“จีน-ไทย” ในมิติ “ปราบโจร” #เปลวสีเงิน

เปลว สีเงิน

คำ “แทงใจดำ” คนพรรคเพื่อไทยที่สุดวันนี้ คือคำว่า
“ทักษิณสิ้นมนต์ขลัง”
ถ้าคิดจะคบกันถึงเฟส ๓ ได้ “๑ หมื่น” ละก็ “ห้ามพูด” รู้มั้ย!

วันนี้ เฮียเขาคงกลับจากมาเลย์แล้วหละ เห็น “นายกฯ อันวาร์” โพสต์ทั้งภาพและข้อความแต่วาน ว่า

“มีการประชุมที่มีความหมายในบ่ายนี้กับอดีตนายกรัฐมนตรีไทย Thaksin Shinawatra
ที่เป็น “ประธานกลุ่มที่ปรึกษา” อย่างไม่เป็นทางการต่อ “ประธานอาเซียน”

เราหารือเกี่ยวกับเรื่องสําคัญที่หลากหลาย รวมถึงสถานการณ์ในพม่า รวมถึงการพัฒนาสกุลเงินดิจิทัล
ตอนเย็น เรามาสนทนากับอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสิงคโปร์ จอร์จ เยอ”

โอ๊ะ…
นายกฯ มาเลย์ โปรโมทอดีตนักโทษคอร์รัปชันของไทย ให้เป็นถึง “ประธานที่ปรึกษาประธานอาเซียน” เลยนะเนี่ย

เซอรไพรส์!
คุยสถานการณ์ในพม่า คุยถึงการพัฒนาเงินสกุลดิจิทัล

แล้วไม่คุยปัญหา ๓ จังหวัดชายแดนใต้ ที่หัวหน้าขบวนแบ่งแยกอยู่ในมาเลย์บ้างเลยรึ?

อยากรู้จริงๆ ว่า นายกฯ มาเลย์คิดยังไง ที่เชิญทักษิณไปเป็นที่ปรึกษาฯ?

เพราะท่านต้องทราบ ว่าทักษิณเป็นอดีตนักโทษคดีคอร์รัปชัน “โกงบ้าน-กินเมือง” กำลังเป็นจำเลยสังคม
ก้ำกึ่งจะเป็น “เทวดาคืนคุก”!

ที่สำคัญ เป็นจำเลยต่อ “ศาลอาญา “ด้วยความผิดตามมาตรา ๑๑๒
ในบ้านเมืองไทย ทักษิณไม่มีราคาต่อ “สังคมไทย-สังคมธรรม” เลย

แต่นายกฯ อันวาร์กลับนำไปเสริมบารมีในตำแหน่งประธานอาเซียน ชื่นชมดมจูบ
ในขณะที่คนไทยส่วนใหญ่ “อาเจียน”!?

อะไรก็ไม่เท่า การนำทักษิณซึ่งมีจุดเน่าทั้งตัวทางสังคมไปเชิดชูในเวทีอาเซียน
ทำให้เกิดทัศนคติสังคม “เสแสร้ง-แย้งย้อน” ไม่เพียงกับชาวอาเซียน ยังรวมถึงชาวโลกด้วย

ส่วนใหญ่จะมีคำถาม “ทักษิณมีตำแหน่ง-ฐานะอะไรในรัฐบาลไทย?”

ที่นายอันวาร์ ในฐานะประธานอาเซียน ต้องชูเชิดและเชิญไปประชุมหารือเรื่องพัฒนาเงินสกุลดิจิทัล?

แม้กระทั่งกับเรื่องสถานการณ์ในพม่าก็เถอะ
เพราะทักษิณ เป็นบุคคลต้องห้ามทางการเมือง ไม่สามารถมีตำแหน่งใดๆ ได้ เป็นสมาชิกพรรคก็ยังเป็นไม่ได้
เป็นได้อย่างเดียว คือ เป็น “พ่อนายกฯ”!

ดังนั้น นายอันวาร์ “อิงภาพไทย” ผ่านการลากทักษิณเข้าไปเป็นหมากในกระดานการเมืองอาเซียน ด้วยเจตนาใด
ถ้าไม่เพื่อต้องการสร้าง “สับสน-ไขว้เขว” บางประการเชิงซ่อนเร้นให้เกิดทางสังคมการเมืองระหว่างประเทศและสังคมอาเซียน?

หรือนายอันวาร์รู้ทะลุแก่น….
ว่านายทักษิณไม่เพียง “นายกฯ ตัวจริง” ของไทย ยังมีอิทธิพลบารมีเหนือ “อำนาจประเทศ” ด้วย

ถึงขั้นอาจสั่งให้ไทยมี-ไม่มี เงิน “สกุลใหม่” แทนสกุล “เงินบาท” ได้?!

แต่ถึงขั้นจะใช้ “รูปทักษิณ” เป็นสัญลักษณ์บนเหรียญดิจิทัลด้วยหรือไม่
ตรงนี้ ผมไม่สามารถประเมิน “สิ่งรู้-สิ่งเข้าใจ” ของนายอันวาร์ท่านได้ จึงขอละไว้

บ้านเมืองไทยเราช่วงนี้ โดยเฉพาะปีนี้-ต่อจากนี้ ถึงปีหน้า ตามสิทธิการิยะท่านว่า

ทั้งปัญหาจากนอกประเทศ ทั้งคนต่างด้าว-ท้าวต่างแดน จะนำมา “ทั้งคุณ-ทั้งโทษ” สู่บ้านเมือง
เข้าลักษณะ “ร้ายก็มามี-ดีก็มามาก”

อย่างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แก๊งสแกมเมอร์ แก๊งค้ามนุษย์ ผุดที่ “พม่า-เขมร”
แต่ใช้บริการ “น้ำ-ไฟ-เน็ต” เครื่องอุปโภค-บริโภค จากฝั่งไทย
แถมใช้ “สุวรรณภูมิ-ดอนเมือง” เป็นประตูเข้า แล้วพาเหยื่อที่หลอกมาส่งไปขายเป็นสินค้ามนุษย์ให้พวกแก๊งในพม่า-เขมร ผ่านทางด่านชายแดนไทย
เกิดเป็นเรื่องราว-ฉาวโลก

แทนที่รัฐบาลเพื่อไทย โดยนายกฯ แพทองธาร ในฐานะ “ประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติ”
หรือนายภูมิธรรม “ผู้จัดการรัฐบาล” ผู้รับมอบงานด้านความมั่นคง ที่คุยนัก-คุยหนา “รู้ปัญหา-รู้งาน”

แทนที่จะรู้หน้าที่ กลับโยนไปที่คนนั้น-คนนี้ จนกระทั่งจีน ในฐานะผู้เสียหายด้วย “เหลืออด”

ต้องส่งมือปราบพญายม “นายหลิวจงอี้” ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะของประเทศจีน นำคณะเข้ามา

พูดภาษา “ไว้หน้า-ไว้ตา” ก็มาหารือกับฝ่ายไทยเพื่อปราบแก๊งอาชญากร “จีนเทา” เพราะมีคนจีนตกเป็นเหยื่อถูกหลอกมามากที่สุด

ขนาดจีนเข้ามาชี้นิ้ว แต่ “หนูเอ๋อ” ทั้งในฐานะนายกฯ และในฐานะประธานสภาสมช.ก็ยังไม่ประสี-ประสา
ขณะที่คนไทย “หน้าชา” ทั้งประเทศ!

“ภูมิธรรม” ผู้อภิบาลคุณหนู ก็จำต้องทำหน้าที่ประธานสมช.ตามที่นายกฯ มอบหมาย แถลงแบบงึมๆ งัมๆ จับความใส่ตะแกรงร่อนได้ว่า

“ตัด-ไม่ตัด” ยังงึกๆ งักๆ จับความพอได้ว่า
-ให้กระทรวงต่างประเทศประสานกับทางพม่า คือให้พม่าไปพูดคุยกับบริษัทเอกชนในพื้นที่ ถ้าไม่แก้ไข ไทยอาจตัดไฟครึ่งหนึ่ง เพื่อให้กระแสไฟตก ในจุดที่ยังใช้งานอยู่

กับคำถามที่ว่า….
“มุ่งตัดไฟที่เกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แต่ส่วนประชาชน ยังให้ใช้บริการอยู่ใช่มั้ย?

คำตอบฟังยาก-เข้าใจยากของนายภูมิธรรม สรุปว่า

“ต้องดูข้อเท็จจริง….
มันรู้อยู่แล้ว ไม่ต้องถามว่าเป็นอย่างไร เราสำรวจอยู่ “กองกำลังชายแดน” ก็ตรวจสอบอยู่ ประชาชนแถวนั้นรู้หมด (แต่ทำไมเจ้าหน้าที่รัฐไม่รู้ล่ะ)

ดังนั้น ตรงนี้ ก็จะมีมาตรการจัดการ แต่หัวใจหลักตอนนี้อยู่ที่เมืองชเวก๊กโก และ KK park
เราต้องพูดคุยกับ “สาธารณรัฐประชาชนจีน” ก่อน เพราะเรื่องนี้ ไม่ใช่แค่ประเทศไทยอย่างเดียว”

“ขอดูรายละเอียดหลังจากที่ผมกลับจากจังหวัดตากก่อน การตัดไฟ ไม่จำเป็นต้องเอาเข้าครม.เพราะ สมช.สามารถดำเนินการได้เลย”

เราไม่มีหน้าที่ทำตามกระแสที่ทวงถามจะตัดไฟกี่โมง (อุ๊ย…เท่จัง) แต่เรามีหน้าที่ทำตามข้อเท็จจริงและตามกฏหมาย”

สรุปชัดๆ ซิ ท่านรองนายกฯ….

“เราทำหน้าที่ตามข้อเท็จจริงและตามกฏหมาย”
หรือต้องทำตามเจ้าหน้าที่จีนสั่ง?

เพราะถ้าทำตามข้อเท็จจริงและตามกฎหมาย ไทยจะเป็น “ฮับ” ให้แก๊งจีนเทาก่ออาชญากรรมไปทั่วโลก โดยไม่รู้สึก-รู้สา จนกระทั่งจีนต้องเข้ามากระชากตูดอย่างนี้หรือ?

สรุปความทั้งหมดแล้ว การบริการ “ไฟฟ้า-ประปา-อินเทอร์เน็ต” จากฝั่งไทย ไปให้แก๊งอาชญากรรมในพม่า

ไทย โดยสมช. “พูดได้-รู้หมด”
แต่ “ไม่ทำ” จนกระทั่งจีนต้องส่งคนมาลงแส้!?

ขอเสือกด้วยหวังดีนิด ที่ว่า “ตัดไฟไม่จำเป็นต้องเอาเข้าครม.เพราะ สมช.สามารถดำเนินการได้เลย” นั้น

ภูมิธรรมไปอ่าน ๗ ข้อว่าด้วยอำนาจหน้าที่ของสภาสมช.ดูก่อนนะ ว่ามีข้อไหน ที่บอกว่า “ทำได้เอง” ทันที
โดยไม่ต้องเสนอให้นายกฯ หรือครม.พิจารณาก่อน ห่วงคุกแทนน่ะ บอกตรง!

มีรัฐบาลที่เหมือนหนูคอยเจาะรูหาอาหารแล้ว ประชาชนที่เหมือนแมว ขืนนอนหวด
หมดแน่…ประเทศ!

ไทยยุครัฐบาลนายกฯ พ่อเลี้ยง เรื่องราวสัมพันธ์ไปถึงมาเลย์, เขมร, พม่า, จีน กระทั่งยุโรป สหรัฐฯ และยังจะมีมามากกว่านี้อีก

แต่ใช่ว่าจะร้ายไปซะทั้งหมด อยากจะบอกว่า…
การที่จีนส่ง “นายหลิวจงอี้” เข้ามา ในมุมเป็นคุณ

“มาทันเวลา” ก่อนที่ประเทศจะถูกแทะและปล่อยให้ถลำตามบุญ-ตามกรรมลงไปลึกกว่านี้!

พูดกันตรงๆ ถ้าจีนไม่มอบหมายให้นายหลิงจงอี้เข้ามาประสานข้อมูล ปัญหาจีนเทาว่าด้วยแก๊งคอลเซ็นเตอร์

ไทยจะได้ชื่อเป็น “ศูนย์กลางอาชญากรรมโลก” อีกแห่ง จะถูกบรรจุในแบล็กลิสต์ “ประเทศควรระวัง” หรือถึงขั้น “ต้องห้าม” เข้ามาท่องเที่ยว

รัฐบาลรู้อยู่แล้ว แต่ทำเป็นไม่รู้
ว่ามีเจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายประเทศ ทั้งในอาฟริกา ในเอเชีย ในตะวันออกกลาง กระทั่งในอาเซียน มาร้องเรียนเชิงแจ้งให้แก้ไข

ว่าอาชาญกรแก๊งจีนเทา ใช้ชื่อ “ประเทศไทย” ไปโฆษณาหลอกให้คนในประเทศเขาเข้ามาทำงาน

พอมาถึงไทย มีรถไปรับถึงสนามบินสุวรรณภูมิ แล้วพุ่งตรงส่งไปขายเป็นทาสให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ในพม่าตรงข้ามฝั่งไทย

ด่านชายแดน แถวแม่สอด-แม่สาย กระทั่งทางตะวันออกของไทย “เข้าง่าย-ออกง่าย” ยิ่งกว่าเข้าออกประตูส้วมสาธารณะซะอีก

การที่จีนส่ง “มือปราบระดับพญายม” ของเขามาช่วยปราบแก๊งจีนเทา เท่ากับเด็ดดอกไม้สะเทือนถึงเจ้าหน้ารัฐทุกระดับ

“ศักดิ์ศรี” บางทีก็แค่ข้ออ้าง “บังหน้า” เหมือนนักการเมือง “อ้างประชาธิปไตย” เพื่อทำจัญไรเมือง

คิดในมุมกลับ ก็ดีเหมือนกัน และต้องขอบคุณจีน ไม่งั้น ป่านนี้ รัฐบาล-สมช.ก็ยังไม่ตื่น

เห็น “ภัย” จากนอกประเทศเป็นมุมร้ายกับบ้านเราตอนนี้แล้ว ก็ใจเย็นๆ ไม่ช้า-ไม่นานหรอก

ที่ “เป็นคุณ” จากนอกประเทศก็จะมีเปรี้ยงปร้างเข้ามาเรียกว่า “หน้าใส” กันทั้งประเทศ

ตราบใดที่บ้านเมืองไทยยังมีสถาบันพระมหากษัตริย์
ที่เห็น จะร้าย..จะร้าย เดี๋ยวก็กลายเป็นดี

ประเทศไทยน่ะ “รวยทน-จนไม่นาน” เชื่อผมเหอะ!

เปลว สีเงิน
๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘

Line Open Chat *เพิ่มช่องทางการรับข่าวสาร จากเว็บไซต์ *อ่านคอลัมน์ เปลว สีเงิน ก่อนใคร *ส่งตรงถึงมือทุกคืน *เปิดกว้างเพื่อแฟนคอลัมน์พูดคุยแบบกันเอง ทุกเรื่องราว ข่าวสารบ้านเมือง สังคม ฯลฯ
Written By
More from plew
ไมค์ “ผู้มีนักศึกษาเป็นสาวก”
“นายอานนท์” นี่ แพรวพราว สมเป็นทนาย ลีลา “รู้หลบเป็นปีก-รู้หลีกเป็นหาง” เยี่ยม! ทำผิดเงื่อนไขประกันตัว …….. ศาลถอนประกันเมื่อวาน (๓ กย.๖๓)...
Read More
0 replies on ““จีน-ไทย” ในมิติ “ปราบโจร” #เปลวสีเงิน”