระทำเพื่อมุ่งหวังให้ความผิดตามมาตรา ๑๑๒ เป็นความผิดที่ไม่มีความสำคัญ และความร้ายแรงระดับเดียวกับความผิด ในหมวดของลักษณะ ๑ และไม่ให้ถือเป็นความผิดที่กระทบต่อความมั่นคงของประเทศอีกต่อไป มีเจตนามุ่งหมายที่จะแยกสถาบันพระมหากษัตริย์กับความเป็นชาติไทยออกจากกัน ซึ่งเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของรัฐอย่างมีนัยสำคัญ…”
“…การที่ผู้ถูกร้องทั้งสองเสนอแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๒ และใช้เป็นนโยบายพรรคในการหาเสียงเลือกตั้งดังกล่าว มีเจตนาเซาะกร่อน บ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นเหตุให้ชำรุด ทรุดโทรม เสื่อมทราม หรืออ่อนแอลง นำไปสู่การล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขในที่สุด ข้อโต้แย้งของผู้ถูกร้องทั้งสองจึงฟังไม่ขึ้น…”
ชัดมั้ยครับ!
‘พิธา-ก้าวไกล’ หาเสียงว่าจะแก้ ม.๑๑๒
๔๔ สส.พรรคส้ม ร่วมลงชื่อแก้ ม.๑๑๒
หาก ป.ป.ช.ชี้มูลว่า ๔๔ สส.มีความผิด เรื่องจะถูกส่งต่อไปศาลฎีกา
โทษหนักมาก เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดชีวิต
และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งไม่เกิน ๑๐ ปี
ไม่มีสิทธิดำรงตำแหน่งใดๆ ทางการเมือง
